หลังจากเก็บกวาด เช็ดล้างเรียบร้อยแล้ว ก็เข้ากิจกรรมหลักซะที ซึ่งก็คือ บำเพ็ญประโยชน์ ทำความสะอาดวัด ทั้งล้างห้องน้ำ ถูศาลาการเปรียญ ทำความสะอาดองค์กู่แก้ว ทุกสถานที่ในวัด เพื่อเป็นการปลูกฝังให้น้องๆว่าที่นักกฎหมายทั้งหลายคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมก่อนประโยชน์ส่วนตน(วาทะอาจารย์ พูดเมื่อเราอยู่ปี 1 เมื่อเราเป็นรุ่น 1 ไม่มีรุ่นพี่ แต่มีอาจารย์เป็นผู้วางแนวทางการปฎิบัติตนจ้า เพราะฉะนั้นจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง)
***ประวัติของวัดป่ากู่แก้วจ้า***ตั้งอยู่ที่บ้านดอนหน่อง ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม โบราณสถานแห่งนี้ ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม 2478 บริเวณนี้เป็นที่เป็นที่ตั้งของวัดป่ากู่แก้ว สภาพภายในพบซากอาคารก่อด้วยอิฐและศิลาแลง แต่พังทลายมากจนไม่ทราบรูปทรงที่แน่ชัด นอกจากนี้ยังมีคูน้ำรูปเกือกม้าล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง ปัจจุบันได้มีการสร้างพระพุทธรูปปูนปั้นทับอยู่บนส่วนหนึ่งของศาสนสถานเดิม ส่วนคูน้ำด้านทิศใต้ก็ได้มีการถมดิน และสร้างอุโบสถที่เป็นสถาปัตยกรรมยุคใหม่ขึ้นแทน เมื่อพิจารณาจากแผนผังของคูน้ำและซากโบราณสถาน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นศาสนาสถานในศิลปกรรมแบบขอม อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 และได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478 เช่นเดียวกับวัดพุทธมงคลและวัดสุวรรณาวาส