มหัศจรรย์แห่งคำผวน..กิ๊ก..โคลงผวน..กวน..โคลงพลิก
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
๏ เพียงมาขอให้ยุบ..มันยิงยับ ๏



(๑)

๏ โอม... เอยโอมรำพึงคิดถึงประเทศ
มีมากเหตุหลายผล ชม-ก่นด่า
หลากคารม..เรียบ-ร่าน,ร้อยมารยา
ยังคงสาไถย์,เถื่อน.บิดเบือนบัง

๏ เมื่อความบอดคลุมปิดจึงฤทธิ์บ้า
อำนาจกร่างสั่งฆ่าจับมาขัง
ร้อยวจีร่ำเรียดเพิ่มเกลียดชัง
แล้วก็ยังตามฆ่าประชาชน

๏ จึงประเทศไทยจำ..ผู้นำเถื่อน
พูดบิดเบือนสื่อตามคอยพล่ามพ่น
วาดหวังให้เลิศหรู..เพื่อกู-ตน
จีบปากคอ กล่าวก่น..วก วนเวียน

๏ ยังกลบชั่วกล่าวดีเพื่อหนีโทษ
ทีตนโฉดห่ามหืนแทบคลื่นเหียน
ตากระพริบปากพร่ำเหมือนทำเนียน
แต่ใจเฆี่ยนขากถุย..เพื่อลุยปราม

๏ ยังหยิบโยง ทางเถื่อนที่เคลื่อนถาง
เพื่อเปิดทางเท็จก่นเทียวบ่นพล่าม
ปิดความจริงจูงสื่อกระพือตาม
หยุดคำถามไยท่าน..สังหารไทย

๏ เอา..ความจริงแค่ท่อนมากร่อนกรีด
นำทางผิดสกปรกกันยกใหญ่
บริหารถ่อยถึกยังคึกใจ
วาดหวังไล่ตามเก็บ,..ให้เจ็บจำ
(๒)
๏ คือความเขลาขุ่นขลาดจนชาติยับ
ยังโถมทัพถึกถ่อย,มาย่อยย่ำ
เด็ก-ผู้หญิง,ยังฆ่า-บ้าระยำ
แล้วปรักปรำปลงปลิดว่าพิษแดง

๏ เมื่อปิดฉากชุมนุม...ใครรุมเผา ?
โจรหน้าจอ นั่งเดาเพราะเมาแบ่ง-
สี,และชั้น ศักดินา ที่ว่าแพง-
กว่าทุกแห่งของค่า..ประชาชน

๏ แหย่ไมค์,จับ..จ่อปากสำรากถ่ม-
ถุยคารมใส่ร้ายแล้วป้ายป่น
เป็นผู้ก่อการร้ายทำลายจน-
ประเทศหม่นหมองเถื่อนเหมือนอย่างนี้

๏ ไหนฤาผู้ ก่อการ ร้าย,หาญนัก
สไนปเปอร์..กี่กระบัก...กระบุง...พี่ !
หนังสติ๊ก-ลูกแก้ว ยิงแล้วพลี-
ชีพ,ป่นปี้ แล้วหนอ ผู้ก่อการ

๏ ออกทีวีแลบลิ้นปลิ้นตาเหลือก
หลุกหลิก,เทือก โก่งแขน กร่างแมนหาญ
บดขยี้ประชานั้น...ว่าอันธพาล
แล้วสังหารเจาะกะโหลกให้โลกชม

๏ อา..กากเดน อำมาตย์ ผงาดผงก
ดังคางคกขึ้นวอหัวร่อขรม
ฟากซีกมวลชาวมหาประชาตรม
ที่ถั่งถมทุกข์ท่วม..จึงรวมพลัง



(๓)
๏ เพียงมาขอให้ยุบ..มันยิงยับ
สร้างข้อหาแล้วจับพร้อมปรับขัง
ไล่ล่า,ล้าง..โคตรเหง้า,..เชื้อเก่ายัง-
ทรงความหวัง,เพื่อไทย,..แล้วใส่ความ

๏ เหวย..สังเวชผู้นำกุมอำนาจ
มีนายทาสยิ่งใหญ่มิไถ่ถาม-
ถึงชีวิต,ไม่ทราบแต่ปราบปราม
โลกประณามยังผงาดอำนาจตน

๏ เมื่อเกมรุกมากเรื่องมาเปรื่อง,ลาก
ฉุด-กระฉาก-วาง-ก่อ เพื่อฉ้อฉล
ยังเวียนว่ายไร้หวังแห่งวังวน
ยากหลุดพ้นหุบเหวความเลวร้าย

๏ ยังเถื่อน,ถาโถมแถก..เพื่อแหวกถ่วง-
เวลาล่วงผุกร่อนไม่ผ่อนผาย
ให้ลืมเรื่องทุกข์ถมที่ล้มตาย
เพียงแต่หมายเอาชนะชาวประชา

๏ โห...ภาพกร่างวางมาดชายชาติ,เทพ-
เทือกเหล่ากอใครเจ็บกรงเล็บฆ่า
ย่อมกรุ่นฝังลึกเข้มเต็มประดา
ยังรอวันข้างหน้าเพื่อล่าคืน

๏ จงเพลินเถิดเหล่าทาสอำมาตย์เฒ่า
อีกไม่นานกรรมเก่าจะเข้าขืน-
ฉกกระชากความถ่อยให้ย่อยกลืน
ไปกับผืน ดินกลบ...เพื่อทบกรรม

๑๙๕๖
๑๓๐๗๕๓





Create Date : 13 กรกฎาคม 2553
Last Update : 13 มกราคม 2557 20:52:58 น. 50 comments
Counter : 1327 Pageviews.

 
ใช่ เลวแล้วยังอยากเป็นใหญ่


โดย: ย่าครับ วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:14:18 น.  

 
ใช่แล้วค่ะ..หน้าหนา ยิ่งกว่า...ไล่ก็ไม่ออกตีท่าทีมึนลูกเดียว


โดย: กูลิโกะป๊อกกี้ (Opey ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:19:41 น.  

 
อย่าเครียดค่ะ อย่าเครียด

เดี๋ยวโลกร้อน

"กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง"


โดย: อศิธารา IP: 118.172.64.132 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:01:51 น.  

 
ความเกลียดชัง.......มิได้เกิดจากการที่ หู ตา มืดบอด
ความเกลียดชัง.......มิได้เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ





ความเกลียดชัง.......เกิดจากการ หู ตา สว่าง
ความเกลียดชัง.......เกิดจากการ สูญสิ้นแล้ว ซึ่งความรัก

เรื่องยังไม่จบ โปรดติดตามตอนต่อไป.....


เข้าใจความรู้สึกของท่านเจ้าของบล็อก เป็นที่สุด


โดย: ผ่านมา.....เช่นกัน IP: 125.27.66.187 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:30:32 น.  

 
ใครก่อเกื้อ.......การโฉดอันโหดเหี้ยม
ใครคอยเสี้ยม...ยุแยงแทงข้างหลัง
ใครริเริ่ม..........เหิมเกริมใช้กำลัง
ใครเป็นบ่าง......ช่างยุรู้กันดี

จงรู้ไว้.............กรรมใดใครก่อปั้น
จงรู้ไว้.............สักวันมิอาจหนี
จงรู้ไว้.............เวรกรรมนั้นมันมี
จงรู้ไว้.............อเวจีนั้นมีจริง.................


จะอยู่... เพื่อรอดูวันนั้นค่ะ

หายไปซะแล้ว IP ก่อนหน้านี้


โดย: ผ่านมา...เช่นกัน IP: 125.27.66.187 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:05:55 น.  

