Group Blog
All Blog
|
เที่ยวญี่ปุ่น นาโกย่า ทาคายาม่า โอซาก้า Misasaki x Asahi ตอนที่ 1 บุกนาโกย่า こんばんは ~ อุ๊ง อุ๊ง สวัสดีค่ะ วันนี้มิกิ จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นพร้อม ๆ กันเลยยยย ทริปนี้เราจะไปกันที่ นาโกย่า ทาคายาม่า และ โอซาก้า ค่ะ มิกิ จะพาเพื่อน ๆ ไปทำอะไรกันบ้างตามมาสนุกด้วยกันเลย ก่อนอื่น . . . ครั้งนี้มิกิไม่ได้มาเที่ยวด้วยตัวเอง แต่ว่ามาในแบบเอ็กซ์คลูซีฟทัวร์ค่ะ อาจจะมีรายละเอียดการเดินทางไม่มากเท่าตอนไปเอง แต่หลายที่ ที่ไปทุกคนสามารถหาข้อมูลได้จาก Google แบบง่าย ๆ ได้เลย ส่วนเรื่องวิว บรรยากาศ ของกิน โรงแรม กิจกรรมสนุก ๆ ในแบบคลิป + รูป มิกิจัดให้เอง สำหรับทริปนี้เป็นกิจกรรมจาก Asahi Super Dry ~* ค่ะ ช่วงที่ไปคือประมาณต้นเดือน กพ. หนาวกำลังได้ที่เลย จากกรุงเทพ ไปถึง สนามบินนานาชาติ เซ็นทร่าแอร์ ชูบุ อินเตอร์เนชั่นแนล ( นาโกย่า ) มาถึงเดินไปทางออกที่เจ้าหน้าที่เพิ่งเปิดช่องใหม่ให้เข้าก็โดนตรวจกระเป๋าเลย -0- ตอนเปิดไม่เท่าไหร่ แต่ตอนปิดเนี่ย ถึงขั้นปาดเหงื่อกันทั้งเจ้าของกระเป๋า และ เจ้าหน้าที่ ( คงคิดในใจ ไม่น่าสุ่มมาเปิดกระเป๋าใบนี้เลย ) เสร็จแล้วก็เตรียมตัวขึ้นรถค่ะ มากับทัวร์ก็สบายตรงไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ ไปที่พักเองนี่ล่ะ เที่ยวให้เต็มวันก่อน ค่อยเข้าที่พัก พอขึ้นรถมาถึงก็ได้ข้าวเหนียว หมูทอด + น้ำสิงห์ กันคนละชุด มาถึงญี่ปุ่นแต่ว่าอาหารมื้อแรกที่มาถึงนี่ก็ไม่ทิ้งความเป็นไทยน๊า และที่แรกที่เราจะไปเกรียน เอ้ย . . . ไปทำกิจกรรม ก็คือ คือ . . . คือ . . . คือ . . . ที่นี่ ( และนั่นอ่ะที่ไหน ) Gamagori Orange Park เป็นฟาร์มผลไม้หลากหลาย อย่างเช่น ส้ม สตรอเบอรี่ เมล่อน องุ่น ตารางการเก็บผลไม้ในรอบปี Strawberries : JanuaryMay Mandarin oranges : OctoberDecember Grapes : AugustSeptember Muskmelons : JuneSeptember ช่วงที่มิกิ มาเป็นหน้าสตรอเบอรี่ พอดีเลยล่ะ ( แต่ที่ดังสุดของที่นี่คือส้มนะ ) บรรยากาศเมื่อมองจากที่สูง ~ ด้านล่างจะเป็นห้องคุมอุณหภูมิ . . . เราจะเข้าไปเก็บสตรอเบอรี่กันในนั้นล่ะ ราคาสำหรับการเข้าไปกินบุฟเฟ่ต์สตรอเบอรี่ ผู้ใหญ่ : มัธยม - ผู้ใหญ่ เด็ก : ประถม เด็กเล็ก : 3 ปีขึ้นไป อ่านไม่ออก - -" ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับในแผ่นนี่ - กินได้ไม่จำกัดเวลา - เปิด 9.00 -16.00 น. - ไม่สามารถเลือกพันธุ์สตรอเบอรี่ได้ - เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบเข้าฟรี