"....ไอ้การกระทำต่ำผิดมนุษย์ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเหตุผลนั้นนั่นแหละ คนตายไปห้าแสนกับอีกหลายล้านคนไม่มีบ้านอยู่ เพื่ออะไรกันล่ะ ทำไมตระกูลผู้นำประเทศถึงต้องเกาะตำแหน่งไว้สุดชีวิต ทำไมต้องฆ่าคนตายเป็นเบือ เพื่อศรัทธาแก่กล้างั้นรึ เพื่ออุดมการณ์ของซีเรียงั้นรึ ซีเรียมีอุดมการณ์ซะที่ไหน พูดตรงๆก็คือไม่มีประเทศซีเรียอีกแล้ว แต่ก็ยังฆ่าฟันกันต่อไปด้วยเหตุผลเดียว เหตุผลเดียวเท่านั้น..."
"เงิน"
.....สัญชาตญาณตามธรรมชาติบอกให้เราฆ่าปีศาจก่อนที่ปีศาจจะสร้างความเสียหายมากขึ้น แต่องค์กรกับกองทัพสรุปว่าปล่อยให้ปีศาจอยู่ของมันไปแบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยก็สำหรับตอนนี้ เพราะขืนไปยุ่งอาจร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม อเมริกากับยุโรปเองก็ได้ข้อสรุปแบบเดียวกัน ถึงแม้จะทำหน้าที่เสนอให้เจรจาแก้ปัญหากันก็ตาม ไม่มีใครอยากให้ซีเรียตกอยู่ในเงื้อมมืออัลกออิดะห์ แต่นั่นต้องเกิดขึ้นแน่ถ้าตระกูลผู้นำประเทศพ้นจากอำนาจ"
ฮาเฟซ อัลอัสซาด พ่อของบาซาร์ อัลอัสซาด การเลือกตั้ง 1991 เขาได้คะแนนเสียงถึง99.9%เป็นเหตุให้นักวิจารณ์ชาวซีเรียตั้งข้อสังเกตว่าต่อให้องค์อัลเลอะฮ์เองก็คงทำได้ไม่ดีเท่านี้
2011 เด็กชายวัยรุ่นสิบห้าคนพ่นข้อความต่อต้านรัฐบาลบนกำแพงโรงเรียนแห่งหนึ่ง ห่างจากดามัสกัสไปทางใต้ มุคอบารอตไม่รอช้านำเด็กพวกนั้นไปคุมขังแล้วยิงทิ้ง แนะนำให้พ่อเด็กกลับบ้านไปทำลูกใหม่ เพราะพวกเขาจะไม่มีวันได้เห็นหน้าลูกอีกเลย เหตุประท้วงปะทุขึ้นทันที
ให้สรุปง่ายๆคือ รัฐบาลอัสซาดเป็นเผด็จการมานานหลายสิบปีตั้งแต่รุ่นพ่อจนรุ่นลูก แต่นั่นก็ดีตรงที่ทำให้ประเทศสงบ เจริญ มั่นคง(ถึงจะมีข่าวว่าผู้นำประเทศฉ้อฉลปล้นเงินจากระบบเศรษฐกิจ) ฝ่ายประชาชนซีเรียบางส่วนก็พอใจ แต่บางส่วนที่ถูกกดขี่ ถูกตำรวจลับอย่างมุคอบารอตคอยกดขี่ข่มเหง สอดส่องไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลก็ไม่พอใจ(อาจจะรวมถึงไม่พอใจนโยบายบางอย่างของรัฐบาล การที่ผู้ปกครองเป็นมุสลิมชีอะห์ แต่ประชากรส่วนใหญ่เป็นสุนีห์) การยิงเด็กผู้ประท้วงทิ้งเป็นฟางเส้นสุดท้าย ทำให้เกิดกลุ่มกบฏ FSA ต่อสู้กับรัฐบาลอัสซาดที่ไม่ยอมเสียอำนาจไปง่ายๆ ฝ่ายอิหร่าน อิรัก รัสเซีย หนุนรัฐบาล ซาอุ อเมริกา ตุรกี หนุนฝ่ายกบฏ แล้วเรื่องดันยุ่งเหยิงกว่านั้นเมื่อมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอเอส อัลกออิดะห์ เฮซบัลเลอะห์ มาพัวพันด้วยอีก
เริ่มแรกเลยครอบครัวของบานาก็อยู่กันอย่างสงบ จนบานาอายุได้สี่ขวบ
สงครามก็เกิดขึ้นเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล ความจริงเราก็พอเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อที่ลูกถูกยิงทิ้งเพราะไปประท้วงนะ แสดงว่าคงมีเรื่องอื่นสะสมมาหลายอย่างแล้ว คนเราถ้าไม่เหลืออดจริงๆอยู่ดีๆใครจะลุกขึ้นมาจับปืนจับอาวุธต่อสู้กันล่ะ ขณะที่ครอบครัวของบานาเป็นชนชั้นกลาง พ่อเป็นทนายความ มีปู่ย่าตายาย พอมีเงิน ใช้ชีวิตอยู่ในตึกในเมืองใหญ่ พูดอังกฤษได้ คนซีเรียที่เหลืออาจจะไม่ได้มีโอกาสแบบนั้น บางคนอาจจะต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ยากจน หรือถูกทหารรัฐบาลทำร้ายทารุณก็ได้ พ่อของบานาก็เคยถูกจับไปสอบสวนครั้งนึงแต่ยังดีที่รอดชีวิตมาได้