 
สวัสดีครับ

คุณย่าครับ..ขอบคุณที่เข้าใจ
บรรดาญาติและผู้สูญเสียเสียชีวิตขอรับ
*************************

สวัสดีครับ

พี่น้อง กูลิโกะป๊อกกี้ (Opey )
อยู่ไกลยังเหมือนอยู่ใกล้ใกล้กัน..ขอรับ
โอพีสบายดีน๊าขอรับ
*************************

สวัสดีจ้า

หนูแอน อศิธารา
ไม่เครียดหรอกเครียดไปก็
ไม่ได้เป็นทรราชย์เครียดไปก็..
ไม่มีอำนาจสั่งฆ่าประชาชนจะเครียดทำไมจ้า..อิอิ
********************************

คห.ที่4(เดิม) สวัสดีครับ
คห.ท่านดังนี้...

ไม่ทราบเหตุใดถึงบอกว่าเพียงมาขอให้ยุบ
ทั้งที่ความจริงคือ
ไม่ได้เพียงมาขอให้ยุบแต่มีการปิดถนนเขยิบยกระดับให้คนเดือดร้อน มากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ได้เพียงมาขอให้ยุบแต่มีการปิด BTS
ไม่ได้เพียงมาขอให้ยุบแต่มีการปิดทางรถไฟ
ไม่ได้เพียงมาขอให้ยุบแต่มีการข่มขู่คุกคามประทุศร้ายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย จากแกนนำ
ไม่ได้เพียงมาขอให้ยุบแต่มีการปิดถนนตรวจค้นรถที่ผ่านไปมา
รุมทำร้าย ทุบรถ คนที่ตนไม่พอใจ (เช่นคนที่บีบแตร)
ไม่ได้เพียงมาขอให้ยุบแต่มีการพูดจาข่มขู่จากแกนนำว่าจะเผาบ้านเผาเมืองจะปล้นร้านค้าต่างๆนาๆ รวมถึงบอกว่ามีกองกำลังติดอาวุธเป็นพวก
ไม่ได้เพียงมาขอให้ยุบแต่มีปิดถนนกระจายไปทั่วจุดสำคัญในกรุงเทพ
ไม่ได้เพียงมาขอให้ยุบแต่มีการบุกโรงพยาบาล ดักตรวจ ขอโขมยของที่มีค่า
ไม่ได้เพียงมาขอให้ยุบแต่มีการปล้นชิงสินค้า และเผาบ้านเผาเมือง
คนกลุ่มนี้ก่อนหน้านั้นปีที่แล้วทหารไม่ได้ยิงเลย ก็ยังปิดอนุเสาวรีย์เผาเมืองไปแล้ว ไล่ทุบรถ ไล่ฆ่าฝ่ายตรงข้ามหลักฐานก็มีมากมาย
ไม่ทราบว่าทำไมเจ้าของบล็อคถึงได้จงใจละเลยบิดเบือนข้อเท็จจริงได้ไปได้ขนาดนี้ครับ
************
ตอบ..คห4.(เดิม)
นั่นเป็นมุมมองของท่านท่านมีสิทธิ์ที่จะคิดเห็นได้อิสระเสรี
แต่ข้าพเจ้าจะเห็นด้วยตามท่านหรือไม่อันนี้ก็สิทธิเสรีของข้าพเจ้า
เพราะที่นี่มีความเห็นอย่างนี้.แต่ก็ยินดีรับฟังขอรับ
และก็ทรงไว้ซึ่งสิทธิ์ จขบ. ที่จะลบความเห็นใดๆที่ไม่ได้
ล๊อกอิน..และหรือการแสดงความคิดเห็นที่ออกไปในแนวทาง
ที่ต่างกันออกไปในด้านความคิด..เพื่อแก้ปัญหาในอันที่จะเป็นเรื่อง
ไม่เข้าใจกันและถกเถียงกันและจะทำให้ไม่สบายใจเปล่าๆขอรับ..
ครั้งต่อไปถ้าผ่านมา..เจอรบกวนล๊อกอินด้วยขอรับที่นี่
ชัดเจนตรงไปตรงมา-ให้เกียรติในความคิดเห็นที่ต่าง
ออกไป-ไม่หลบซ่อนเป็น ตัวแอบขอรับ..
ต้องขออภัยด้วยที่ลบ คห.ของท่านเพื่อนำมาไว้ตรงนี้ขอรับ
*****************************************

สวัสดีครับ

ท่านผู้ที่...ผ่านมา.....เช่นกัน IP: 125.27.66.187
คำ..ของท่านถูกใจและโดนเป็นอย่างยิ่งขอรับ...

ความเกลียดชัง.......มิได้เกิดจากการที่ หู ตา มืดบอด
ความเกลียดชัง.......มิได้เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ
ความเกลียดชัง.......เกิดจากการ หู ตา สว่าง
ความเกลียดชัง.......เกิดจากการ สูญสิ้นแล้ว ซึ่งความรัก
เรื่องยังไม่จบ โปรดติดตามตอนต่อไป.....
เข้าใจความรู้สึกของท่านเจ้าของบล็อก เป็นที่สุด

ขอบคุณขอรับท่านที่เข้าใจความรู้สึกให้
กับกลุ่มประชาชนที่สูญเสียและถูกไล่ล่า

...คัมมิ่งซูน..ขอรับท่าน...(ขอหลังไมค์จากท่านหน่อยขอรับ)



โดย: คนสาธารณะ วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:10:37 น.  

 

๏ เมื่อเห็นกร่าง..ว่ากร่าง ไปอย่างนั้น
ใครจะปั้น..สำราก..ไม่อยากถาม
หลากหลายล้านความเห็นที่เด่นงาม
แต่ไม่หยาม สู " โค "..ว่าโง่งม !


โดย: คนสาธารณะ วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:26:19 น.  

 
ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบาย เป็นสิทธิของท่าน

แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงบอกว่าเพียงมาขอให้ยุบ

ถ้าไม่เห็นด้วยก็เป็นสิทธิของท่านครับ แต่ผมคิดว่าที่พูดมาส่วนมากสังคมรับรู้ว่าเป็นข้อเท็จจริงดังที่กล่าวมาครับ

และถ้าพูดถึงการไล่ล่า ผมก็จำได้สมัยคุณ อภิสิทธิเพิ่งเป็นนายก คนเสื้อแดงก็รุมทุบรถ กระถางต้นไม้ ตัวหนอน ไม้หน้าสาม พุ่งหลาวถ้ารถไม่กันกระสุนก็คงเสียชีวิตไปแล้ว
แกนนำเสื้อแดงหลายคนก็ประกาศบนเวทีให้ไล่ล่าไล่ฆ่าเขาแทบให้เอาตัวมาแขวนคอ ให้ตัดหัวมาเสียบประจาน ต่างๆนาๆ หลายครั้ง แกนนำคนอื่นทุกคนก็รู้เห็นเป็นใจไม่มีใครได้ห้ามปราม
//www.youtube.com/watch?v=0cHai9A_VDY
(คนเสื้อแดงพยายามฆ่าขนาดนั้น รัฐบาลได้ไล่ล่าอะไรบ้างหรือยัง )
ชัดเจนทั้งพยายานหลักฐาน ภาพถ่าย วีดีโอต่างๆ ว่าไปรุมทำร้ายไล่ล่าไล่ฆ๋าเขาจริง

แต่คนที่ถูกไล่ล่าไล่ฆ่านี่ก็ยังมานั่งเจรจากับคนที่เคยประกาศไล่ล่า ฆ่าตนเอง แปลกไหมครับ

(มีมาตั้งแต่สมัย คุณ สมัคร ที่สส นั่งรถบรรทุกคนขนพร้อมอาวุธจากสนามหลวงมาปะทะฝ่ายตรงข้าม รายการความจริงวันนี้กลับพูดเท็จหน้าตาเฉยว่าหยิบอาวุธจากข้างทาง )
อจ ผู้หญิง มช (มีจัดประชุมวิพากย์การเมือง) โดนเสื้อแดงชกหน้า คนเสื้อแดงในราชดำเนินจำนวนมากก็เชียร์ บอกว่าไปว่าเขาก่อน สมควรโดน
เสื้อแดงรุมทุบรถทำร้ายคนผ่านไปมา คนในราชดำเนินจำนวนมากก็เชียร์บอกสมควร (คนดีๆก็มีนะครับ)
บุกไปด่าว่าคุณยายเนียมถึงห้อง ไอซียู (มีทหารแอบในโรงพยาบาลไหมครับ ตอนนั้น) ฯลฯ

พฤติกรรมไล่ล่าทำร้ายคนเห็นต่าง ก็มีมายาวนาน ชัดเจนแบบนี้ ขนาดสั่งให้ฆ๋าคนบนเวทีได้ก็ยังมีคนสนับสนุน กันอยู่เลย ถ้าการไล่ล่าไล่ฆ๋าคน ทำร้ายคนเห็นต่าง เป็นสิ่งควรตำหนิประณาม คนเสื้อแดงคงประณามแกนนำไปนานแล้วล่ะครับ แต่นี่กลับสนับสนุน

ผมก็สงสัยในความยุติธรรมเป็นกลางของจิตใจนะครับ


โดย: ผ่านมา IP: 125.25.137.177 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:23:45 น.  

