"ชีวิตมนุษย์นั้นสุดจะคิด
แต่ละชีวิตไม่ผิดนาวา
จะลอยถอยหลัง
หรือเหินเดินหน้า
ด้วยวาสนาสร้างมาแต่หลัง"
พอดีไปเดินงานหนังสือเห็นหนังสือเล่มนี้พิมพ์ใหม่ ประกอบกับเร็วๆนี้เพิ่งได้ดูเจ้าบ้าน เจ้าเรือนไปก็เลยเกิดอยากเขียนขึ้นมา ทั้งๆที่ก็อ่านเล่มนี้ไปเมื่อนานมาแล้ว
ชีวิตของคุณหญิงมณี เป็นหนึ่งในอัตชีวประวัติที่สนุกสุดๆเท่าที่เคยอ่านมาเลยทีเดียว แม้ว่าตัวหนังสือจะเล็กและอัดแน่นมากก็ตามที เพราะว่าด้านหนึ่งคือโชคชะตาที่โลดโผนโจนทะยานเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ของไทย อีกด้านหนึ่งก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากเรื่องสามัญชนอย่างรัก โลภ โกรธ หลง หรือเรื่องยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับญาติพี่น้อง ทรัพย์สมบัติ ไปได้
มณี เป็นลูกหลานลูกครึ่งฝรั่งในตระกูลบุนนาค เมื่อเธอได้รับทุนไปศึกษาต่อที่อังกฤษก็ได้พบรักกับเจรี่ หรือ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ บุตรบุญธรรมของร.7 ด้วยความถูกอัธยาศัยกันและกันอย่างมาก แม้ทั้งสองคบกันได้ไม่นาน มณีก็ยอมลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วแต่งงานกับเจรี่ ช่วงชีวิตช่วงนี้ราวกับว่าเธออยู่ในฝัน มีเงินจับจ่ายอย่างเหลือเฟือและได้ติดตามสามีไปยังราชสำนักของยุโรปหลายประเทศ ไม่นานนักเธอก็ตั้งท้อง ทั้งคู่มีลูกชาย 2 คน นำความสุขใจมาให้เธอและผู้คนที่แวดล้อมอย่างมาก
แต่ความสุขไม่อาจอยู่กับใครได้นาน....
หลังแต่งงานกับเจรี่ได้ 3 ปี พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯที่เข้าเป็นนักบินขนส่งของอังกฤษก็ขับเครื่องบินชนภูเขาตายเนื่องจากทัศนวิสัยเลวร้าย ทิ้งให้มณีเป็นหม้ายสาว ที่ต้องดูแลลูกเล็กๆเพียงลำพัง แต่นั่นก็เป็นไปเพียงไม่นาน เมื่อพี่ชายของเจรี่ พระองค์เจ้าอาภัสฯเข้ามาดูแลมณีกับหลานๆหลังการตายของน้องชาย อีกทั้งยังเกี้ยวพาราสีเธออยู่เนืองๆ ในภาวะยากลำบากของสงครามโลกครั้งที่สอง และด้วยยุคสมัยนั้นสตรียากที่จะอยู่คนเดียวได้ แม่ของมณีจึงสนับสนุนให้เธอแต่งงานใหม่อีกครั้ง แม้มณีจะไม่ได้ชื่นชอบหรือรักชายคนใหม่ได้เท่ากับสามีที่เพิ่งตายไปก็ตามที 6 เดือนหลังจากนั้นเธอก็แต่งงานกับพระองค์เจ้าอาภัสฯ
ยิ่งอยู่กันไป มณีก็พบว่าตัวเองอาจจะใจเร็วด่วนได้เร็วไปสักนิดที่ไม่ได้ศึกษากันให้ถ้วนถี่ เมื่อความคิดและอัธยาศัยของเขานั้นไม่ต้องกับเธอเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามมณีพยายามทำใจ แม้จะอดเปรียบเทียบไม่ได้ก็ตาม ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ถึงแม้ชีวิตจะไม่ได้สุขสบายอย่างที่เคยเป็น เธอก็พยายามปรับตัว อาภัสเป็นผู้ชายที่เป็นหลักให้เธอในบ้านฟาร์มหลังเล็กๆที่อังกฤษได้ดีทีเดียว ถึงกระนั้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลง ทั้งคู่ก็ตัดสินใจกลับมาเมืองไทย
