๏ ช่วยกันบ้าง >>> กลางวุ่นวาย <<< กลายวุ่นวาง ๏
09.06 น.
กะตื่นเช้าโล้โคลงเคลง<>กะเตงเช้าโล้โคลงขื่น
๏ กี่ทาง กลางที่เจ้า .............. แสวงหา บางกอก บอกกลางนา .......... ก่อนนั้น กลางบ่อน กร่อนบางตา ......... หรือเบียด แน่นแน กลางอยู่ กู่ยางปั้น ................ แต่งไร้ยางอาย ๏ นายใจ ไหนจ่ายให้ ............ บ่าวกาย จ่ายพิษ จิตไพร่หมาย ............ จิตเจ้า บ่าวนาย บ่ายหนาวคลาย ........ ร้อน ฤ จี้เผ่า เจ้าพี่เฝ้า ..................... กราบเท้าเจ้านาง
๏ กลางร้าย กลายล้างไล่ ........ ซ้ายขวา ใช่อยู่ ชู้วว์ใหญ่มา ................. ไล่เจ้า หวังรอด วอดหลังหา .............. รู้ไม่ ใช่เด่น เช่นได้เท้า ................. ตบไม้ตบมือ
๏ กระสือด่า กระสาดื้อเลือก .... เป็นนาย กบเอย เจ้ากบ จบเกล้าวาย ............... วอดสิ้น นำจิต นิดจำสาย ................... บ่ายคิด คำปู่ ครูปล้ำดิ้น ..................... คิดด้วยคำใด- ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว จิตเป็นเจ้าต้องนำใจ บารนี ๚ะ๛
09.31 น.
*** 09.31 น.
กะนอนลงกลอนค่ำ<>กระหน่ำลงกลอนคลอน
๏ กาย มรณะ มะระ-นอนะแรด บ่าว แก่แดด glad แด-ดิ้นแค่ไหน กาย เนื้อเรา เน่าเหลือ-เลือดเนื้อเชื้อไข บ่าว ไพร่ทาส พลาดไท้-เลิกให้ฤๅ
๏ ใจ ไหวสั่น หวั่นใส-ขุ่นใจจับ นาย สนศัพท์ สับสน-จนใจหรือ ใจ คิดรอด คลอดฤทธิ์-ใจ kid ดื้อ นาย หลงอื้อ รื้อองก์-หลงรูปนาม
๏ นามธรรม ใจ ไทยจำ-คำอมตะ มรณะ ไหมไหนมะ-อาถรรพ์ห้าม รูปธรรม เน่า เฒ่านำ-บ่าวย่ำตาม ใจ กายนำ กรรมนาย-ตายแน่นอน
๏ จิต เป็นเจ้า เป้าเจน-จัดเห็นพระ จิต อมตะ อ๊ะ! มะตำ-อำพระสอน นามธรรม จิต ทิดจำ-คำร้อยกลอน นำ สอนใจ ใสจร-ก่อนเลือกข้าง-กลางวุ่นวาย<>กลายวุ่นวาง บารนี ๚ะ๛
09.55 น.