 
อตฺตาทตฺถํ ปรตฺเถน พหุนาปิ น หาปเย อตฺตทตฺถมภิญฺญาย สทตฺถปสุโต สิยา

การทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ถึงจะมาก ก็ไม่ควรเป็นเหตุทำลายประโยชน์ที่เป็นจุดหมายของตน
กำหนดประโยชน์ที่หมายของตนให้แน่ชัดแล้ว พึงขวนขวายแน่วแน่ในจุดหมายของตน

ขอให้ประสบความสำเร็จในจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต ตลอดกาล...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:53:33 น.  

 
มาให้กำลังใจ เจ้าของบล็อกครับ



โดย: ศาลายา วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:03:52 น.  

 
221ปีปฏิวัติฝรั่งเศส บทเรียนสำหรับไทย
***************************
'เกิดขบถขึ้นรึ?'พระเจ้าหลุยส์ที่16ทรงถาม...'หามิได้พระเจ้าค่ะ มันคือการปฏิวัติ'มหาดเล็กตอบ


โดย Pegasus

สรุปแล้วการปฏิวัติฝรั่งเศสตั้งแต่ ๑๗๘๙-๑๘๗๕ ใช้เวลาทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ในการยกเลิกระบอบกษัตริย์โดยสิ้นเชิงใช้เวลาทั้งหมด ๘๖ ปี และการล่มสลายของระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศส เกิดจากกลุ่มนิยมสถาบันกษัตริย์อย่างบ้าคลั่งที่แอบอิง และอาศัยประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง ไม่ใช่จากประชาชนหรือใครอื่นใดเลย ..ที่สำคัญคือเหตุการณ์ต่างๆช่างคล้ายคลึงกับประเทศไทยในปัจจุบัน


*หมายเหตุผู้เขียน:ที่มาของเนื้อหาได้มาจากหลายแหล่ง ขออภัยที่ไม่สามารถระบุได้ครบถ้วนในคราวนี้ เป็นเพียงต้องการลำดับเรื่องเพื่อความเข้าใจในภาพสำคัญในการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่อาจมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศไทยคล้ายคลึงกัน เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆได้พัฒนาไปในแนวทางเดียวกัน เพียงแต่ตัวละครจะเปลี่ยนจากระบอบกษัตริย์ เป็นระบอบอำมาตย์เท่านั้น จะเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรอยู่ที่ท่านผู้อ่านแต่ละท่านจะนำไปคิดไตร่ตรองต่อไป ประการสำคัญคือเมื่อประชาชนเหลืออด การนำด้วยกลุ่มหัวรุนแรงจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ฝ่ายเป็นกลางก็จะถูกขจัดไปในที่สุด การหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นี้คงอยู่ที่ฝ่ายอำมาตย์เท่านั้นที่หากมีโอกาสอ่านเอกสารนี้ขอให้คิดใหม่ และยุติปัญหาต่างๆเสียเมื่อยังทำได้


การปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 มีผลต่อยุโรปโดยรวมอย่างมาก เพราะฝรั่งเศสเป็นประเทศมหาอำนาจของยุโรปในขณะนั้น (การปฏิวัติฝรั่งเศสแสดงให้เห็นว่ามนุษย์พร้อมที่จะกำหนดชะตาชีวิตและแสวงหาความสุขของตนเองได้ด้วยการได้มาซึ่งเสรีภาพ และด้วยเสรีภาพนี้เองมนุษย์จะสร้างชุมชนที่อยู่ด้วยกันได้โดยสงบสุข สันติและเจริญรุ่งเรืองโดยไม่ต้องพึ่งพาอำนาจพิเศษจากสวรรค์หรือตัวแทนจากสวรรค์ใดๆ...Pegasus)


พระเจ้าหลุยส์ที่16

สาเหตุของการปฏิวัติ

1. สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การที่ฝรั่งเศสพัวพันกับการทำสงครามหลายครั้งตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มาจนกระทั่งถึงสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ก็แพ้สงคราม 7 ปีกับอังกฤษในอเมริกา และต่อมาสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ก็ส่งกองทัพไปแก้แค้นอังกฤษด้วยการส่งกองทัพไปช่วยชาวอเมริกันประกาศอิสรภาพ แต่ก็ทำให้เป็นหนี้จำนวนมหาศาล

ฝรั่งเศสกู้เงินเป็นจำนวนมากมาช่วยชาวอาณานิคมอเมริกันทำสงครามต่อต้านอังกฤษ ทำให้ประชาชนชาวฝรั่งเศสมีแต่ความยากจนและหิวโหยไปทั่ว ในขณะที่จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไม่รู้สึกพระองค์ว่าพร้อมในการปกครองแม้ว่าจะได้รับการศึกษามาอย่างดีเนื่องจากมีพระชนม์เพียง 20 ชันษา


(ดูการกู้เงิน การล้มละลายของระบบเศรษฐกิจ และ ความไร้เดียงสาของผู้บริหารประเทศแล้วคล้ายคลึงกัน...Pegasus)


พระนางมารีอังตัวเน็ตต์

2. สถานการณ์ทางสังคมและการเมือง ในปีหนึ่งเกิดการเสียหายในผลผลิตทางการเกษตรทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมปังที่เป็นอาหารหลักของชาวฝรั่งเศส ในขณะที่ในพระราชวังยังคงมีความหรูหราฟุ่มเฟือยกันอยู่

จนมีผู้เสนอฎีกากล่าวหาว่า ความฟุ่มเฟือยของราชสำนักเป็นสาเหตุของความยากจนของประชาชนโดยมีการกล่าวว่าอาหารในวังเพียงหนึ่งวันก็สามารถเลี้ยงประชาชนได้เป็นพันคน

โรแบสปิแอร์

ผู้อยู่เบื้องหลังฎีกาฉบับนี้คือ แมกซิมิลเลียน โรแบสปิแอร์ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติฝรั่งเศสต่อไป

ส่วนพระเจ้าหลุยส์ฯได้รับคำแนะนำที่ผิดให้สร้างฐานะความเข้มแข็งของฝรั่งเศสด้วยการขึ้นภาษีกับฐานันดรที่ 3 ได้แก่ประชาชนโดยที่ ฐานันดรอื่นไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย

นอกจากความโกรธแค้นนี้แล้ว ธรรมชาติก็ได้ลงโทษชาวฝรั่งเศสเหมือนจะเร่งให้เกิดการปฏิวัติเร็วขึ้นด้วยการทำให้เกิดฤดูหนาวยาวนานผิดปกติตามมาเป็นเหมือนเหตุร้ายต่อประเทศฝรั่งเศส