หลังกลับมาเมืองไทย มณีพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในวงสังคมอีกครั้ง แต่ด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่างกันระหว่างไทยฝรั่ง พระองค์เจ้าอาภัสก็ชักเหลิงไปกับยศถาบรรดาศักดิ์ที่มีอยู่ ยิ่งทำให้ปัญหาความต่างของทั้งคู่กลายเป็นเรื่องกวนใจมณีเรื่อยมา แม้คนอื่นๆจะพากันอิจฉามณีที่เพียบพร้อมทั้งรูป ทรัพย์ คู่ชีวิต เพื่อนฝูง และมีวิถีชีวิตอันเริงรื่นชื่นบาน แต่ลึกลงไปภายในนั้นเธอรู้สึกว่าไม่อาจสัมผัสกับความสุขสงบที่แท้จริงได้เลย หากชีวิตภายในครอบครัวนั้นไม่ร่มเย็น
และแล้ววันหนึ่งเรื่องก็เป็นไปในทางที่เดาไม่ยาก เมื่อเธอกลับบ้านกะทันหันแล้วพบหลักฐานคาหนังคาเขา(ละครนี่ชอบให้เปิดประตูไปแล้วเห็นจะๆ ความจริงต้องล็อคประตูกันก่อนสิ) กว่าเธอจะไขกุญเเจเข้าห้องไปได้ สามีกับสาวใช้ก็แต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอยื่นคำขาดว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้แต่ต้องเลิกกับหญิงคนนี้ คงด้วยความที่กำลังหลงใหลพระองค์เจ้าอาภัสฯไม่ยินยอม ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจหย่าทันที ลูกสาวที่ติดพ่อนั้นเธอก็ให้อยู่กับอดีตสามี ส่วนลูกชายอีก 2 คนที่โตพอได้ส่งไปเรียนโรงเรียนประจำในต่างประเทศ
ระหว่างนั้นเรื่องที่ดินและวังบูรพาที่พ่อสามีทั้งสองของมณีเป็นเจ้าของก็ยังแบ่งไม่สำเร็จเสียทีแม้จะยืดเยื้อมานานหลายปีตั้งแต่เธอยังแต่งงานจนกระทั่งหย่าแล้วก็ตาม ด้วยเจ้าของวังไม่ได้ทิ้งพินัยกรรมไว้ การตีค่าประเมินราคาและการแบ่งสินทรัพย์ต่างๆนั้นยากเย็นเหลือเกินเพราะแม้แต่ระหว่างพี่น้องก็ไม่มีใครยอมลดราวาศอก อีกทั้งพระองค์เจ้าพีระฯน้องชายของพระองค์เจ้าอาภัสฯ พี่ชายของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ ได้ขายมรดกส่วนของตนให้คนนอกไปแล้ว การเจรจาจึงเป็นไปด้วยความลำบาก สุดท้ายก็ต้องขายวังทิ้งปล่อยให้คนอื่นทำกำไรไปมากมาย
เมื่อไม่มีลูกกวนตัวหรือผัวกวนใจ มณีก็มีโอกาสโคจรมาพบกับคุณแมน เขาเป็นรักแรกของมณีแต่พอเธอไปเรียนต่อเลยต้องร้างลากันไป แต่ ณ บัดนี้คุณแมนแต่งงานเสียแล้วกับหญิงสาวลูกผู้น้องที่ญาติๆสนับสนุนและยังมีลูกด้วยกันถึง 5 คน ถึงกระนั้นเมื่อคุณแมนได้พบมณีอีกครั้ง เขาก็ดีใจมากและสารภาพว่าเขาแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่จัดหาให้ก็เท่านั้น ความรักที่มีต่อเธอยังคงเหมือนเดิม เมื่อทั้งสองได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น มณีจึงขอให้คุณแมนเลิกกับเมียซะหากไม่ได้รัก เธอยอมรับเลี้ยงลูกของเขาได้ อย่างไรก็ตามข้อเสนอนี้ไม่เคยเป็นผลสำเร็จ แม้ว่าคุณแมนกับมณีจะพากันไปเที่ยวต่างประเทศออกหน้าออกตาให้ใครๆรู้ก็ตาม มณีพบว่าเขาเป็นคนดีเข้ากับเธอและลูกๆได้ แม้จะไม่แข็งแกร่ง หรือพร้อมรับหน้าที่ผู้นำอย่างที่อดีตสามีเป็น แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะมาปอกลอกเอาทรัพย์สมบัติ คุณแมนยังคงกลับไปอยู่กับลูกเมียและอยู่กับมณีเรื่อยมา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นเช่นนี้มาตลอด 10 ปี