-------------------------------------------------------------------------------
บ่าว นาย เจ้า ... เจ้าเป็นใคร ... เจ้าเป็นบ่าว เจ้าเป็นนาย ใช่หรือ เจ้าเป็นเจ้า
กาย ใจ จิต ... วลีกลาง-วางกาลี ... ใจน้องพี่คิดอะไรอยู่ ... ดูใจกันมันสับสนจริง
กาย ... คราบสังขารของคนเรา เราไม่อาจจะควบคุมได้ ต้องแตกดับไปตามกาลเวลา
ใจ ... จิตวิญญาณของคนเรา เราควบคุมได้ จะให้สุขใจ หรือ ทุกข์ใจ อยู่ที่ใจเราเอง
พระพุทธเจ้า - เผ่าพุทธจ้ะ ทรงตรัสรู้ ---- สูตัดซะหลง ความจริงใน -- ไฟจริงนาม ใจนำกาย ---- กายนำใจ ใช่ ----------- ใช่ ธรรมชาติ ---- ทาสมะช้ำ ควบคุมกายไม่ได้ต้องแตกดับตายไป กายเนื้อจับต้องได้ เป็นรูปธรรม ล้วนต้องมรณะ
ควบคุมจิตวิญญาณให้ไปเกิดใหม่ได้ จิตวิญญาณจับต้องไม่ได้ เป็นนามธรรม ล้วนต้องอมตะ
ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว จิตเป็นเจ้าต้องนำใจ
ใจ เป็นรูปธรรม หรือ นามธรรม
มีกาย ต้อง มีใจ ... คือ หัวใจ ที่เป็นรูปธรรม ต้องมรณะตามกาย นายต้องตายตามบ่าว
มีจิต ต้องมีใจ ... คือ ใจคิด ที่เป็นนามธรรมตามจิตวิญญาณ เจ้าต้องไม่ตายตามนาย
ใจเป็นกลาง ... ใจเราสับสนวุ่นวาย จะรักษาใจให้เป็นอมตะได้หรือไม่
ใจกาย กายใจ ... เป็นคู่คำภาษาไทยที่มีใช้ในชีวิตประจำวัน ... นายต้องเดินนำหน้าบ่าว
ใจกาย ใจเป็นนายนำบ่าวไปทางไหน ทาง อมตะหรือมรณะ กายใจ ไยจึงให้บ่าวนำหน้าไปในทางที่บ่าวอยากเป็นอมตะ
จิตใจ ... เป็นคู่คำไทยเพียงคู่เดียว ที่ไม่มีคำว่า ใจจิต ใช้ในภาษาไทยเรา
ไม่น่ามีข้องกังขาใจใดเลยสำหรับท่านผู้มีดวงตาเห็นธรรม
จิต เป็นอมตะ ต้องนำใจไปสู่ความเป็นอมตะ คือ ตายแล้วไปเกิดใหม่
ควบคุมจิตบริสุทธิ์ของท่านไว้ให้ดี แล้วท่านจะได้เกิดใหม่ในศาสนาของศาสดาพระองค์นั้น เมื่อคำสอนของเราสิ้นสุดลงในห้าพันปี
ยังมีคนสมัยนี้เข้าใจจำคำบอกใบ้ทางของพุทธองค์ที่เราเคารพบูชากันบ้าง
ควบคุมจิตบริสุทธิ์ไว้ให้มั่น แล้วท่านจะได้เกิดเป็นสัตว์ประเสริฐ หากปล่อยวาง ขว้างจิตบริสุทธิ์ทิ้งไป จิตบริสุทธิ์ที่สัตว์ประเสริฐไม่ควบคุมไว้ จะดับสลายไปเกิดเป็นจิตในภพที่สูงหรือต่ำกว่าสัตว์ประเสริฐกันนะ
ท่านผู้เฒ่าที่ควบคุมจิตบริสุทธิ์ไว้ไม่ได้ จะไปเกิดใหม่เป็นอะไรนะนี่
กาย ใจ จิต --------------- ใจเป็นกลาง วุ่นวายสับสนที่สุด
วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ --- วัยรุ่นเป็นกลาง ท่ามกลางความสับสน เพราะ เป็นเด็ก หรือ เป็นผู้ใหญ่
ชาย เกย์/กระเทย หญิง --- เกย์/กระเทย เป็นเพศที่เป็นกลางจริงหรือ เป็นเพศที่สับสนวุ่นวายจริงหรือไม่
ถามใจท่านเอง ... ท่านเร่งให้คนกลางมาหานายกปกครองประเทศไทย ท่านแน่ใจแล้วหรือว่า ท่านจะอยู่รอดปลอดภัย
ถามใจท่านเอง ... ท่านเลือกข้างอยู่เป็นอมตะด้วยวิถีใด-วิถีให้ตัวท่านอยู่รอดตลอดไป หรือ จะให้เลือดเนื้อเชื้อไขท่าน ก็คือลูกหลานท่านอยู่รอดตลอดไป
วายวุ่นใจกลาง-วางวุ่นใจกาย ... ท่านจะไม่ปล่อยวางกันบ้างเลยหรือ
สวัสดีประเทศไทย
------------------------------------------------------------------------------- จารึกไว้ด้วยขวัญจินตกวี-วิบัติภัยประเทศท่าน<>วิบัติผ่านประเทศไทย-ในวันนี้
<<< นกผี ---> กวีคำผวน*กวนวะคำผี*กวนหวีคำพระ <--- หนีผก >>> -------------------------------------------------------------------------------