ต่อมาฤดูร้อน ค.ศ.1788 เกิดความแห้งแล้งขาดแคลนอาหารมากขึ้นอีก ขนมปังจึงมีราคาสูงขึ้นทำให้เกิดการกักตุนอาหาร คนต้องใช้รายได้ทั้งเดือนมาหาซื้อขนมปังในวันเดียว ทำให้เกิดจลาจลขึ้นทั่วไปเพื่อปล้นขนมปัง

ด้วยความจำเป็นฝรั่งเศสจึงได้จ้างรัฐมนตรีการคลังที่มีความสามารถมาบริหารกระทรวงการคลังชื่อว่าจ้าค เนกเกอร์

ตลอดปี 1789 เนกเกอร์กล่าวว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องหาขนมปังและข้าวสาลีมาให้ประชาชนให้เพียงพอ ดังนั้นจึงได้เสนอให้มีการเรียกประชุมสภาฐานันดรเป็นครั้งแรกในรอบ 175 ปี ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1789 ณ พระราชวังแวร์ซายส์

เนกเกอร์เสนอให้เก็บภาษีที่ดินจากพลเมืองทุกคน แต่ถูกฐานันดรที่ 1(พระ) และฐานันดรที่ 2 (ขุนนางทั่วไป) ต่อต้าน ฐานันดรที่ 3 (ประชาชนทั่วไปร้อยละ97 แต่มีจำนวนสมาชิกเพียงหนึ่งในสาม) จึงเรียกร้องให้เพิ่มจำนวนผู้แทนของตนขึ้นอีกเท่าตัวเพื่อจะได้มีจำนวนเท่ากับผู้แทนฐานันดรที่ 1 และ 2 รวมกัน

ในครั้งนั้นโรแบสปิแอร์ได้นำเหล่าฐานันดรที่ 3 เรียกร้องให้พระและขุนนางจ่ายภาษี พระเจ้าหลุยส์ฯรู้สึกว่าถูกคุกคามจากฐานันดรที่ 3หัวรุนแรง

สภาฐานันดรแห่งชาติเปิดประชุมในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1789 แต่ละฐานันดรถูกจัดให้แยกกันประชุม ฐานันดรที่ 3 เรียกร้องให้เปิดประชุมร่วมกัน แต่พอไปถึงพบประตูปิด เลยออกไปประกาศตนเป็นสมัชชาแห่งชาติ

ในวันที่ 20 มิ.ย. สมัชชาแห่งชาติได้จัดประชุมขึ้นบริเวณสนามเทนนิส (ที่จริงเป็นสนามแฮนด์บอลล์) ของพระราชวังแวร์ซายส์ และเรียกร้องว่าจะไม่หยุดประชุมกันจนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และประกาศตัวเองว่าเป็นตัวแทนของประชาชนฝรั่งเศสที่แท้จริงและเริ่มเห็นโอกาสที่จะท้าทายกษัตริย์ฝรั่งเศสได้แล้วในขณะนั้น แม้ว่าความเป็นจริงจะไม่ง่ายอย่างนั้น

เพราะในที่สุดตัวแทนเหล่านี้ก็ถูกทหารปราบปรามและกำจัดในที่สุด


(ปัญหาความอดอยาก การตกงาน ความแตกต่างทางชนชั้น หรือการครองชีพได้ปรากฏชัดขึ้นทุกขณะในสังคมไทย ฝ่ายที่มีเส้นครอบครองเศรษฐกิจสำคัญๆและผูกขาดไว้จำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ประชาชนยากจน เจ็บป่วยและพอใจให้ไร้การศึกษาเพื่อให้ยอมอยู่ใต้การปกครองตลอดไป...Pegasus)


ดันตอง

3. พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มีความผิดปกติทางสรีระบางประการทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับพระนางมารี อังตัวเนตได้ ก่อให้เกิดข่าวลือและการเหยียดหยามตลอดจนการว่าร้ายความฟอนเฟะในราชสำนักอย่างแพร่หลาย แม้ว่าในภายหลังพระเจ้าหลุยส์ฯจะทรงได้รับการรักษาและทรงมีรัชทายาทได้แต่ความเสียหายได้กระจายไปจนทั่วแล้ว


(ระบอบอำมาตย์ของไทยและบริวารทั้งที่เป็นข้าราชการและนักการเมืองก็มีเรื่องให้เป็นข่าวลือมากมายสุดที่จะบรรยาย...Pegasus)


4. ความแพร่หลายของความคิดใหม่ในศตวรรษที่ 18 ที่ถือกันว่าเป็นยุคแห่งความรอบรู้และเหตุผล ซึ่งกระแสความคิดเช่นนี้เองท้าทายความเชื่อเดิมเรื่องอำนาจของศาสนจักรและกษัตริย์

จิตใจของประชาชนเอนเอียงออกจากฐานันดรของฝ่ายปกครองมากขึ้นเรื่อยๆ ระบบคิดทางวิทยาศาสตร์ให้ความสำคัญกับการค้นคว้าหาเหตุผลด้วยตัวเองและไม่เชื่อในสิ่งที่ผู้อื่นบอกเล่าเสมอไป

ประเพณีเดิมที่ส่งเสริมให้เชื่อศาสนจักรและกษัตริย์จึงเริ่มถูกท้าทายขึ้นเรื่อยๆในความคิดของคนทั่วไป สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติที่เริ่มต้นจากความคิดนั่นเอง

การที่ทุกคนมีเหตุผลได้ การเรียกร้องความเท่าเทียมกัน การไม่เชื่อ ไม่นับถือสถานะพิเศษใดๆ จึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติขึ้นจริงๆ และกลายเป็นอันตรายต่ออภิสิทธิชนในที่สุด

เพราะประชาชนเชื่อเสียแล้วว่ามนุษย์เกิดมาไม่แตกต่างกัน แนวความคิดของวอลแตร์ มองเตสกิเออร์ และสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกันซึ่งอยู่ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา กระตุ้นให้ชาวยุโรปตื่นตัวในเรื่องเสรีภาพ มาควิส เดอ ลา ฟาแยตต์นำความนิยมในระบอบประชาธิปไตยจากการประกาศอิสรภาพอเมริกันมาเผยแพร่

มองเตสกิเออร์

{ มองเตสกิเออร์(1689-1755) เจ้าของแนวคิด การแบ่งและคานอำนาจระหว่าง นิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ เพื่อมิให้ฝ่ายใดมีอำนาจกดขี่ได้ อำนาจทั้งสามไม่ควรอยู่ในมือคนๆเดียวหรือคณะเดียวแต่เป็นการถ่วงดุลระหว่าง กษัตริย์ ขุนนางและประชาชนโดย มองเตสกิเออร์เห็นว่าขุนนางควรมีอำนาจออกและยับยั้งกฎหมายร่วมกับสภาจากประชาชน รวมถึงการกำหนดงบประมาณแต่ไม่ควรเข้ามาทำงานด้านอำนาจบริหาร ส่วนกษัตริย์ไม่มีอำนาจออกกฎหมายมีแต่อำนาจยับยั้ง แต่สภาก็ยังตรวจสอบได้ว่าการใช้อำนาจบริหารเป็นอย่างไร กล่าวหาและเอาผิดที่ปรึกษาของกษัตริย์และเสนาบดีในฐานะฝ่ายบริหารแทนกษัตริย์ได้


(แนวคิดนี้สหรัฐอเมริกาได้นำไปใช้มากเรียกว่าระบบถ่วงดุลอำนาจ...Pegasus)


ในส่วนของเสรีภาพนั้นเห็นว่าเสรีภาพคือการที่จะทำในสิ่งที่ต้องการและไม่บังคับให้กระทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ จะต้องมีกฎหมายมาเป็นคนกลางกำหนดว่า ประชาชนควรทำหรือไม่ควรทำอะไร เพื่อมิให้เสรีภาพของคนหนึ่งไปรบกวนเสรีภาพของคนอื่น และระบบกฎหมายนี้จะไม่เกิดกับระบอบทรราชที่ใช้กำลังอำนาจทำให้ประชาชนหวาดกลัว


