คาร์ลอส กอส์น ชูระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และรถยนต์ที่ไร้คนขับของนิสสัน
คาร์ลอส กอส์น ประธานบอร์ดและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนิสสัน มอเตอร์ จำกัด ได้แสดงปาฐกถาเกี่ยวกับความสำเร็จของเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต เพื่อลดการปล่อยมลพิษและการลดความรุนแรงของอุบัติเหตุบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ภายในงาน คอนซูมเมอร์ อิเล็กโทรนิก โชว์ (Consumer Electronics Show CES) หรืองานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2017 ณ ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
นาย. กอส์น ประกาศ 5 แนวทางหลักสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีการเคลื่อนที่อัจฉริยะของนิสสันหรือ Nissan Intelligent Mobility ที่จะทำให้นิสสันบรรลุการพัฒนาไม่ว่าจะเป็น การขับขี่ที่เสริมความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ที่ใช้ท้องถนนร่วมกันหรือIntelligentDriving การขับเคลื่อนที่ให้พลังสะอาดและไร้ซึ่งมลพิษหรือ IntelligentPower และรวมถึงการผสานเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมหรือ IntelligentIntegration
1. เพื่อเร่งเวลาของการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติให้ใช้ได้จริงในอนาคตอันใกล้มร. กอส์น ประกาศความสำเร็จการร่วมพัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่า "Seamless Autonomous Mobility (SAM)" หรือ การเคลื่อนที่อัตโนมัติแบบไร้รอยต่อ ที่พัฒนาจากเทคโนโลยีของแบบเดียวกับองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ นาซา (NASA) ซึ่งเป็นพันธมิตรของ SAMโดยเป็นการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (ArtificialIntelligence - AI) สำหรับการสนับสนุนเพื่อช่วยให้ยานพาหนะสามารถดำเนินการตัดสินใจในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงและสร้างการเรียนรู้ในระบบปัญญาประดิษฐ์นี้สำหรับเทคโนโลยีอัจริยะนี้จะช่วยให้รถยนต์แบบไร้คนขับจำนวนมากสามารถอยู่ร่วมกับรถยนต์ที่ยังใช้คนขับรถได้เร็วมากยิ่งขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการผสานเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมของนิสสันอีกด้วย
2. เพื่อขยายความสำเร็จของระบบขับขี่อัตโนมัติไปสู่ขั้นต่อไป นิสสันจะเริ่มต้นการทดสอบในประเทศญี่ปุ่นในปีนี้ ด้วยการกำหนดเป้าหมายของการพัฒนายานพาหนะแบบไร้คนขับสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์โดยทำงานร่วมกับ บริษัท ชั้นนำด้านอินเทอร์เน็ตของญี่ปุ่นอย่าง DeNA ซึ่งนิสสันจะมุ่งเน้นการทดสอบเพื่อก่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบของเทคโนโลยีนี้และคาดหวังว่าในอนาคตการทดสอบจะขยายเพื่อครอบคลุมการให้บริการเชิงพาณิชย์ในช่วงของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพในปี 2020
3. นอกจากนี้ แผนการที่จะสร้างความเป็นผู้นำของนิสสันในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเปิดตัวนิสสันลีฟ รุ่นใหม่ในเร็วๆนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของการขับเคลื่อนที่ให้พลังสะอาดและไร้ซึ่งมลพิษของนิสสันหรือ Intelligent Power โดยรุ่นต่อไปของรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดของโลกอย่างลีฟ จะได้รับการติดตั้งเทคโนโลยี ProPILOT หรือระบบขับขี่อัตโนมัติที่ปัจจุบันออกแบบมาเพื่อสำหรับใช้บนไฮเวย์ สำหรับการขับช่องทางเดินรถเดียว (automatedsingle-lane highway driving)
4. ภายใต้พันธมิตรเรโนลต์-นิสสันจะยังคงความต่อเนื่องกับความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ในการพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อมต่อสำหรับรถยนต์ในอนาคตโดย. โอกิ เรดซิค รองประธานอาวุโสของพันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน ด้านการเชื่อมต่อ (Ogi Redzic - Alliance SVP of Connected Cars) ได้สาธิตให้เห็นถึงวิธีการที่เทคโนโลยีที่เป็นระบบผู้ช่วยเหลือส่วนบุคคล (personal assistant) อย่างไมโครซอฟท์ Cortana ช่วยทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพและราบรื่นมากขึ้นโดย Cortana เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่พันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน และMicrosoft ค้นคว้าร่วมกัน
5. นิสสันยังประกาศความร่วมมือกับโครงการ100 เมืองที่คงทนยั่งยืน หรือ 100 Resilient Cities (100RC) ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มโดยองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่างมูลนิธิกี้เฟลเลอร์ในการช่วยให้แต่ละเมืองสามารถสร้างความยืดหยุ่นรอบด้านเพื่อความท้าทายการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพสังคม และเศรษฐกิจ ทั้งนี้นิสสันถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ประกาศความร่วมมือกับโครงการ100RC โดยจะช่วยให้เมืองวางรากฐานสำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ รถยนต์ไฟฟ้ารวมถึงบริการการเคลื่อนที่รูปแบบใหม่ๆ