การรอคอยที่แสนนานสำหรับฉันก็มาถึง หลังจากการยื่นวีซ่า MVV เสร็จสิ้น รอเอกสารใบทะเบียนสมรสที่แฟนส่งมาให้หลายวันพอสมควรเพราะติดสงกรานต์ ได้เอกสารแล้วยื่นวีซ่าเมื่อวันที่ 20 เมษา บินวันที่ 26 เมษา มีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เตรียมพร้อมมาตลอด แต่มันเป็นแค่ข้ออ้าง ตั๋วแอบแพงเพราะเที่ยวเดียว จองตั๋ว บวกประกัน เกือบสีหมื่นจะเป็นลม ได้วีซ่าตอนวันพุธกลับบ้านที่มหาสารคามตอนเย็นเลย ด้วยกระเป๋าใบใหญ่มากกก รถตู้คิดเพิ่ม 100 บาท เป็น 600 บาท กลับมาบ้านก็มาซื้อของที่จะใช้ที่ฮอลแลนด์จำพวกของที่ในเมืองไม่มีที่นั่น หวด หม้อนึ่ง ใช้สำหรับนึ่งข้าวเหนียว ผ้าขาวบาง ยาหม่อง ยาพารา ยาเหลือง สารพัดที่จะนึกออกแต่ก็ได้ไม่มาก ที่แรกไม่คิดจะเอาหวดมาหรอก แต่แม่บอกว่าเอาไปเถอะขี้เกียจฟังเราบ่น เวลาจะนึ่งข้าวเหนียว และก็ไม่ลืมที่จะเอากล่องข้าวน้อยมากด้วย 5555 ใครก็คิดว่าเราบ้าหอบฟาง จริง ๆ แล้วถ้ามันขับรถไปได้คงเอาทุกอย่างจากเมืองไทยไป แม่เตรียม พริกป่น มะขามเปียก ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ ปลาร้าสับ ปลาแดกอีกเกือบกิโล แพคแล้ว แพคอีกกว่ากลิ่นออก รสดี คนอร์หมู ไก่ ที่จริงแล้วที่นี้ก็มีแต่ก็ยังหอบมาก ขนาดแป้งข้าวโพดยังเอามาเลย 555 ผงกะหรี่ ก็ซื้อมา ผ้าอนามัยอีก ฉันมันพวกบ้าหอบฟางจิง ๆ ด้วย หลังจากที่เตรียมของทั้งหมดแล้ว ก็เอามาชั่งแล้วชั่งอีกกลัวน้ำหนักเกินเหมือนรอบที่แล้ว อยากเอาไปหมด ต้องเอากระเทียม หอมแดง บางส่วนออก เสียดายแต่ไม่รู้จะทำไง รอบนี้แม่ให้หอม ตะไคร้ ข่า มากปลูกด้วยพร้อมด้วยเม็ดผักต่าง ๆ อีกจำนวนหนึ่ง และแล้ววันที่เดินทางก็มาถึง 25 เมษา ต้องไปขึ้นเครื่องที่ขอนแก่นตอน 2 ทุ่ม ออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเย็น ปู่ย่า อา น้า ป้า พ่อกับแม่ มาส่งทั้งครอบครัว เห็นแล้วไม่อยากไปเลย เที่ยวบินที่เราบิน มีดาราเยอะเลย สเตฟาน น้ำฝน ญาติเรากรี๊ดกราดใหญ่เลย ตามประสาคนทีไม่ค่อยได้เห็นดารา ส่วนตัวเราคิดว่าดูดีกว่าในทีวีอีก ญาติเราส่วนมากมาส่งเรา และก็มาดูเครื่องบินด้วย ตอนใกล้ 19.30 น.ใกล้เวลาที่จะขึ้นเครื่อง พ่อกับแม่ก็อวยพร พร้อมด้วยญาติ ๆ แต่เราต้องรีบเดินเข้าไป เพราะไม่อยากร้องไห้ ตอนเครื่องออกฝนตกหนัก อากาศไม่ค่อยดีเลย ตกหลุมอากาศก็หลายครั้ง ใจแป้วเลย แต่ก็ถึงสุวรรณภูมิจนได้ ญาติ ๆ เปียกหมดเลย เพราะมากันด้วยรถปิคอัพ มารอเครื่องที่สุวรรณภูมิ เพื่อนมาส่งและก็เลี้ยงข้าวด้วย เพราะเพิ่งกลับมาจากนอร์เวย รอจนเกือบที่ 3 ก็ได้บิน ระหว่างนั้นเช็คอินก็ตามพี่คนไทยข้าง ๆ ว่าเอาปลาร้าไปได้มั๊ย เขาก็บอกว่าถ้าห่อใส่ฟอยส์ดี ๆ จะแสกนไม่เห็น แอบหนักใจเพราะเราห่อใส่พลาสติกใส พอเขาไปนั่งรอเจออีกคนก็ถามอีก เขาก็บอกไม่เคยเอาไป แล้วฉันจะทำยังไงดี แต่ก็ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิไปได้ ถึงสนามบิน schiphol แอบหนักใจอีกตอนรอกระเป๋าเขาจะเรียกฉันด้วยไหม ยังไงเดียวไปกับพวกคนเยอะ ๆ ก้อแล้วกัน และแล้วคนข้าง ๆ เขาก้อเรียก จะรีบจ้ำอ้าวเลยเพราะอีกสองสามก้าวก้จะพ้นประตูแล้ว สรุปแล้วรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ทั้งกระเป๋าห่วงแต่ปลาร้าอยู่อย่างเดียว5555555555
คิดว่าฮอลแลนด์เป็นด่านนำเข้าที่ใหญ่มากของยุโรป น่าจะมีของจากเอเซียขายเยอะเลย ยิ่งของไทยแล้วไม่ต้องห่วงค่ะ ของเอเซียในเยอรมันก็มาจากท่าฮอลแลนด์ทั้งนั้นเลยค่ะ