(แนวคิดนี้สหรัฐอเมริกาและบางประเทศในยุโรปถือว่ามนุษย์มีเสรีภาพจะทำอะไรก็ได้ ตราบเท่าที่ไม่ไปรบกวนเสรีภาพของผู้อื่น รัฐจะเข้ามายุ่งกับประชาชนให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น...Pegasus)


วอลแตร์

วอลแตร์ (1694-1778) เป็นนักเหตุผลนิยม และใช้วิทยาศาสตร์ในการวิจารณ์ประวัติศาสตร์ ชักชวนให้ประชาชนใช้หลักเหตุผลในการวิเคราะห์สิ่งต่างๆดังตัวอย่าง จดหมายจากอังกฤษ ดังนี้ จดหมายจากอังกฤษ (หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จดหมายปรัชญา) ซึ่งเป็นผลงานชิ้นแรกที่สร้างชื่อให้วอลแตร์นั้น เขียนในรูปจดหมายสมมุติ ๒๕ ฉบับ เนื้อหาเล่าถึงสังคมอังกฤษผ่านสายตาของผู้เขียน โดยที่วอลแตร์ใช้สังคมดังกล่าว เป็นเครื่องกระตุ้นให้ผู้อ่านคิดเปรียบเทียบกับสังคมฝรั่งเศส จึงเป็นธรรมดาที่ดินแดนอังกฤษ ตามบทพรรณนาในจดหมาย จะเลอเลิศไปด้วยเสรีภาพในการนับถือศาสนา ความสมดุลของอำนาจทางการเมือง สภาพปลอดอภิสิทธิในที่ดิน ความเสมอภาคในการเสียภาษี ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนตรงกันข้ามกับสภาวะที่เป็นอยู่ในฝรั่งเศส (และแน่นอนว่า ผู้เขียนจดหมายย่อมมองข้ามข้อบกพร่องทั้งหลาย ของสังคมอังกฤษ เพื่อขับเน้นแต่ด้านที่เป็นอุดมคติ) วอลแตร์ได้สอดแทรกการโจมตีการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ในระบอบศักดินาเอาไว้ไม่น้อย เราลองมาฟังตัวอย่างคารมของเขาดังต่อไปนี้

"สามัญชนอันเป็นคนจำนวนมากที่สุด มีคุณธรรมที่สุด และควรแก่การเคารพยกย่องที่สุด อันประกอบไปด้วยผู้ศึกษากฎหมาย และวิทยาศาสตร์ พ่อค้า ช่างฝีมือ และชาวนา ผู้ประกอบอาชีพอันสูงส่งแต่ไร้เกียรติ สามัญชนเหล่านี้ เคยได้รับการเหยียดหยามจากเจ้า และพระราวกับว่าเป็นสัตว์ (...) ต้องใช้เวลานับเป็นศตวรรษทีเดียว ที่จะสร้างความยุติธรรมให้แก่มนุษยชาติ ในอันที่จะทำให้ประจักษ์ว่า เป็นความสยดสยองยิ่ง ที่คนส่วนใหญ่เป็นผู้หว่านไถ แต่คนส่วนน้อย เป็นผู้ชุบมือเปิบเอาพืชผลนั้นไป" }


(สังคมไทยปัจจุบันประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างมากมาย แสวงหาข้อมูลและเหตุผลต่างๆอย่างเอาเป็นเอาตาย เกิดโรคตาสว่างระบาดโดยทั่วไป มีการค้นคว้าหาคำตอบจากอินเตอร์เนท การสื่อสารทางเลือก ดาวเทียม วิทยุชุมชนและจากการพบปะพูดคุยอย่างกว้างขวางและทุกหนทุกแห่ง ประชาชนไม่ยอมเชื่อฟังผู้ที่อ้างว่าตนเองมีคุณธรรมหรือมีบุญแบบพระและกษัตริย์ในยุโรปอีกต่อไป...Pegasus)


มองเตสกิเออร์และวอลแตร์ เป็นสองผู้มีอิทธิพลต่อการปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก จากแนวคิดดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเรียกร้องสิทธิของพลเมืองและการปฏิวัติตามมา


(แนวความคิดของ จอห์น ล๊อค ว่าด้วยเรื่อง ชีวิต เสรีภาพและทรัพย์สินและ จัง จาค รุสโซ ว่าด้วยสัญญาประชาคมก็มีความสำคัญไม่น้อย...Pegasus)


การปะทะกันเริ่มในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1789 หลังจากตัวแทนฐานันดรที่ 3 ได้เริ่มการปฏิวัติในที่ประชุมสภาฐานันดรแล้ว พระเจ้าหลุยส์ฯได้ส่งทหารจำนวน 3 หมื่นนายมาล้อมกรุงปารีสและไล่รัฐมนตรี จ้าค เนกเกอร์ออก


(ของไทยกองกำลังทหารในแต่ละกองทัพคำนวณจากแถลงการณ์ว่ามีขั้นต้น 33 กองร้อย รวมแล้วจึงควรมีกำลัง 100 กองร้อยๆละ ไม่เกิน 150 คนรวมเป็นกำลังติดอาวุธ 15,000 คน แต่อาวุธทันสมัยกว่าสมัยฝรั่งเศสมาก แต่ประชาชนที่จะแปรสภาพเป็นมวลชนของไทยมีมหาศาลกว่ามาก...Pegasus)


ข่าวลือเรื่องกษัตริย์จะใช้กำลังทหารสลายการประชุมสมัชชาแห่งชาติก็ทำให้เกิดความโกลาหล เฉพาะในหมู่ชาวปารีสหัวรุนแรง ที่เรียกว่าพวกซองกูลอต (sans-culottes) ได้มีการปล้นปืนมาได้จำนวน 28,000 กระบอก แต่ขาดดินปืน

ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 จึงยกขบวนประมาณ 800 คนไปที่คุกบาสตีย์ (Bastille) ซึ่งใช้เป็นที่ขังนักโทษการเมือง เหตุการณ์การทลายคุกบาสตีย์ (Fall of the Bastille) นี้ซึ่งต่อมาถือเป็นวันเริ่มต้นเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นวันชาติฝรั่งเศสในปัจจุบัน พร้อมกับธงไตรรงค์คือสีแดง น้ำเงิน และขาว เข้าฆ่าทหารในคุกด้วยมีดและหอก และนำหัวของผู้คุมคุกมาเสียบประจานบนหอก

ความรุนแรงนี้สมาชิกสภาฐานันดรที่ 3ที่เรียกว่าสมัชชาแห่งชาติไม่ได้ห้ามปราม แต่ได้ให้การสนับสนุนและการเพิกเฉยนี้จะทำให้เกิดผลตามมาอีกมากมายในภายหลัง

ในวันเดียวกันนั้นพระเจ้าหลุยส์ฯเสด็จกลับมาจากการล่าสัตว์ มหาดเล็กได้ไปกราบทูลว่าเกิดเหตุที่คุกบาสตีย์
พระองค์ถามว่ามีกบฏใช่ไหม แต่มหาดเล็กทูลตอบว่าไม่ใช่ มันคือการปฏิวัติ


การบุกคุกบาสตีย์ ทำให้การปฏิวัติไม่มีการหันหลังกลับ แต่เป็นการปลดปล่อยประชาชนออกจากอดีตและเป็นการโค่นล้มทรราช ประชาชนทำการพังคุกนี้ด้วยมือเปล่า ขนหินแต่ละก้อนออกมาเพื่อทำลายสัญลักษณ์แห่งการกดขี่ทั้งมวล


(ความสยดสยองเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในไทย หากฝ่ายอำมาตย์ยอมรามือ...Pegasus)