พอเข้ามาถึงด้านใน ทุกคนก็จะได้ถาดพร้อมนมข้นหวานประจำตัว ที่ญี่ปุ่นเขาจะกินสตรอเบอรี่จิ้มนมข้น หรือถ้าแบบโบราณก็จะเอาไปบดในถ้วยพร้อมนมสดและใส่น้ำตาลนิดนึง นมข้นที่นี่ จะเหลวกว่าที่ไทย แต่หอมและอร่อยกกว่านะ นมข้นเติมได้เรื่อย ๆ สตรอเบอรี่ก็เก็บไดhเรื่อย ๆ เหมือนกันค่ะ แอบตุนไว้ก่อน ฮี่ ๆ ๆ ที่นี่ มิกิ มีเวลากินแค่ 30 นาที เพราะฉะนั้นก็เลยกินให้อิ่มก่อนค่อยถ่ายรูป ก็เลยไม่ค่อยมีรูปเลยไง 5 5 5 แต่ไหน ๆ มาทั้งทีก็ต้องกินให้เต็มที่ไปเลยใช่ม๊า สตรอเบอรี่ที่นี่ จะคัดให้เหลือลูกที่สมบูรณ์ที่สุด ( นอกนั้นตัดทิ้ง ) ก็เลยจะมีแต่ลูกที่สวย ๆ แล้วก็รสหวาน อร่อย สตรอเบอรี่ลูกเบ้อเริ่มเลย -0- อันนี้เป็นพันธุ์ AKIHIME ( อากิฮิเมะ ) กัดแล้วจะได้ความรู้สึกนุ่ม ๆ ไม่เปรี้ยว ไม่แข็ง รสชาติหวานอร่อยเลยล่ะค่ะ ตรงทางออกก็จะมีผลไม้ และ ของที่ระลึกขายด้วยค่ะ ราคาก็ประมาณถาดล่ะ 210 บาท การเดินทางโดยรถไฟ จากสนามบินนานาชาติ ชูบุ ( ประมาณ 30 นาที ) Meitetsu Tokoname สายสนามบิน สถานี JR Takayama ( ประมาณ 40 นาที ) สถานี Gamagori Taxi ประมาณ 10 นาที จากสถานีนาโกย่า ( ประมาณ 40 นาที ) สถานี Gamagori Taxi ประมาณ 10 นาที Gamagori Orange Park //www.orepa.jp/yoyaku หลังจากที่กินสตรอเบอรี่จนอิ่มแล้ว . . . - -" ก็มากินข้าวต่อ แย่ละ กินแบบเยอะมากจนลืมว่าเดี๋ยวต้องกินข้าวเที่ยงด้วยนี่หว่า มื้อนี้มากินที่ภัตราคาร Kani-ya แค่ได้ยินชื่อเดาว่าร้านนี้ ดังเรื่องปูแน่นอน ~ Kani = ปู ขึ้นลิฟท์ก่อนแป๊บนึง พอขึ้นไปถึงทุกคนก็นั่งกันเต็มแล้วก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา >.< ที่นั่งก็จะเป็นแบบนั่งพื้นแล้วมีเบาะให้ อาหารมื้อที่ 2 ( นับข้าวเหนียว หมูทอด ) มาแล้ว เป็นแบบ ไคเซกิ หมายถึงมีอาหารหลาย ๆ อย่างรวมอยู่ในชุดเดียวกัน สำหรับแต่ละคน มื้อแรกก็เจอปลาดิบเลย ~ เทมปุระกุ้ง + ขาปู ก็อร่อย ซุปมิโสะที่นี่เขาใส่ขาปูด้วยนะ ทุกมื้อที่นี่ไม่เคยขาด Asahi Super Dry เบียร์อันดับ 1 ของญี่ปุ่น ดื่มง่ายด้วยล่ะ ( พี่ ๆ เขาดื่มกันดุมาก -0- ) วิธีการเดินทาง จากสถานี Nagoya เดินประมาณ 5 นาที Meitetsu Nagoya เดินประมาณ 3 นาที ( ใช้ Google Map ช่วยหาทางไปร้านได้เลย ) Kani- ya : //www.kani-ya.co.jp กินเสร็จก็แวะไปหาอะไรกินเล่นที่ 7-11 สิ่งที่ต้องการดันหมดไปซะแล้ว ( สงสัยว่าต้องเป็นพวกลิมิเตดแหงเลย ) ก็เลยซื้ออย่างอื่นมากินแทนก็ได้ T^T ที่นี่ราคาของที่เห็นบางที่จะมี 2 ราคา คือราคาที่ยังไม่บวกtax และ บวกtax ไปแล้ว 8% โดนัทก็น่ากินดีนะ แต่ตอนนั้นอิ่มมาก ก็เลยไม่ได้ลอง แล้วมาที่วัด โอสึคันนอน ไหว้พระ ขอพร ( ให้ได้มาญี่ปุ่นอีกทุกเดือนเลย อุ๊ง อุ๊ง >,< ) ขอพรมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนด้วยล่ะ วันที่มาพอดีด้านหน้าวัด เขากำลังปรับปรุงพอดีเลย แต่ว่าก็ยังเดินเข้าไปไหว้พระได้ตามปกตินะ วัดโอสึคันนอน เป็นวัดที่เก่าแก่ แล้วก็คนนิยมมาสักการะเทพีแห่งความเมตตาที่อยู่ภายในวัดด้วย เชื่อกันว่าถ้าได้มาแล้วจะมีแต่ความสุข สมหวัง . . . จุดธูปเสร็จแล้วก็ปัดควันเข้ามาใส่ตัวเพื่อเป็นสิริมงคล ตอนแรกก็นึกว่าจุดธูปในกระถางด้านหน้าเลย ยืนจุดสักพักไฟแรงมาก - - ตอนหลังมีป้าชาวญี่ปุ่นมาสะกิดแล้ว ชี้ ๆ ไปว่า ไปจุดธูปด้านในนู้น 5 5 5 มิกิ ก็ . . . พาไก่มาปล่อยไปหลายตัว ตอนแรกคือทุกคนทำตามกันหมดเลย -0- ใช้เหรียญ 50 เยน โยนลงไปตรงนี้ แล้วขอพร อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมต้อง 50 เยน ( ลืมถามเลย ) วิธีการเดินทาง Subway Osu Kannon Station ทางออก 2 แล้วด้านข้างของวัด ก็มีย่าน Osu ที่จะละลายทรัพย์ของทุกท่าน อยู่ติดกันเลย เป็นเส้นยาว ๆ เดินไปได้เรื่อย ๆ มีทั้งของกิน ของเล่น เสื้อผ้า ของฝาก ฯลฯ เต็มไปหมด Alice on Wednesday ด้านหน้าคาเฟ่ชวนให้เดินเข้ามาก ๆ เลย แต่ว่ามีเวลาแค่นิดเดียวก็เลยอด ไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่ละกันเน๊ฮะ ทางเข้าน่ารักอ่ะ พอมุดเข้าไปก็จะเจอม่านปิดอยู่ ต้องเปิดม่านเข้าไปอีก ก็เลยไม่ได้ดูข้างในว่าเป็นยังไง ต้องทำเวลาด้วยสิ เดินไปเรื่อย ๆ ๆ ตรงแถวแรก ๆ มีร้านที่น่าสนใจอยู่เรื่อย ๆ แต่พอข้ามไปอีกฝั่งเท่านั้นล่ะ ตรงนี้เป็นถนนที่มีหลังคาคลุม แล้วก็เดินได้ยาวไปเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่ข้างวัด ๆ แล้วก็ไปเลยไกลเหมือนกัน ตรงกลาง ๆ จะเจอร้านขายของเล่น ของสะสม โชคดีมากที่วันนั้น มิกิ พกเงินสดในกระเป๋ามานิดเดียว ไม่งั้นคงหมดตัวตั้งแต่วันแรกเลย - - ร้านแรกนี่ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมา แต่ว่าด้านในเด็ดมาก มีของสะสมเจ๋ง ๆ เต็มไปหมด กาชาปองแบบครบเซ็ต ( ที่บวกราคาเพิ่มไปอีกตามความหายาก ) มีให้เลือกเพียบ สาวก My Little Pony ต้องกรีดร้อง ( เมื่อค้นพบว่า พกเงินติดกระเป๋ามาน้อยเกินไป ) อยากจะกวาดมาหมดทั้งแผงแบบจริงจัง นี่แค่ส่วนนึงในร้านที่แงบ ๆ ถ่ายมา ของเจ๋ง ๆ นี่ไม่ได้ถ่ายมาเลย เจ้าของร้านอยู่ในองศาที่มองออกมาพอดี ทั้งสตาร์วอร์ ฟิกเกอร์จากหนังเก่า ๆ ฟิกเกอร์แปลก ๆ ฯลฯ เข้าไปร้านนี้บ่นได้แต่คำว่า ตาย ๆ ๆ ๆ ๆ อยากได้ทุกอย่าง