เหมือนอย่างในหนัง star wars ถ้าลุคกลัวพวกจักรวรรดิจนหัวหด เจ้าหญิงเลอาไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าสู้เพื่ออิสรภาพจะเป็นไง แต่โลกความจริงนั้นซับซ้อนซ๋อนเงื่อนกว่านั้นมาก พวกประชาชนในอะเล็ปโป(อย่างน้อยก็บ้านบานา ตอนเริ่มต้น)ไม่ได้เข้ากับฝ่ายกบฏหรือรัฐบาล พวกเขาแค่ต้องการความสงบเท่านั้น
แต่พวกเขาก็ไม่ได้มัน ฝ่ายรัฐบาลกับกบฎต่อสู้แย่งพื้นที่กับในหลายๆเมือง ระเบิดตกใกล้ๆบ่อยๆจนบานาจำแนกเสียงระเบิดได้ โรงพยาบาลกับโรงเรียนถูกทิ้งระเบิดไม่เหลือหลอ ตายาย ปู่ย่า อาๆน้าๆต้องหลบหนีลี้ภัยไปต่างประเทศ
แม่ของบานาต้องไปคลอดลูกชายในตุรกี เพราะที่ซีเรียลำบากมากและไม่มีอนามัยดีพอ ความจริงลูกคนนี้พ่อแม่บานาเคยคุยเรื่องทำแท้งด้วยเพราะเด็กที่เกิดในช่วงสงครามนั้นหลายคนเกิดมาพิการ คลอดก่อนกำหนดหรือตายตั้งแต่แบเบาะเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง ด้วยสภาพแวดล้อมและการขาดแคลนอาหาร ความจริงเราว่ายังดีที่ครอบครัวบานาพอมีตังค์นะถึงตุนอาหาร เชื้อเพลิง น้ำสะอาด ไว้ได้ ทำให้แม่ยังพอมีอะไรกิน ถึงตอนเด็กคลอดจะตัวเล็กมากแต่ก็ยังแข็งแรง
ตอนที่แม่บานาได้ลูกชาย
เมื่อไออุ่นจากตัวเขาถ่ายทอดมาที่อกแม่เป็นครั้งแรก อย่างอื่นก็ไร้ความหมายไปทันที ทั้งระเบิด การสูญเสีย ความสิ้นหวัง และความกลัวที่กาลายเป็นส่วนหนึ่งในตัวแม่หายไปหมด สิ่งที่มาแทนคือความรู้สึกสุขสงบแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาหลายปี โลกจางหายไปเหลือแต่หัวใจของเขาที่เต้นอยู่แนบหัวใจของแม่ เป็นพลังที่สม่ำเสมอและหล่อเลี้ยงจิตใจ
ตอนนั้นแม่รู้สึก...แข็งแกร่งและไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น แม่ได้นำความงดงามและชีวิตมาสู่โลกใบนี้ มันทรงพลังกว่าปืน ระเบิด และความชั่วร้ายแบบเทียบไม่ได้ นี่คือสูตรคำนวณที่เรียบง่ายที่สุดในจักรวาล ชีวิตชนะความตายฉันใด แสงก็ชนะความมืดฉันนั้น
โหนี่อ่ะ พลังของความเป็นแม่
ไม่มีเด็กเหลือแล้วในซีเรีย ทุกคนถูกบีบให้กลายเป็นผู้ใหญ่ เด็กๆต้องเข้าใจเรื่องการฆ่าฟัน ต้องเผชิญความกลัว ความอดอยาก และความเจ็บปวดในแบบที่เด็กไม่ควรต้องพบเจอ แต่เราหลีกเลี่ยงมันไม่ได้อีกต่อไป บางอย่างในตัวแม่ก็เปลี่ยนไปเช่นกันตอนยัสมีน(เพื่อนสนิทของลูกสาว)ตาย รวมถึงช่วงหลายเดือนอันทารุณที่เราถูกปิดล้อมหลังจากนั้นด้วย แม่ทั้งหวาดกลัวและใจสลาย แต่ก็รู้สึกโกรธด้วย
โกรธที่เราต้องทนกับอะไรแบบนี้ขณะที่คนทั้งโลกนิ่งดูดาย โกรธที่ตัวเองปกป้องลูกๆไม่ได้ โกรธที่โลกใบนี้ยังยอมให้มีระเบิดและการฆ่าเด็ก โกรธที่แม่สอนลูกให้มีน้ำใจ ยุติธรรมและมีเมตตา แต่กลับปล่อยให้ลูกเผชิญโลกที่ปราศจากสิ่งเหล่านั้น
เด็กๆในซีเรียไม่มีช่องทางสื่อสารด้วยตัวเอง ลูกก็เลยพูดแทนพวกเขา ลูกเกลียดความอยุติธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ลูกชอบพูดว่า แบบนั้นไม่ถูกต้อง หรือ แบบนั้นไม่ยุติธรรม ทุกครั้งที่เห็นอะไรไม่เป็นไปตามหลักศีลธรรมอันเคร่งครัดของลูก ในช่วงสงครามลูกก็เชื่อมั่นมากว่าถ้าคนอื่นเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราก็จะช่วยเหลือเรา แล้วพวกเขาก็ช่วยเราจริงๆ
เราปลอดภัย แต่ยังมีงานต้องทำอีกมากเพื่อให้สงครามจบสิ้นอย่างถาวร
เราไม่ยอมเงียบจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายนั้น ต่อให้พวกเขาพยายามทำลายชื่อเสียงลูก หรือกลั่นแกล้งลูก หรือทำสิ่งเลวร้ายที่สุดอย่างพยายามปิดปากลูก
มีการกระทำไหนน่าอายมากไปกว่าขู่เอาชีวิตเด็กผู้หญิงอายุเจ็ดขวบอีกหรือ เลือดของแม่เย็นเฉียบเมื่อวันที่ได้อ่านข้อความขู่ฆ่าลูกเป็นครั้งแรก มันมาจากอันธพาลทวิตเตอร์ใจร้ายกับคนของรัฐบาล อีกครั้งคือตอนได้รู้ว่ารัฐบาลจงใจทิ้งระเบิดใส่บ้านเราโดยมีเราเป็นเป้าหมายหลัก แม่รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
ส่วนบาชาร์ อัลอัสซาดประธานาธิบดีก็ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าเขาทำเพื่อบีบกองกำลังกบฏออกมา ไม่มีสงครามไหนไร้ความสูญเสีย แต่ผู้นำที่คิดว่าเราเป็น "ความสูญเสียที่ยอมรับได้" ชาวซีเรียจะยังศรัทธาในตัวเขาได้อีกเหรอ
ทั้งสองฝ่ายและอีกหลายๆฝ่าย รวมถึงยูเอ็น พยายามจะจัดเจรจา แต่ก็มักมีข่าวการละเมิดสัญญาหยุดยิงประจำ ข่าวที่จะปล่อยให้พลเรือนอพยพ เด็กหญิงบานาก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้จริงในทางปฏิบัติ เพราะมีข่าวคนที่หลบหนีถูกยิงทิ้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนยิงเป็นทหารรัฐบาลแน่หรือฝ่ายกบฏเพราะสองฝ่ายโทษกันไปมา แต่สุดท้ายทหารรัฐบาลก็ยึดอะเล็ปโปตะวันออกได้ขับไล่กลุ่มกบฏออกจากเมือง ครอบครัวของบานาได้ลี้ภัยไปยังตุรกีพรมแดนด้านเหนือ
เราต้องการสิ่งที่ทุกคนต้องการ
สิ่งที่ทุกคนอยากมีมาตลอดนับตั้งแต่โบราณ
นั่นคือชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุข
การที่เรารอดชีวิตทำให้เข้าใจอะไรชัดเจนขึ้น
นั่นเป็นเพราะเราเคยสูญเสียทุกอย่างมาแล้ว
ทั้งประเทศ บ้าน และทรัพย์สมบัติต่างๆ
พอลอกเปลือกออกไปหมดก็เข้าใจถึงแก่นแท้แห่งตัวตน
และรู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง
ลูกคือสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง
รวมถึงบาบา นูร์ มุฮัมมัด และสมาชิกทุกคนในครอบครัว
เราต้องการเพียงเท่านี้แหละ
Yes, and how many times must a man look up,
Before he can see the sky?
Yes, and how many ears must one man have,
Before he can hear people cry?
Yes, and how many deaths will it take till he knows
That too many people have died?
The answer, my friend, is blowin' in the wind
The answer is blowin' in the wind