หลังจากนั้นไม่กี่วัน ได้มีกฎหมายชื่อว่า คำประกาศแห่งสิทธิของมวลมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยหลักการสำคัญ 3 ข้อที่เป็นอุดการณ์ของการปฏิวัติฝรั่งเศส คือ เสรีภาพ (liberty) เสมอภาค (equality) และภราดรภาพ (fraternity)

เพื่อยกเลิกการมีชนชั้นลง ประกาศนี้ระบุว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทั้งชาติ และไม่มีการกล่าวถึงระบอบกษัตริย์อีก เท่ากับว่าสมัชชาแห่งชาติได้ยึดอำนาจไว้กับกลุ่มของตนได้ ประกาศดังกล่าวย้ำข้อเรียกร้องฐานันดรที่ 3 เช่น มนุษย์เกิดมาเป็นอิสระ และมีสิทธิเท่าเทียมกัน การจับกุมกล่าวหาและหน่วงเหนี่ยวบุคคลใดๆจะกระทำได้เฉพาะตามที่กฎหมายกำหนด และทุกคนต้องเสียภาษีตามสัดส่วนของรายได้ที่ได้รับ ชาวฝรั่งเศสต้องการให้กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ มีการปกครองที่มีเหตุผล และมนุษย์มีเสรีภาพโดยเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะเสรีภาพของสื่อมวลชนที่ถูกปิดปากมาโดยตลอด


(เป็นความหวังของประชาชนไทยเมื่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้เกิดขึ้น...Pegasus)


ขณะนั้นนายแพทย์ที่ผิดหวังกับสังคม มีชื่อว่า ฌัง ปอล มารา ซึ่งต่อมาได้ทำหนังสือพิมพ์และเป็นนักปลุกระดมอารมณ์ร้าย 5 ตุลาคม 1789 ทำให้ผู้หญิงแม่ค้าขายปลาที่แข็งแรงมากม าชุมนุมด้วยความโกรธแค้นว่า ขาดแคลนขนมปัง ขณะที่ในวังมีการจัดงานเลี้ยงจึงได้มาที่วังพร้อมปืนและหอก เพื่อถวายข้อเรียกร้องต่อพระราชา โดยมีคนมาล้อม 2 หมื่นคนเรียกร้องให้กษัตริย์กลับไปกรุงปารีส และเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ผู้หญิงก็บุกเข้ามาเพื่อปลงพระชนม์พระนาง มารี อังตัวเนต เมื่อพบทหารก็ฆ่านำมาเสียบปลายหอก 6 ตุลาคม 1789 ฝูงชนหกหมื่นคนเข้ามาบังคับให้พระราชาและพระราชินีกลับมากรุงปารีสเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมกับหัวของเหล่าทหารราชองครักษ์และข้าราชบริพาร ตามด้วยรถของพระราชา พระราชินี และกลายเป็นนักโทษในปารีสอย่างสิ้นเชิง และมีการปล้นเอาข้าวสาลีจำนวนมากออกจากพระราชวังแวร์ซายร์


เพื่อรักษาความสงบทั้งในเมืองและชนบทระหว่างที่ 5-11 สิงหาคม 1789 สภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติออกพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับรวมเรียกว่า“พระราชกฤษฎีกาเดือนสิงหาคม” (August Decrees) ระบุถึงการยกเลิกระบบฟิวดัล ศาลต่างๆ มีการปรับปรุงกฎหมายอาญาโดยใช้หลักมนุษยธรรมมากขึ้นด้วยการยกเลิกการทรมานและตัดอวัยวะ

นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 1792 รัฐเริ่มนำเครื่องกิโยติน(guillotine) มาใช้เป็นเครื่องประหารเพื่อให้สิ้นชีวิตโดยเร็วและเจ็บปวดน้อยที่สุด สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติต้องการให้คริสตจักรฝรั่งเศสพ้นจากการควบคุมดูและของสำนักสันตะปาปาที่ปรุงโรม และประกาศใช้ พระราชบัญญัติธรรมนูญสงฆ์ในค.ศ. 1790 บังคับให้พระปฏิญาณว่าจะรับรองรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศ


(ในยุโรปศาสนาจักรเกี่ยวข้องกับการเมือง ของไทยก็เห็นชัดเจนว่าได้เกิดขึ้นแล้ว และจะเป็นสาเหตุสำคัญของการล่มสลายของศาสนาด้วยในที่สุด...Pegasus)

อ่านต่อ...ในคห. ถัดไป....


โดย: คนสาธารณะ วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:39:12 น.  

 
- ต่อจาก คห.ข้างบน....


พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงเป็นบุคคลที่ยึดมั่นในศาสนา จึงไม่สบายพระทัยที่ต้องยอมรับพระราชบัญญัติธรรมนูญสงฆ์ ทรงวางแผนเสด็จหนีในวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1791 ด้วยการปลอมตัวเป็นคนใช้และหนีห่างจากปารีสไป 100 ไมล์เกือบจะถึงออสเตรียในอีกไม่กี่ไมล์ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่จับได้เมื่อถึงเมืองวาแรน (Varennes) ก็ทรงถูกจับ และถูกส่งกลับกรุงปารีส เพราะไม่มีใครคอยช่วยอีกต่อไป และอำนาจของพระมหากษัตริย์ก็หมดไป โรแบสปิแอร์ได้เข้ามามีอำนาจแทน


(จะเห็นได้ว่าในการปฏิวัติทุกแห่งฝ่ายหัวรุนแรงจะได้รับการยอมรับ และมักจะนำมาซึ่งความพินาศเสมอ ของไทยก็เริ่มปรากฏร่องรอยแล้ว...Pegasus)


ฝรั่งเศสประกาศสงครามต่อออสเตรียซึ่งมีจักรพรรดิเป็นพระเชษฐาของสมเด็จพระราชินีมารี อังตัวเนต ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1792 ในเดือนต่อมาปรัสเซียจึงประกาศสงครามต่อฝรั่งเศส นับเป็นการเริ่มต้น สงครามการปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolutionary Wars, ค.ศ. 1792 – 1799)

ในวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1792 ออสเตรีย-ปรัสเซียได้ออกแถลงการณ์บรันสวิก (Brunswick Manifesto) เพื่อขู่ฝรั่งเศสว่า ถ้ากษัตริย์ฝรั่งเศสตกอยู่ในภาวะอันตราย พันธมิตรจะโจมตีกรุงปารีสทันที

10 สิงหาคม ค.ศ. 1792 ฝูงชนจำนวนหนึ่งด้วยการถูกกระตุ้นดังกล่าว และกองกำลังป้องกันชาติแห่งกรุงปารีสได้พากันไปที่พระราชวังตุยเลอรี เกิดการปะทะกับทหารรับจ้างชาวสวิส มีผู้เสียชีวิต 800 คน ทหารรับจ้างชาวสวิสประมาณ 1,000 คน และพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ต้องเสด็จไปหลบภัยในสภาสมัชชาแห่งชาติ

แต่ระบอบกษัตริย์ได้จบสิ้นแล้วโดยพระเจ้าหลุยส์ฯได้ถูกถอดออกจากฐานันดรกษัตริย์อย่างเป็นทางการ ทหารรักษาพระองค์ที่เหลืออยู่ได้ถูกประหารด้วย กีโยตีนทั้งหมด พระราชวงศ์ถูกนำไปกักบริเวณที่เรือนจำเทมเปิล (Temple)

สภากงวองซิงยง (Convention) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เปิดประชุมครั้งแรกวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1792 และในวันรุ่งขึ้นก็ประกาศล้มเลิกระบอบกษัตริย์ฝรั่งเศสจึงเข้าสู่สมัย สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 1 (First Republic of France) ชายฝรั่งเศสทุกคนที่อายุ 21 ปีขึ้นไปมีสิทธิออกเสียง

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1792 มีการพิจารณาไต่สวนความผิดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พวกซองกูลอตถือว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตจำนวนมากของชาวฝรั่งเศสที่พระราชวังตุยเลอรี พระเจ้าหลุยส์สที่ 16 จึงถูกประหารด้วยกิโยตีนเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 1793

