Blog ของคุณแม่นุ้ยเองจ๊ะ คุณแม่ยังสาว น่ารัก ใจดี วิ๊ววว ฝากเนื้อฝากตัวด้วยจ๊ะ
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 มกราคม 2552
 
 
ลืมตาดูโลก

ต้องขออนุญาต ย้อนอดีตกันนิดหน่อย


เพราะว่าเราเคยบันทึกเรื่องราวของแบมแบมไว้


แต่มันหายไปพร้อมกับการ Format เครื่องเมื่อครั้งโน้น


ความที่เสียดาย + ขี้เกียจเขียนใหม่ก็เลย ไม่ได้เขียนเลย


วันนี้นึกขยัน อยากจะมาเขียนเรื่องราวดีดีของคนที่ได้เป็นแม่สักครั้งหนึ่ง


คงไม่ต้องพูดถึงประสบการณ์อันโชคโชน ตอนที่แพ้ท้อง 4 เดือนแรก


มันยากจะบรรยาย แถมหลังจาก พ้น 4 เดือนไปแล้ว ก็ไม่ได้กินอย่างอร่อยนะ


บางทีอยากกิน แต่ก็อยู่ดีดีก็ตื้อขึ้นมาซะดื้อดื้อเลย


ไม่รู้เป็นอะไร เดี๋ยวเบื่อ เดี๋ยวอยากกิน ไม่มีเหตุผลเลย


นน.ขึ้นมาแค่ 10 โล วันคลอด 11 กิโลที่เพิ่มขึ้นมา


(แต่หลังคลอดไม่ต้องพูดถึง ฮ่าๆๆๆ นน. มากกว่าตอนท้องอีกเท่าตัว )


กินล้างแค้นยังไงไม่รู้ อิอิ


ตอนแรกตั้งใจว่าจะคลอดเอง แต่พอใกล้ๆกำหนดปรากฏว่า


แบมแบมไม่สามารถเอาหัวลงไปที่เชิงกรานได้


คงเพราะช่องของกระดูกเชิงกรานมันเล็ก แล้วก็ไม่ปวดท้องเตือน


ไม่มีสัญญาณอะไรเลย หมอก็เลยแนะนำว่า ระหว่างเด็กที่เกิด 36สัปดาห์ กับเด็กที่เกิด 39 สัปดาห์


หมอเป็นห่วงเด็กที่เกิด 39 สัปดาห์มากกว่า เพราะรกจะเสื่อมลงเรื่อยๆ


หลังจากครบอายุครรภ์ที่ควรจะคลอดแล้ว (37 - 38 สัปดาห์)


ดังนั้น ครอบครัวจึงตัดสินใจให้ผ่าแบมแบมออกที่ 38 สัปดาห์


ณ.วันที่ 9/9/49 รพ.พญาไท 3


หมอนัดว่าให้มาเช้าวันที่ 9 อดอาหารตั้งแต่กลางคืน


นอนไม่หลับเลย


เพราะเราเป็นคนที่ขี้กลัวมากมาก ขนาดหมอฟันเรายังไม่ค่อยจะไปเลย


เป็นคนที่กลัวอะไรแบบนี้มากมาก กลัวมาตลอด


เนื่องจากกว่า ตอนเด็กๆ ประมาณ 5 ขวบ หรือ 7 ขวบไม่รู้


เมื่อก่อนตอนเราไปทำฟัน เราไปหาหมอฟัน


แล้วหมอบอกว่าต้องถอนฟัน เราก็ไม่ได้กลัวอะไร ตอนหมอฉีดยาชา


หมอก็บอก เก่งมาก ไม่ร้องเลย แต่จุดจบของเรามาถึงตอนที่


หมอเข้ามาถอนแล้ว มันยังไม่ชา โหะๆๆๆๆ  ด้วยความที่เป็นเด็กซื่อบื้อ


ก็ไม่บอกหมอนะ ก็ทนเอา เจ็บโคตร แต่ไม่กล้าร้องไห้


พอหมอถอนเสร็จอ่ะ ถึงจะชา บอกแม่ว่า ปากบวมๆ ร้องไห้ๆ


ตั้งแต่นั้นมา มันฝังใจ ทั้งๆที่โตมาก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร


แต่ทำไมไม่รู้มันปอดแหกอยู่ดี


ยิ่งต้องมาผ่าคลอดนี่ ไม่ไหว ทำใจอยู่นาน กลัวมากมาก


เคยบอกหมอว่า ขอสลบไปเลยได้ไหม


แต่อ่านมาแล้ว เค้าว่าไม่ได้ ยาสลบมันไม่ดีกับลูก


เอ่า ไม่สลบก็ไม่สลบ เค้าบอกว่าไม่เจ็บ เจ็บแค่ตอนบล๊อกหลัง


เราก็กลัวตั้งแต่ตอนฟังแล้ว


แถมไปฟังเรื่องมากจากเพื่อนคนนึงว่า ตอนผ่าต้องโดนสวนท่อปัสสาวะ


เวรกรรม รูนิดเดียว จะเสียบเข้าไปยังไง


(ขอข้ามตอนสวนทวารไปเลยนะ อุบาทว์มากๆ ฮ๋าๆๆๆ)