Create Date : 10 เมษายน 2553 |
|
113 comments |
Last Update : 23 เมษายน 2553 20:58:49 น. |
Counter : 5123 Pageviews. |
|
|
|
กะตื่นเช้าโล้โคลงเคลง<>กะเตงเช้าโล้โคลงขื่น
๏ จุดยำ จำหยุด บ้า ............ ตามเขา
เขลาใช่ ไข้เฉา เพลา .......... มากน้อย
น้อยมาก นากหม่อย เหงา .... หงิกง่อย
หงอยกลับ งับกลอย ก้อย .... เกี่ยวน้องกลับนา
๏ ป่าช่วย ป่วยช้า มาก ......... สมุนไพร
ไพร่เอก เพลกไอ้ ไอ .......... โขลกนั้น
โขกกลับ คลับโก๊ก ไย ......... โก๊กยับ
กลับโยก โกรกยับ ปั้น ......... แต่งเกล้ามวยผม
๏ ติดจม ตมจิต ล้าง ............ โคลนสระ โกนเวย
ตรมหนัก ตักนม คละ ........... คลุกเคล้า
แปะหน้า ป่าแนะ นะ ............. นวดอบ สมุนไพรแน
มีวุ่น หมุ่นหวี เจ้า ................. แต่งเผ้าผมสาง
๏ กร่างวาย กรายว่าง เว้น...... เจรจา
จินต์นาก จาก นินทา ............ ว่าร้าย
ว้ายกรี๊ด หวีด กรายหา .......... วายวุ่น
เจ้าค่ะ จะเข้า ป้าย ................ หนึ่งน้องนวลถนอม ๚ะ๛
11.12 น.
-----------------------------------------------------------------------------
จากกระทู้ถนนนักเขียน (บทกวี)
๏ บ้านโคลงผวน [ ๒๘ ] ... บ้า ... ๏ ... ของ คุณ: นกโก๊ก
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8961233/W8961233.html
-----------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 104
10.21 น.
๏ บ้านผวน บ้วนพล่าน บ้า ....... กันโคลง
เคลงแหลก แขก เหลงโหลง ... หลบหน้า
ที่ศาล ท่านซี โผง ................. ผางแน่น
บ่อนไพร่ ใบ้ผ่อน ผ้า ............. ล่อนจ้อนหอนโหย
๏ ใช่โกย โชย ไก่ฟ้า ............ กลิ่นสาบ
สางหนัก ศักดิ์นาง ราบ ........... คาบ-แก้ว
ตา-นก ตกนา คาบ ................ แก้วกลับ
บ้านแขก แบกคร้าน แล้ว ........ ผ่องแผ้วแขกปา-ทานทุกวัน เฝ้ายามอยู่บ้านโคลงผวน บารนี ๚ะ๛ (ฮี่ฮี่)
10.39 น.
-----------------------------------------------------------------------------
จากกระทู้ถนนนักเขียน (บทกวี)
******* ศาลาคนสวย หลังที่ ๘๗ ยินดีต้อนรับค่ะ******* ... ของ คุณ: สุนันยา
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9086544/W9086544.html
-----------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 171
09.40 น.
๏ ๗๙. นก โก๊กเน่า มากล่าวลา
ศาลาอ้อน ร้อนอา รมณ์หน้าแล้ง
ป่าดงสวน ดวลสง กรานต์ลงแดง
สวนแห้งน้ำ ห้ามแน่ง น้อยแห้งล้ม
๏ หมดแรงดิ้น ลิ้นแดง แรงร้อนใน
ทรางขุมไล่ ไข้รุม สุมหัว-ก้ม
หน้า-เจียมตน จนเตรียม เสียมจอบจม
จกดินก้ม ดมกลิ่น น้ำสินใจ
๏ ลองกองดก กกดอง หนองน้ำแห้ง
ด้วยแสงแดด แสดแดง แปลงผลไม้
เป็นทุนต่อ ท่อตุน น้ำขุ่นใส
วันใดเห็น เดนไห จะไหว้ขอขมา-หางานเก็บล้างจานแก้วตาศาลาคนสวย แม่เอยบารนี ๚ะ๛
10.09 น.
แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 53 10:12:38
จากคุณ : นกโก๊ก
เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 53 10:10:06
-----------------------------------------------------------------------------
แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 53 10:43:12
จากคุณ : นกโก๊ก
เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 53 10:38:00
-----------------------------------------------------------