(พวกจิโรแดงสายกลางไม่ต้องการให้ประหารชีวิตแพ้เสียงพวก จาโคแบงโดย โรแบส ปิแอร์ ฝ่ายหัวรุนแรง) และพระนางแมรี อังตัวเนทถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตีน 16 ตุลาคม 1793 ด้วยข้อหาเป็นชู้กับพระโอรสซึ่งไม่มีใครเชื่อว่าเป็นความจริง)

สมัยแห่งความหวาดกลัว

สภากงวองซิยง (มี 12 ผู้ปกครอง) อ้างว่า สภาวะบ้านเมืองกำลังมีศึกทั้งภายนอกและภายใน จำต้องมีรัฐบาลปฎิวัติบริหารบ้านเมืองอย่างเฉียบขาด ซึ่งทำให้สังคมฝรั่งเศสปั่นป่วน และหวาดระแวงกันเองจนกลายเป็นช่วงเวลาของการมีชีวิตใน สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว (Reign of Terror) ระหว่างมี.ค 1793 ถึงก.ค. 1794 มีประชาชนถูกประหารด้วย กีโยตีนนับพันคน

ช่วงเวลาแห่งความน่าสะพรึงกลัวสูงสุด (Great Terror) ของสมัยปฏิวัติฝรั่งเศสเกิดขึ้นเมื่อมีการออกกฎหมายเดือนมิ.ย. 1794 ระบุว่าศัตรูของประชาชนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาลปฏิวัติแห่งกรุงปารีส และถูกพิพากษาตามความพอใจของคณะลูกขุนมากกว่าหลักฐานอื่นใด จำเลยจะไม่ได้รับสิทธิของคำปรึกษา แก้คดีและคำตัดสินก็มีเพียงให้ปล่อยตัวหรือให้ประหารเท่านั้น(นักโทษ นักโทษการเมือง พระ ชนชั้นสูง)

ภายใน 9 สัปดาห์ที่ใช้กฎหมายนี้จำนวนพลเมืองที่ถูกศาลปฏิวัติตัดสินประหารมีจำนวน 1,600 คนสตรีถูกข่มขืนอย่างทารุณ การกระทำนี้ถูกประณามไปทั่วยุโรป

ความตายของมารา

ต่อมาเมื่อ ฝ่ายจิโรแดงซึ่งมีตัวแทนพื้นเพมาจากรากหญ้าชนบทเห็นว่าการปฏิวัติจะนำไปสู่ความรุนแรงมากเกินไป นายแพทย์นักหนังสือพิมพ์หัวรุนแรงคือ ฌัง ปอล มารา ได้โจมตีฝ่ายจิโรแดงอย่างรุนแรง เนื่องจากอิทธิพลในการใช้สื่อนำให้มีการประหารด้วยกีโยตีนมาไม่น้อยกว่าสองรัอยศพ แล้วยังต้องการให้มีการประหารต่อไปด้วยข้อหาภัยต่อการปฏิวัติ ชาลอตต์ กอเดย์ หญิงสาวชาวชนบทได้รับทราบข่าวว่า เป็นหนังสือพิมพ์ชี้นำให้ฆ่าคนไม่เลิก เธอได้มาที่ปารีสพร้อมรายชื่อที่อ้างว่าผู้ทรยศ มาราหลงเชื่อจึงถูก ชาลอตต์ฯ แทงเสียชีวิตในอ่างอาบน้ำ และกล่าวโทษว่าหนังสือพิมพ์นี้เป็นต้นเหตุของการฆ่าคนบริสุทธิ์

ในการพิจารณาคดี เธอไม่ยอมสำนึกผิด โดยอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่เธอกลับทำให้มารากลายเป็นนักบุญ และสันติภาพไม่เคยได้มาอีกเลย

ชนชั้นกษัตริย์ยังถูกประหารต่อไป แม้สมาชิกในสมัชชาฯก็ถูกประหารชีวิตคนแล้วคนเล่าและเกิดกบฏต่อต้านการปฏิวัติและการโจมตีจากประเทศในยุโรป คณะปฏิวัติยกเลิกสิทธิของประชาชน มีตำรวจลับทั่วไปโดยใช้กฎหมายพิเศษเมื่อ 17 กันยายน 1793 ทำให้มีการประหารชีวิต การปิดปากสื่อ มีการปรักปรำ และศพเกลื่อนกลาด แม้แต่คำพูดที่ดูเป็นการวิจารณ์ใดๆก็ตาม


(กฎหมายความมั่นคง และกฎหมายหมิ่นฯของไทยน่าจะคล้ายคลึงกัน...Pegasus)


ด้วยศาลคณะปฏิวัติ โดยคณะกรรมาธิการเพื่อความปลอดภัยของสาธารณชนจำนวน 12 คน (กงวองซิยง) ดังกล่าวมาแล้ว นำโดยโรแบสปิแอร์ ศาสนจักร รูปนักบุญถูกทำลายและแทนที่ด้วยรูปปั้นของมารา ปฏิทินยกเลิกปฏิทินของศาสนาคริสต์ และต่อต้านศาสนาคริสต์ มีการสังหารหมู่กบฏและพระนับร้อยคนด้วยวิธีการต่างๆ

นโปเลียน

ต่อมากองทัพฝรั่งเศสนำโดยนายทหารชื่อ นโปเลียน โบนาปาร์ต ขับไล่อังกฤษออกไปได้ ทำให้สงครามสงบลง 5 กุมภาพันธ์ 1794 โรเบสปิแอร์ได้กล่าวว่าความกลัวและความดีงามขาดกันและกันไม่ได้ ดังตอง เพื่อนของโรเบสปิแอร์ และคนสนิทผู้นำในการต่อสู้ป้องกันประเทศถูกจับกุมและถูกประหารเป็นพันคน

ดังตองก่อนตายกล่าวว่า เสียใจที่ไปก่อนโรเบสปิแอร์ หลังจากนั้น ในหน้าร้อนเมื่อ 11 มิถุนายน 1794 เริ่มการปราบปรามใหญ่มีการประหารเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณถึง เดือนละกว่า 800 ครั้งในปารีส

มิถุนายน 1794 ได้มีพิธีแห่งความดีเลิศด้วยการใช้เหตุผล ทำให้สมาชิกสมัชชาเริ่มคิดว่า โรเบสปิแอร์เสียสติ ในวันที่ 27 มิถุนายน โรเบสปีแอร์ ได้ปราศรัยถึงภัยคุกคามว่า มีรายชื่อศัตรูใหม่ของการปฏิวัติ โดยจะนำมาเปิดเผยในวันรุ่งขึ้น ดังนั้นด้วยความกลัวว่าตัวเองจะมีชื่อ วันรุ่งขึ้น โรเบสปิแอร์จึงถูกจับ ในที่สุดแมกซิมิเลียน โรแบสปิแอร์ (Maximillen Robespierre) ผู้นำการปฏิวัติคนสำคัญถูกสภาประกาศให้เป็นบุคคลนอกกฎหมาย

หลังจากพยายามฆ่าตัวตายจนบาดเจ็บสาหัส ต่อมาจึงถูกประหารด้วยเครื่องกิโยตินในวันที่ 28 ก.ค. 1794 ก็นับเป็นการสิ้นสุดสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว

หลังจากนั้นอีก 5 ปีอำนาจได้ตกมาสู่นโปเลียน โบนาปาร์ต การปฏิวัติจึงสิ้นสุดลง


(หวังว่าประเทศไทยคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกัน ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยจะระมัดระวังด้วยเสียงของมวลชนจำนวนมหาศาลไม่ยอมให้ฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายหัวรุนแรงหรือขวาปฏิกิริยาเผด็จการทำลายล้างกระบวนการประชาธิปไตยได้ ไทยก็จะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และน่าชื่นชม ไม่ต้องเสียเวลาทอดยาวออกไปอีก...Pegasus)