ว๊าวุ่นมากกกก พอตอนที่บุรุษพยาบาลมารับบอกว่า ได้เวลาแล้ว


โอ พระเจ้าช่วย สวดใหญ่เลย ขอพระช่วยด้วย ขอกำลังใจมาให้ด้วย


พระก็จัดให้ กำลังใจมาตรึม แม่สามี แม่ตัวเอง พ่อตัวเอง


สามีตัวเอง ทุกคนแห่แหนกันเดินไปส่งหน้าห้องคลอด


เครียดดด แต่ไม่ให้ใครรู้ กลัวแม่เราเองจะเป็นห่วง เห็นแม่ตาแดงๆ


เอาน่า สามีก็เข้าไปด้วย สู้ๆๆ


พอถึงเวลา 15.30 พยาบาลก็มาเรียก โหหห หนาวมากๆๆ เหมือนอยู่ในช่องFreeze


อ้าว สามีไปไหนอ่ะ พยาบาลบอกว่า คุณพ่อไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ


เอ๊าให้เราเข้าไปคนเดียวก่อนเลยเหรอ มันสยองมากมาก


พอเข้าไปถึง ความกล้า ที่เค้าว่าเหมือนหมาจนตรอก ฮ่าๆๆ มันมาจากไหนไม่รู้


มันคงต้องกล้าอ่ะตอนนี้ มองไปนี่ เห็นเครื่องมือ จะเป็นลมอยู่แล้ว กลัวมากมากขอบอก


ขีดสุดของความกลัวแล้ว พยาบาลพูดอะไรก็ไม่รู้ เหมือนโดนสะกดจิต


เค้าบอกอะไรก็ทำแล้วตอนนี้ แบบว่ากลัวมาก สักพัก ก็มีหมอคนนึงมาแนะนำตัว


ว่าหมอจะเป็นคน บล็อกหลังให้นะ ให้นั่งตัวงองอเหมือนกุ้ง


เราก็งอเลย "โคตรกลัว" ต้องใช้คำนี้เลย


พยาบาลเอาหมอนมาให้กอด แต่เรากอดพยาบาลเลย


เราบอกว่า ขอกอดหน่อยนะคะ เค้าก็ให้เรากอด เรากลัวมากมาก


แต่สมาธิไปอยู่ที่หลัง กำลังเสียวอยู่ หมอก็บอกว่า เสียวหน่อยนะ


มันจะวิ่งไปที่ขานะ เสียวหน่อยนะ อดทนนะ


เอ่า อดทนๆๆๆๆ เสียวโคตร มันเหมือนมีไรไม่รู้วิ่งจากสะโพก ลงไปที่เท้า


วื๊ดๆๆ 3 ครั้ง เค้าบอกว่า เข็มสุดท้ายแล้วเสียวสุด ทนนะ


เอ๊า ทำใจ วื๊ดดดดดดดดดด เสียวสุดๆ "เสร็จแล้วค่ะ"


เอาล่ะ นอนลง พยาบาลเอาอะไรไม่รู้มาขึงแขนไว้ 2 ข้าง


แล้วก็เหล็กมาตั้งตรงลอยอยู่แถวๆคอเอาผ้าสีเขียวมาขึง


กั้นเราออกจากโลกภายนอก ทำไมสามียังไม่เข้ามา แอบโมโห


มันกลัวมากมากกกกก  เสร็จแล้วพยาบาลก็เอาที่ครอบจมูก ให้ ออกซิเจน


หมอวิสัญญีบอกว่า ถ้ากลัวให้สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ


เราก็สูดซะจนไม่รู้จะสูดยังไง รู้แต่ว่า ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังมากกกก


เสร็จแล้ว พยาบาลบอกว่า จะทำความสะอาดหน้าท้องนะคะ


เอ่า เราก็ไม่เห็นอะไรอ่ะ ได้แต่รู้สึกว่ามันเย็นๆ แล้วก็รู้สึกว่า ตัวโดนโยกไปมา


แล้วก็มีเสียง หมอ กะ พยาบาลคุยกัน ภาษาแพทย์ ฟังไม่เข้าใจ


แล้วอยู่ดีดี เราก็ทะลึ่งกระดิกขา ทำไมมันกระดิกได้วะเนี่ย


ไหนบอกว่าจะชาไง (คือเราลืมไปว่า เราไม่ได้เป็นอัมพาต ฮ่าๆๆ)


