Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
21 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 

ตามไปสัมผัสกับ Shinkansen Bullet Train





ครั้งแรกครับ กับการได้มีโอกาสมาสัมผัสกับ ชินคังเซน (Shinkansen Bullet Train) แบบใกล้ๆ แบบนี้ครับ ตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก



รถที่ผมได้มีโอกาสนั่งคือสาย Nozomi เป็นแบบที่เร็วที่สุด (จอดน้อยสถานีที่สุดครับ) หน้าตารถที่นั่งคือ JR700 คันนี้



อีกมุมมาให้ชมครับ เดินเลยออกมาก็ถ่ายซะเลย



บรรยากาศด้านใน บางที่นั่งยังเห็นคุณยายใส่ชุดกิโมโน และเกี๊ยะ พร้อมข้าวกล่อง มาขึ้นรถไฟ อยู่เลยครับ คิดว่าจะมีแต่ในหนังนะครับ



ด้านข้างสถานี ลงรถแล้วต้องข้าม ข้าม และก็ข้ามไปหลายชานชลา กว่าจะถึงสถานีครับ




**********************************************


ถ้าไปประเทศญี่ปุ่นแล้วไม่ได้นั่งรถไฟหัวกระสุน ชินคันเซน (Shinkansen) ก็เหมือนไปไม่ถึงญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่เป็นเป้าหมายของ นักท่องเที่ยว คือ การได้ไปสัมผัสหรือได้นั่งรถไฟหัวกระสุน


“ชินคันเซน” เปิดให้บริการครั้งแรกในวันที่ 1 ตุลาคม 1964 เป็นรถไฟความเร็วสูง หรือที่เรียกว่า Bullet train (รถไฟหัวกระสุน) เปิดให้บริการครั้งแรกในเส้นทางโตเกียว และ โอซากา หากเดินทางด้วยรถไฟธรรมดาจะใช้เวลาในการเดินทาง 6 ชั่วโมงครึ่ง แต่ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยของ “ชินคันเซน” ที่วิ่งด้วยความเร็ว 200 กม./ชั่วโมง ทำให้ใช้เวลาเดินทางเพียง 3 ชั่วโมงกับ 10 นาที


ในปี 1967 หรือ 3 ปีหลังจากเปิดให้บริการ มีผู้ใช้บริการสูงมากถึง 100 ล้านคน และเพิ่มเป็น 1 พันล้านคน ในปี 1976 สำหรับในปี 2004 ซึ่งเป็นการฉลองการเปิดให้บริการรถไฟครบ 40 ปี พบว่า “ชินคันเซน” มีสถิติผู้โดยสารสูงถึง 4.16 พันล้านคน


ประเภทของรถไฟ “ชินคันเซน” (Sanyo Shinkansen) มีอยู่ 3 แบบ คือ


1. Nozomi Train เป็นรถไฟที่ใช้เวลาในการเดินทางน้อยที่สุด ในเส้นทางระหว่างโตเกียวและโอซากา ได้ภายในเวลาเพียง 2.5 ชั่วโมง และใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมง เดินทางจากโตเกียวไปฟุกุโอกะ โดย Nozomi Train จะจอดเฉพาะสถานีสำคัญๆ ได้แก่ สถานีนาโกยา เกียวโต โอกายามา และฮิโรชิมา


2. Hikari Train เป็นรถไฟสายที่ให้บริการตั้งแต่ดั้งเดิม ในเส้นทางระหว่างโตเกียวและโอซากา ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง จะจอดในสถานีที่สามารถเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางไปยังเส้นทางอื่นได้ จึงใช้เวลามากกว่าการเดินทางด้วย Nozomi Train


3. Kodama train เป็นรถไฟสายที่ใช้เวลาในการเดินทางมากที่สุด หรือช้าสุด จะจอดทั้งสถานีหลักและสถานีรอง แต่ด้วยความที่จอดให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารในหลายสถานี ทำให้ได้รับความนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะรถไฟสายนี้จะจอดให้บริการที่สถานีออตตาวา Odawara (เป็นจุดที่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวคือ Hakone Park และภูเขาไฟฟูจิ หรือ ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ด้วย


ดังนั้น Nozomi, Hikari และ Kodama train จะขับเคลื่อนด้วยความเร็วเท่ากัน แต่ถึงที่หมายเร็วต่างกัน เพราะจอดรับส่งผู้โดยสารในจำนวนสถานีที่ไม่เท่ากัน





วิธีการซื้อตั๋วรถไฟ “ชินคันเซน”


สามารถหาซื้อ JR Pass หรือ Japan Rail Pass จากเมืองไทย เป็นตั๋วรถไฟที่เดินทางได้ทั่วประเทศ เป็นของรัฐวิสาหกิจ การรถไฟญี่ปุ่น ที่เป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดในญี่ปุ่น JR Pass ต้องซื้อที่นอกประเทศเท่านั้น มีตัวแทนจำหน่ายหลายแห่ง


ตั๋วโดยสารจะมีหลายแบบ หากเดินทางท่องเที่ยว 7 วัน จะมีตั๋วรถแบบธรรมดาอายุ 7 วัน ราคา 28,300 เยน จะโดยสารกี่ครั้งก็ได้ ไม่กำหนดระยะทางใกล้หรือไกล ใช้เดินทางรถไฟทุกเส้นทางรวมทั้ง “ชินคันเซน” ยกเว้น “ชินคันเซน” แบบ Nozomi การรับตั๋วโดยสารจะต้องทำการแลกตั๋วโดยสารตัวจริงที่ประเทศญี่ปุ่น จึงจะใช้บริการได้


“ชินคันเซน” เป็นอีกสัญลักษณ์ที่แสดงถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี หากมีโอกาสไปญี่ปุ่น การได้นั่งรถไฟหัวกระสุนหรือ “ชินคันเซน” ถือเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การที่ได้ไปสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตัวคุณเอง และเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด


ขอบคุณ..ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บคมชัดลึก





 

Create Date : 21 มิถุนายน 2554
1 comments
Last Update : 21 มิถุนายน 2554 10:55:19 น.
Counter : 4939 Pageviews.

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ ทักทายค่ะ

แวะชมบล็อกของน้ำชาได้ค่ะ
ThaiLand Travel สถานที่ท่องเที่ยว

 

โดย: nonguide 21 มิถุนายน 2554 11:09:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Matterhorn
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smallest Small Normal Large Largest
Friends' blogs
[Add Matterhorn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.