20 มีค 57 กระโดน - Tummy wood
"กระโดน" หนึ่งในต้นไม้สูงใหญ่รุ่นแรกที่ซื้อมาเมื่อสร้างบ้านหลังนี้ อยากได้ต้นไม้ต้นสูงใหญ่ให้ร่มเงา คนขายดีใจมากเพราะมีคนล้อมมาฝากขายนานแล้วไม่มีคนซื้อ กระโดนปลูกเลี้ยงง่าย ทนทุกสภาวะ ในขณะที่ไม้ใหญ่รุ่นเดียวกัน หลายๆต้นแห้งตายบ้าง เน่าตายบ้าง กระโดนยังยืนหยัดทิ้งใบให้ดอกเต็มต้นทุกปี ข้อเสีย หลังจากดอกกลายเป็นผล กระโดนจะให้ผลเต็มต้น ผลของกระโดนมีขนาดประมาณกำปั้นร่วงหล่นไม่จำกัดเวลา ดอกกระโดนเป็นเส้นขน คล้ายดอกของต้นจิกทั้งรูปร่างและพฤติกรรม ถ้าอยากเห็นดอกกระโดนบานอยู่บนต้น ต้องรีบตื่นแต่เช้า พอเริ่มสายดอกกระโดนจะทะยอยปลิวร่วงหล่นพื้น 9 น.เศษ ดอกกระโดนร่วงหล่นพื้นหมดแล้วเหลือแต่ขั้วดอกติดต้น ดอกกระโดนมีกลิ่นอ่อนๆที่ไม่หอม แต่ไม่เหม็นฉุนเหมือนดอกต้นจิก ชื่อวิทยาศาสตร์: Careya sphaerica ชื่อวงศ์: Lecythidaceae ชื่อสามัญ: Tummy-wood, Patana oak ชื่อพื้นเมือง: กะนอน ขุย แซงจิแหน่ ปุย ปุยกระโดน ปุยขาว พุย ผ้าฮาด แส่เจ๊อะบะ หูกวาง ลักษณะทั่วไป: ต้น ไม้ต้นขนาดกลางสูง 6-10 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มกลมแน่นทึบโดยมากลำต้นมักเตี้ย กิ่งก้านสาขามาก เปลือกหนาแตกล่อนเป็นแผ่นๆ ปกติเปลือกสีเทา ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนกันตามปลายกิ่ง รูปไข่กลับ กว้าง 15 เซนติเมตร ยาว 30 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนใบสอบ แผ่นใบบางและเหนียว ขอบใบหยักเล็กน้อย เส้นแขนงใบข้างละ 9-15 เส้น ก้านใบยาว 0.3-2.5 เซนติเมตร ใบแก่ก่อนร่วงสีแสด ดอก สีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเดี่ยวๆหรือเป็นกระจุกๆละ 2-3 ดอก กลีบเลี้ยง 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ สีขาวหลุดร่วงง่าย เกสรเพศผู้จำนวนมาก รังไข่ 4 ช่อง สีแดงปลายขาว เรียงเป็นชั้นๆ โคนเชื่อมติดกัน มีดอกพร้อมใบอ่อน ดอกบานเต็มที่กว้าง 6-8 เซนติเมตร ฝัก/ผล ผลสดเเบบมีเนื้อหลายเมล็ด ทรงกลม อวบน้ำ ขนาด 5-7 เซนติเมตร ที่ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดอยู่ เมล็ด เมล็ดจำนวนมาก มีเยื่อหุ้ม แบน สีน้ำตาลอ่อน รูปขอบขนาน ผิวเรียบ ฤดูกาลออกดอก: ธ.ค.-ก.พ. การขยายพันธุ์: เพาะเมล็ด ส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอก การใช้ประโยชน์: - ไม้ประดับ - สมุนไพร - ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ทำเครื่องเรือน เครื่องมือเครื่องใช้ - เป็นหมอนรองรางรถไฟ - เส้นใยที่ได้จากเปลือก หยาบ ใช้ทำเชือก ทำเบาะรองหลังช้าง ทำกระดาษสีน้ำตาล สรรพคุณ ยาพื้นบ้านอีสาน ใช้ เปลือกต้น แก้น้ำกัดเท้า แก้โรคกระเพาะอาหาร สมานแผลภายใน ตำรายาไทย ใช้ เปลือกต้น รสฝาดเมา แช่น้ำดื่มแก้ปวดท้อง ท้องเสีย แก้พิษงู แก้อักเสบจากงูกัด ใช้เป็นยาสมาน ใช้สมานแผล แก้เคล็ดเมื่อย ใบ รสฝาด ใช้รักษาแผลสด โดยนึ่งให้สุกใช้ปิดแผล หรือปรุงเป็นน้ำมันสมานแผล ดอกและยอดกินเป็นผัก ดอก รสสุขุมบำรุงร่างกายหลังคลอดบุตร แก้หวัด แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ ผล รสจืดเย็น ช่วยย่อยอาหาร บำรุงหลังคลอด ดอก และน้ำจากเปลือกสด ใช้ผสมกับน้ำผึ้ง กินเป็นยาแก้หวัด แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ และเป็นยาบำรุงสำหรับสตรีหลังคลอดบุตร ใบอ่อน และยอดอ่อน รับประทานสดเป็นผักจิ้ม มีรสฝาด ต้น ผสมกับเถายางน่อง และดินประสิว เคี่ยวให้งวด ตากแห้ง ใช้ปิดแผลมีพิษ ปิดหัวฝี เมล็ด รสฝาดเมา เป็นพิษ
ข้อควรระวัง เมล็ดเป็นพิษ รากมีพิษ ใช้เบื่อปลา ส่วนใบและยอดอ่อนมีปริมาณกรดออกซาลิค (oxalic acid) ในปริมาณค่อนข้างสูงอาจเป็นสาเหตุเบื้องต้นของการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แหล่งที่พบ: ป่าเบญจพรรณชื้น ป่าแดงและป่าหญ้า
Create Date : 20 มีนาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 24 มีนาคม 2557 22:06:46 น. |
Counter : 3150 Pageviews. |
|
|
|