เนื้อหาต่อไปปรับปรุงจากบทความของปิยบุตร แสงกนกกุล เรื่อง Ultra-royalisteกับการฟื้นฟูและล่มสลายของกษัตริย์ฝรั่งเศส โดยนำมาเสนอเฉพาะเหตุการณ์สำคัญเพื่อให้เห็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายขวาจัดนิยมเจ้ากับฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องมีต่อมาอีกยาวนาน

คณะราษฎร์ ปฏิวัติ พ.ศ.2475

Ultra-royaliste หรือที่ท่านปรีดี พนมยงค์ แปลว่า “ผู้เกินกว่าราชา” คือ กลุ่มการเมืองที่มีแนวคิดนิยมเจ้าอย่างสุดโต่งในฝรั่งเศสมุ่งหมายจะรื้อฟื้นสถาบันกษัตริย์กลับมาใหม่ ต้องการให้กษัตริย์มีอำนาจมาก ทั้งในทางความเป็นจริงและในทางสัญลักษณ์ มุ่งให้อภิสิทธิ์แก่พวกขุนนางรายล้อมกษัตริย์ มองประชาชนเป็นเพียง “ข้าแผ่นดิน” (Sujet) มากกว่าเป็น “พลเมือง” (Citoyen) หลายกรณี พวก Ultra-royaliste เรียกร้องอำนาจและอภิสิทธิ์ให้กษัตริย์มากกว่าที่กษัตริย์ต้องการเสียอีก


(เสื้อเหลืองที่คุ้มคลั่งน่าจะจัดเป็นกลุ่มนี้ได้...Pegasus)


ภายหลังการล่มสลายของระบอบโบนาปาร์ต ฝรั่งเศสเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูกษัตริย์ หลุยส์ที่ ๑๘ ขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๑๘๑๕ ในยุคนี้ คือ อำนาจอธิปไตยเป็นของกษัตริย์ กษัตริย์มีอำนาจการบริหารประเทศอย่างแท้จริงโดยทรงแต่งตั้งรัฐมนตรีเอง มี ๒ สภา คือ สภาขุนนางมาจากการแต่งตั้งของกษัตริย์ดำรงตำแหน่งตลอดชีพและสืบทอดตำแหน่งทางสายเลือด ส่วนสภาล่างมาจากการเลือกตั้งที่กำหนดให้เฉพาะผู้เสียภาษีมากๆเท่านั้นจึงจะมีสิทธิเลือกตั้ง ประเมินกันว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนเพียง ๑ ใน ๒๐๐ ของประชาชนทั้งประเทศ


(สรุปคือชนชั้นนำ ชนชั้นสูงที่เป็นมิตรกับระบอบกษัตริย์ ของไทยก็คงเป็นกลุ่มข้าราชการเก่า หรือชนชั้นนำ ทุนผูกขาดต่างๆที่อิงแอบกับอำมาตย์ โดยสังเกตง่ายๆจากกลุ่มสนับสนุนเหลือง และต่อต้านการถวายฎีกา...Pegasus)


กลุ่ม Ultra-royaliste ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในยุค Restauration ผ่านทางสภานิติบัญญัติซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มการเมืองนิยมเจ้าทั้งสิ้น


(เปรียบเทียบเหมือนไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2490-94 ที่ได้มีการยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญในสาระสำคัญใหม่หมดมาจนปัจจุบัน...Pegasus)


กลุ่ม Ultra-royaliste ออกกฎหมายลิดรอนเสรีภาพทางการเมืองและปราบปรามขั้วตรงข้ามทางการเมืองของตน


(ใช่กฎหมายหมิ่นฯ กฎหมายขององค์กรอิสระหรือไม่...Pegasus)


โดยเฉพาะการออกมาตรการความน่าสะพรึงกลัวสีขาว หรือ “Terreur blanche” (สีขาวเป็นสีของกษัตริย์ฝรั่งเศส) เพื่อทำลายกลุ่มนิยมสาธารณรัฐ กลุ่มนิยมระบอบโบนาปาร์ต และกลุ่มนิยมนิกายโปรเตสแตนท์


(ของไทยก็คงเป็นความน่าสะพรึงกลัวสีเหลืองที่ทำผิดร้ายแรงได้โดยไม่ต้องกลัวกฎหมาย...Pegasus)


มาตรการ Terreur blanche นำมาซึ่งการลอบสังหารนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม


(คาร์บอมบ์...Pegasus)


การปิดสื่อ การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลและเรียกร้องให้กษัตริย์มีอำนาจมากขึ้นภายใต้การ “อำนวยการ” ของกลุ่ม Ultra-royaliste


(การเมืองใหม่ทั้งระบบใช่เลยอย่าลืมว่าผู้นำเป็นนักประวัติศาสตร์...Pegasus)


๑ ปีผ่านไป หลุยส์ที่ ๑๘ จำเป็นต้องยุบสภาเพื่อลดความขัดแย้งทางการเมือง ผลจากความล้มเหลวของมาตรการ Terreur blanche ทำให้กลุ่ม Ultra-royaliste เสียที่นั่งในสภาให้กับกลุ่ม Royaliste libérale


(เปรียบเทียบได้กับไทยรักไทยเดิมหรือไม่...Pegasus)


เมื่อกลุ่ม Royaliste libérale เข้ามาเป็นรัฐบาล ก็รีบยกเลิกมาตรการ Terreur blanche ทันที และเร่งรัดออกกฎหมายปฏิรูปหลายฉบับ ต่อมา ๑๓ กุมภาพันธ์ ๑๘๒๐ Duc de Berry หลานของหลุยส์ที่ ๑๘ ถูกลอบสังหารหน้าโรงละครโอเปร่า พวกนิยมเจ้าเชื่อว่าการลอบสังหารนี้เป็นผลต่อเนื่องมาจากนโยบายของกลุ่ม Royaliste libérale ที่เอียงไปทางเสรีนิยมมากเกินไป จนทำให้ผู้นิยมสาธารณรัฐมีโอกาสตีโต้กลับ

ผลพวงของการตายของ Duc de Berry ทำให้กลุ่ม Ultra-royaliste กลับมาเป็นเสียงข้างมากในสภาอีกครั้ง และจัดการยกเลิกนโยบายเสรีนิยมทั้งหมด หันกลับไปออกกฎหมายเซ็นเซอร์สิ่งพิมพ์และกฎหมายจำกัดเสรีภาพของประชาชน กลุ่ม Ultra-royaliste ยังต้องการขจัดเสียงของกลุ่ม Royaliste libérale จึงออกกฎหมายอนุญาตให้ผู้เสียภาษีมากมีสิทธิเลือกตั้ง ๒ รอบ


(ของไทยคงใช้องค์กรอิสระดูจะได้ผลกว่า...Pegasus)


รอบแรกเลือกสมาชิกสภา ๒๕๘ คน จากนั้นผู้เสียภาษีมากที่สุดจำนวน ๑ ใน ๔ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกอีก ๑๗๒ คนในรอบที่สองที่ทำเช่นนี้ก็เพราะว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มนี้สนับสนุนกลุ่ม Ultra-royaliste นั่นเอง


(เทียบได้กับ สว.ลากตั้งใช่หรือไม่...Pegasus)


๑๖ กันยายน ๑๘๒๔ หลุยส์ที่ ๑๘ เสียชีวิต กลุ่ม Ultra-royaliste ได้ผลักดันน้องชายของหลุยส์ที่ ๑๘ ขึ้นครองราชย์แทนในนามชาร์ลส์ที่ ๑๐ กลุ่ม Ultra-royaliste และชาร์ลส์ที่ ๑๐ ร่วมมือกันสร้างความชอบธรรมให้กับระบอบเก่าด้วยการรื้อฟื้นสัญลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์ก่อนปฏิวัติ ