ในประเทศไทยเรา ก็มีเจ้ากุ้งชนิดนี้มาจำหน่ายบ้างเป็นบางระยะ รวมถึงบางครั้ง ก็มีผู้นำลูกๆหลานๆของกุ้งชนิดนี้มาขายเช่นกันครับ และ ด้วยความสวยงามของเจ้าตัวนี้ ทำให้ ยังเป็นกุ้งที่เป็นที่ต้องการของท้องตลาดอยู่เสมอครับ กุ้งชนิดนี้ เป็นกุ้งที่ชื่นชอบต่อการหลบซ่อน ค่อนข้างมาก มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่หลบอยู่ในถ้ำ หรือ ที่พักหลบซ่อนของตัวเองอย่างปกติสุข สามารถนำมาเลี้ยงรวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ได้ เพราะเป็นกุ้งเครย์ฟิชที่มีความก้าวร้าวไม่มากนัก ถ้ากุ้งปรับตัวได้ดีแล้ว ก็มีโอกาสที่ผู้เลี้ยงจะได้เห็นเขาออกมาเดินเล่นโชว์ตัวกันอยู่บ่อยๆครับ ขนาดของตู้ที่เลี้ยงควรจะมีขนาดประมาณ 80 เซนติเมตรขึ้นไป พร้อมกับการติดตั้งระบบกรองที่มีประสิทธิภาพ และระบบการให้อากาศที่มีคุณภาพสูง จะทำให้การเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ประสบความสำเร็จมากขึ้นครับ เนื่องจากในธรรมชาตินั้น กุ้งชนิดนี้นั้น อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี และ มีปริมาณอ็อกซิเจนในธรรมชาติสูงครับ

ขนาดของกุ้งตัวผู้และตัวเมียชนิดนี้นั้น จะไม่ต่างกันมากนัก โดยในขนาดที่โตเต็มที่แล้วนั้น จะมีความยาวได้ราวๆ 10 – 12 เซนติเมตร การผสมพันธุ์ของกุ้งชนิดนี้นั้น กุ้งออเร็นทจ์ ทิป เป็นกุ้งที่ผสมพันธุ์ได้หลายครั้ง ใน 1 รอบปีหนึ่งๆ ขึ้น อยู่กับความสมบูรณ์ของพ่อและแม่พันธุ์ ซึ่งถ้าได้รับการดูแลอย่างดีแล้ว วงจรการผสมพันธุ์ของเขา ก็จะอยู่ที่ประมาณ 3 – 4 ครั้ง ต่อปี โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการจับคู่ผสมพันธุ์ของกุ้งชนิดนี้ อยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส กุ้งตัวผู้และตัวเมียจะผสมพันธุ์กัน และ จับคู่อยู่ด้วยกัน ( แต่ถ้าเป็นในที่เลี้ยง ผู้เลี้ยงจะแยกตัวผู้ และ ตัวเมีย ออกจากกันก็ได้นะครับ ) ตัวเมีย จะทำการฟูมฟักไข่ โดยการกระพือระยางค์ใต้ส่วนท้อง เพื่อให้อ็อกซิเจนแก่ไข่ และไข่จะฟักเป็นตัวในระยะประมาณ 6 – 8 สัปดาห์ครับ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ความสมบูรณ์ของไข่ และ สภาพแวดล้อม แม่กุ้งจะให้ไข่ได้ประมาณครั้งละ 40 – 100 ฟอง ลูกกุ้งที่ฟักออกมาจะมีขนาดเล็ก และ ไม่ค่อยดุร้ายต่อกันมากนัก แต่ก็อย่าประมาท ผู้เลี้ยงควรหมั่นให้อาหาร ทีละน้อยๆ อย่างสม่ำเสมอครับ ในช่วงนี้ขอให้รักษาเรื่องอุณหภูมิ และ ค่าน้ำต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ลูกกุ้งวัยอ่อน มีโอกาศเหลือรอดได้มากขึ้นครับ แต่ลูกกุ้งชนิดนี้ ก็จัดได้ว่าเป็นลูกกุ้งที่ค่อนข้างมีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้า และ ผู้เลี้ยงต้องให้การดูแลและทะนุถนอมเป็นอย่างดีครับ เพราะค่อนข้างจะบอบบาง พอสมควร และ ผู้เลี้ยงควรจัดเตรียมพื้นที่หลบซ่อนเอาไว้ให้มากเพียงพอ สำหรับลูกกุ้งที่เกิดใหม่ออกมา เพราะลูกกุ้งเมื่อเป็นตัววัยอ่อน จะมีอัตราการลอกคราบบ่อย และ ถ้าอาหารไม่เพียงพอ มักจะกินกันเองครับ การแยกลูกกุ้งไปอนุบาลในขวด หรือ ระบบเพาะอย่างเป็นระบบ จะช่วยเพิ่มอัตราการรอดของลูกกุ้งให้สูงขึ้นได้ครับ

กุ้งเครย์ฟิชชนิดนี้ เป็นกุ้งที่สามารถกินอาหารได้อย่างหลากหลาย ซึ่งผู้เลี้ยงควรที่จะพยายามให้อาหารต่างๆ ที่เป็นพวกผักและผลไม้ รวมทั้งใบไม้ต่างๆ เป็นหลัก เสริมด้วยอาหารประเภทโปรตีน ไม่ว่าจะเป็นอาหารแบบแผ่นจมน้ำ หรือ อาหารเม็ดสำหรับเลี้ยงสัตว์น้ำพื้นตู้ก็ได้ แต่การให้อาหารประเภทโปรตีนสูงเป็นจำนวนมาก ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป เพราะจะทำให้กุ้งเติบโตเร็วจนเกินไป อาจจะสะสมแร่ธาตุต่างๆสำหรับการลอกคราบได้ไม่เพียงพอ อาจจะทำให้เกิดความสูญเสียในการลอกคราบได้

เรียบเรียง : กษิดิศ วรรณุรักษ์

เครดิตรูปภาพ : https://aqua.c1ub.net/forum/lite.php?topic=65079.15

------------------------------------------------------------------------
ผลวิเคราะห์ ความน่าเลี้ยง - โปรดใช้จักรยานในการรับชม อิอิอิ
------------------------------------------------------------------------
ความละเอียดอ่อนในการเลี้ยง 3.5/5 - ตามประสากุ้งไม่ได้อดทนมาก แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ ตายง่ายจนเกินไปครับ
ความน่าลงทุน 4/5 - จัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงราคาเริ่มต้นไม่แพงมาก และ ต่อยอดโดยการเพาะพันธุ์๋ได้ ถ้าเพาะได้เยอะๆ หาร้านส่งได้ก็กินยาวๆ ครับ
ต้นทุนเริ่มต้น / ค่าเซ็ตอัพระบบ 3/5 - ต้นทุนเริ่มต้น ในการจัดตู้ ให้เหมาะสมนั้น ลงทุนพอประมาณ แต่พอตู้อยู่ตัวแล้ว ก็ใช้ได้เป็นระยะเวลานานพอสมควรครับ
ค่าดูแล 2/5 สนนราคา กินอยู่ ระยะยาวไม่แพงเลยครับ
ช่องทางจำหน่ายในตลาด 3/5 - ถ้าเพาะลูกได้ ส่วนใหญ่จะขายได้ตลอดครับ แต่ลูกๆ อาจจะโตช้าหน่อย ให้ 3 ดาวครับ

ถ้าพี่ๆน้องๆสนใจบทความ และ หนังสือน้องกุ้งแคระ & กุ้งเครย์ อื่นๆ อยากเก็บเอาไว้สะสม สามารถเข้าไปที่นี่ได้เด้อครับ

https://ebooks.in.th/thaiaquaclub

ติดตาม แฟนเพจ Thailand Crayfish เพื่อติดตามเรื่องราวน่าสนใจ เกี่ยวกับกุ้งสวยงาม และ สัตว์น้ำสวยงาม ที่น่าสนใจ ได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/ThailandCrayfishMagazine/