ร้านข้าง ๆ ก็ไม่แพ้กัน ขนาดแค่เดินเฉียดเท่านั้น หมดไปเกือบหมื่นเยน - -" ดีใจที่แยกเงินไว้หลายที่ ไม่งั้นหมดตัวตั้งแต่วันแรก ๆ แน่นอน ( มาญี่ปุ่น มีเงินมาเท่าไหร่ก็หมด T^T ) มีร้านขายของกินแต่งน่ารัก ๆ ตลอดทาง อยากกินช็อกโกแลตกลม ๆ ไม้นี้นะ แต่คนขายไม่อยู่ อดเลย - - พอดีหมดเวลาก็เลยต้องรีบวิ่งกลับไปที่รถ ยังแทบไม่ได้ชิมของกินแถวนี้เลย อุ๊งงงง จากนั้นก็ตรงมาที่พักเลย Breezbay Hotel and Resort Gero เป็นโรงแรมแบบเรียวกัง มีบ่อออนเซนให้แช่ด้วย อากาศด้านนอกหนาวมากกกกก แต่ก็เงียบ สงบ น่าอยู่มาก ๆ เลย ห้องนอนก็กว้างดี นอกจากมีชาเขียวให้ ก็ยังมีของขบเคี้ยวมาต้อนรับด้วย น่ารักดี ~* เก็บของเสร็จแล้วก็ถึงเวลามื้อค่ำแล้ว - -" ทำไมรู้สึกว่าวันนี้มีแต่เรื่องกินก็ไม่รู้แฮะ คิดไปเองหรือเปล่าหว่า มื้อนี้เป็นแบบ ไคเซกิ เหมือนเดิม อาหารบางอย่าง คนไทยไม่คุ้นเคย รสอาจจะแปลกไปบ้าง แต่อันไหนที่เคยกินกันอยู่แล้วก็อร่อยดีนะ อันนี้ก็อร่อย . . . ของหวาน ตอนแรกคิดว่าวุ้น แต่ที่จริงคือเค้ก อร่อยมากด้วย แต่ชิ้นเล็กนิดเดียวเอง 5 5 5 คำเดียวหมด งดเติม - - มื้อนี้เราก็ไม่พลาด Asahi Super Dry เช่นเคย ( มิกิ บรรลุนิติภาวะแล้ว ดื่มได้ แล้วนะ ) ที่นี่มีออนเซนไม่พอ . . . ยังมีห้องนวดให้ด้วย มีเก้าอี้นวด เตียงนวด เข้ามาใช้ฟรีได้เลย ตอนแรกก็กะจะไปออนเซน แต่พอหลุดเข้ามาในห้องนี้เท่านั้นล่ะค่ะ กว่าจะหลุดออกไปได้ออนเซนก็ปิดแล้ว สบายตัวมากกกกกกกกก ที่ญี่ปุ่นถ้าพักโรมแรม ไม่ต้องพกผ้าเช็ดตัว ชุดนอน สบู่ แชมพู ครีมนวด หวี ที่โกนหนวด มาด้วยก็ได้ค่ะ เขาจะมีไว้ให้อยู่แล้ว แต่หมวกคลุมผมอาบน้ำ บางที่ก็มี บางที่ก็ไม่มี แต่ส่วนมากที่มิกิเจอคือไม่มี สาว ๆ อาจจะพกมาเองก็ได้ค่ะ การเดินทาง Sakuragisho Subway Station แล้วเดินประมาณ 3 นาที ห้องเตียงแฝดประมาณคืนละ 3000 กว่าบาท つづく = To be continued อันนี้เป็นขนมบางส่วนที่กินในวันนี้ค่ะ ในร้านสะดวกซื้อขนมล่อตา ล่อใจมาก มีของใหม่ออกมาเพียบ ส่วนมากจะอร่อย แต่ที่ไม่ไหวก็มีอยู่เหมือนกันนะ อิ อิ สำหรับคืนแรกก็จบเรียบร้อยแล้ว มีที่ไหนที่เพื่อน ๆ ชอบบ้างคะ มาบอกกันหน่อย อยากรู้ว่าจะชอบเหมือนกันหรือเปล่านะ ~ วันที่ 2 จะไปที่ไหนต่อเจอกันวันพุธนะคะ ใบ้ให้ว่ามีหิมะ ของกินอร่อย ๆ ด้วยล่ะ Special Thank : Asahi Super Dry Beer Clip จะตามมาเร็ว ๆ นี้นะคะ รอแป๊บนึงน๊า |
Tisiny
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?] ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International. Link |