คือเค้าแค่ทำให้เราไม่เจ็บ ไม่ได้ทำให้เรากระดิกขาไม่ได้


ความกลัวมันทำให้ขาดสติ จริงๆ เริ่มปอดแหกมากขึ้น ไอ่เมื่อกี้ที่ว่า


สุดยอดแห่งความกลัวนี่ไม่ใช่ ตอนนี้มันสุดยอดกว่ามากๆๆๆ


เพื่อนเราเคยผ่าตัดหัวใจ มันบอกว่า หมอทำไรไม่รู้ แบบว่า ทำผิด คือเพื่อนรู้สึกตัวตลอดเวลา


แต่ว่าพูดไม่ได้ เพราะว่าเครื่องช่วยหายใจมันอยู่ในคอ


น่ากลัวมากมากขอบอก การผ่าตัดเนี่ย


เรารู้ตัวเลยว่าเรามาถึงจุดที่ กลัวที่สุดในชีวิต แล้วหมอก็โผล่หน้ามาหาให้เราอุ่นใจ


เพิ่งจะเจอคนที่คุ้นหน้ากันก็ตอนนี้ หมอบอกว่าไม่เป็นไรนะ ทำใจดีดีไม่มีใครไม่กลัว


เราก็บอกหมอว่า หนูกลัว แล้วหมอก็ถามว่า "ตอนนี้เจ็บไหม" เราก็บอกว่าไม่เจ็บ


แต่ในใจมันรู้ตัวว่าเค้าลงมีดแล้วแหงแหง  แทบชอค แล้วพยาบาลก็พูดไรไม่รู้


หมอวิสัญญีเลยถามว่ากลัวมากเหรอ คือเราหายใจแรงมาก จนไอมันขึ้นที่หน้ากากตลอดเวลา


หมอทำคลอดเลยบอกว่า ให้เค้าเคลิ้มไปแล้วกัน


หมอก็เลยเอาอะไรไม่รู้มาฉีดให้ที่สายน้ำเกลือ เราก็เหมือนเคลิ้ม เหมือนจะหลับอยู่แล้ว


ก็เลยไม่ไหวแล้ว กำลังจะตาปิด ก็เห็นเงาของสามีเดินมา


เค้าพุ่งตรงมาหามาจับมือเรา เท่านั้นแหล่ะ เราก็ร้องไห้ออกมา เพราะความกลัว


ผสมกับความโล่งใจ เพราะมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว


แล้วเราก็หลับๆตื่นๆ ได้ยินเสียงคนคุยกันตลอดเวลา แต่บอกไม่ได้ว่าเค้าคุยอะไร


มันเคลิ้มๆเหมือนตอนที่เรากำลังจะหลับ แล้วอยู่ดีดีก็รู้สึกว่า


มีคนซับน้ำตาให้ตลอดเวลา ใจก็นึกว่าเป็นหมอวิสัญญี หรือพยาบาล


แล้วก็หลับๆตื่นๆอีก แล้วก็รู้สึกตัวว่า เหมือนมีใครเอาอะไรมาดันดัน ยันยันที่ท้อง


แล้วก็ได้ยินเสียง แว้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้ยินหมอพูดว่า เอ๊า สะอาดดีไม่มีไขเลย


เอ๊าไปหาแม่ ให้แม่หอมหน่อย


เราก็ลืมตามาแล้วคิดว่ามันจบแล้ว ลูกออกมาแล้ว


ตอนนั้นพูดตรงๆว่า ไม่รู้สึกปิติเหมือนที่เห็นในโทรทัศน์เลยอ่ะ


รู้สึกว่า ตัวเองเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้ ที่ไม่รู้สึกแบบนั้น


พอหมอเอาลูกมาส่งให้ ก็หอมเค้าไปที่หน้าผาก แล้วเค้าก็เอาลูกไปห่อ


พยาบาลก็บอกให้สามีเราออกไป ให้ตามลูกไป ในนี้หมดหน้าที่เดี๋ยวหมอจะเย็บแผล


ก่อนคลอดเราตกลงกับสามีว่า อย่าให้ลูกคลาดสายตานะ


แต่เค้าไม่ยอมไป พยาบาลบอกว่าให้ไปเถอะ ไม่มีไรแล้วหมอดูแลอยู่


แต่ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องแล้วนะ เราหลับไปแล้ว เค้าฉีดยาให้เราหลับ


เราก็หลับไม่รู้เรื่องเลย ตื่นอีกทีตอนที่หมอเย็บแผลอะไรเสร็จแล้ว


แล้วพยาบาลบอกว่า ให้ช่วยขยับตัว จะย้ายมาอีกเตียงนึง


เราก็ขยับไป เสร็จแล้วเค้าก็เข็นเราที่ห้องพักฟื้น รอดูอาการ ประมาณ 2 ชม.มั้ง


เราไม่รู้เรื่องเลย รู้แต่ว่า มันหนาวมาก พยาบาลห่มผ้าให้ 2 ชั้นเลย


มาอ่านเจอที่หลังว่ามันเป็น Effect ของยาที่ฉีดไปตอนคลอด


ก็หลับๆตื่นๆ ใจก็นึกว่า ไม่มีใครเลยเหรอ เพราะเราไม่ได้ยินเสียงใครเลย


แต่เราหันไปก็ไม่เห็นใครจริงๆ ก็หลับๆตื่นๆ อยู่จนกระทั่งพยาบาลมาบอกว่า


เดี๋ยวพากลับห้องนะคะ แล้วก็เข็นไป เราก็เข้าไปเจอเยอะแยะเลย


พ่อสามี แม่สามี พ่อเรา แม่เรา พี่น้องสามี มาเต็มเลย อาม่าสามีก็มา เต็มไปหมด


ทุกคนมาแล้วก็แวะไปดูแบมแบมที่ห้อง


มีเราคนเดียวที่ยังไม่เห็นหน้าลูก


คืนนั้น ยังนั่งดู Academy Fantasia Season 3 เลย


นั่งดูกะพยาบาลพิเศษ สามีก็หลับเอาแรง เพราะเค้าไม่ค่อยได้นอน


พอจบ Academy ก็ไม่มีไรดูแล้ว พยาบาลเอายาแก้คัน(Effect จาก บล็อกหลัง)มาให้


แต่ยาแก้คันก็จะมี Effect ทำให้คลื่นไส้ ก็ต้องฉีดยากันคลื่นไส้


อะไรจะซับซ้อนขนาดนี้ เราก็ต้านไม่ไหว ตั้งแต่ยาแก้คันแล้วหล่ะ


ตามันเหมือนโดนบังคับให้ปิด หลับไปเฉยเลย


จนถึง ตี 3 มั้ง รู้แต่ว่า คันมากมาก เกา ๆ แล้วก็ เกาๆ


พยาบาลบอกว่า ได้ยินเสียงเราเกา แควกๆทั้งคืนเลย ฮ๋าๆๆ เราไม่รู้ตัวนะ


เค้าบอกว่า มองแล้วเห็นเราหลับตา แต่มือเกาทั่วหลังเลย


พอเช้ามาเพื่อนมาเต็มเลย เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสนิท เพื่อนสมัยเรียน


เราเป็นคนเดียวที่ยังไม่เห็นลูก แต่เห็นใน VDO คิดว่า ทำไมลูกเราปากกว้างจัง


พอตอนเช้าเราก็โทรไปตามที่ห้อง เค้าบอกว่า 8.30 จะเอาลูกมาให้นม


รอถึง 9.30 ก็ยังไม่มา 10 โมงกว่าแหน่ะ เค้าถึงจะเอามาให้


เห็นหน้าลูกครั้งแรก เนี่ยแหล่ะความรู้สึกรักครั้งแรก มันมาจากไหนไม่รู้


รู้แต่ว่า โลกทั้งโลกนี้หยุดหมุน มีแค่เรากะเค้า 2 คน



แล้วพยาบาลก็ให้เปิดเต้าให้เค้ากิน เค้าก็ดูดใหญ่เลย ตามสัญชาตญาณ


มองหน้ากัน 2 คน มีความสุขที่สุดเลย




มาเพียบ ตั้งแต่เช้า ยันค่ำ ไม่ได้นอนเลย ฮ๋าๆๆๆ


ปวดก้นกบมากมาก นั่งนาน


แล้วพี่ที่มาเยี่ยมเค้าถ่ายรูปครอบครัวรูปแรกให้กับพวกเรา


ขอบคุณพี่เต้ยจ้า  ถ้าพี่ไม่ถ่ายให้ก็คงไม่มีนะเนี่ย เพราะมัวแต่คุยกะแขก


ไม่ได้ถ่ายรูปกัน 3 คนเลย



ถ้าเป็นที่บำรุงราษฎร์ นี่เค้าจะถ่ายให้ตั้งแต่อยู่ในห้องคลอด


แต่ที่นี่ไม่มี แต่พยาบาลเค้าถ่ายวีดีโอให้นะ เพื่อให้สามีจะได้จับมือเราได้


ไม่งั้นเราตายแน่แน่เลย







Free TextEditor


Create Date : 22 มกราคม 2552
Last Update : 22 มกราคม 2552 16:29:48 น. 0 comments
Counter : 215 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

Mommynuy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Mommynuy's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com