ถึงตรงนี้เรายังคิดเลยนะว่า มณีก็เคยเป็นเมียหลวงมาแล้ว ทำไมถึงยังจะมาเป็นเมียน้อยอีก ไม่คิดถึงหัวอกเมียแต่งของคุณแมนที่มีลูกกันตั้ง 5 คนบ้างหรือ การที่จะให้คนรักมาอยู่กับตัวแต่เขาตัดอีกฝ่ายไม่ขาด ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขารักเราไม่มากพอ แต่มณีก็ไม่อาจตัดใจจากเขาได้ เมียคุณแมนก็คงไม่ยอมหย่าแน่เพราะพี่น้องฝ่ายสามีแบ็คอัพให้อยู่ คุณแมนก็วิน-วิน ได้อยู่กับคนรัก ได้อยู่กับแม่ของลูก ส่วนมณีแม้จะกล้าอยู่อย่างเปิดเผยก็ไม่พ้นต้องตะขิดตะขวงใจ แต่สำหรับเรา 10 ปีก็คงไม่ใช่แค่การหลงใหลแน่ๆล่ะ เขาคงถูกอัธยาศัยกันจริงๆ
อย่างไรก็ตามมณีก็เหมือนได้พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย เมื่อได้หมอปชา สิริวรสาร แพทย์ทหารที่อายุน้อยกว่าราว 5-6 ปีมาขอแต่งงานด้วย หมอปชาเป็นคนที่เธอนำเรื่องคุณแมนไปปรึกษาด้วยบ่อยๆ เขาจึงเข้าอกเข้าใจเธอเป็นอย่างดี ทั้งคู่ได้แต่งงานในวัยผู้ใหญ่แล้ว ตัวหมอปชาเองก็เที่ยวมาจนเบื่อถึงได้แต่งงานลงหลักปักฐาน การอยู่ร่วมกันจึงไปเป็นอย่างประนีประนอม และยืนยาวถึง 23 ปี ด้วยวิสัยทัศน์ของสามีทำให้ทรัพย์สินของเธองอกเงยขึ้นอีกมาก ลูกชายของเธอที่โตเป็นหนุ่มแล้วก็เข้าใจดี แม้ว่ามณีจะเสียใจอยู่บ้างที่เดชกับทิน ลูกชายของเจรี่นั้นไม่ค่อยซาบซึ้งถึงคุณค่าของสมบัติสกุลภานุพันธ์กับมรดกที่ร.7ยกให้พ่อของทั้งคู่นัก เพราะตั้งแต่เล็กก็เติบโตที่เมืองนอกมาตลอด ทำให้นิสัยคล้ายคนต่างประเทศ มณีได้ทำงานการกุศลอย่างที่ตั้งใจมาตลอดและได้กลายเป็นคุณหญิงมณี สิริวรสาร ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกันแต่รับหลานที่เป็นลูกของลูกสาวที่เลิกกับสามีคนแรกมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม หมอปชาถึงแก่กรรม เมื่อ พ.ศ. 2526 ด้วยโรคมะเร็ง ส่วนคุณหญิง มณี สิริวรสาร ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ. 2542 อายุ 85 ปีและเป็นผู้เขียนอัตนชีวประวัติของตน
ความจริงเล่มแรกยังมีรายละเอียดอีกมากสำหรับคนที่สนใจ ทั้งปัญหาเรื่องแม่กับพี่ชาย เรื่องพระองค์เจ้าองค์อื่น เรื่องร.7 สำหรับเล่ม2 เราว่าก็สนุกใช้ได้นะ ถึงจะไม่เข้มข้นเท่าเล่มแรก แต่ทำให้เห็นพัฒนาการการเมืองของไทยในยุคสมัยนั้นด้วย
ชาติหนึ่งพึงรู้
ใครจะอยู่ ค้ำฟ้า
มุ่งใจ ใฝ่หา
ศรัทธา และไมตรี
ทุกคนต้องตาย
ร่างกลายเป็นผี
สถิตย์แต่ชั่วดี
ไม่มีวัน ดับ สูญ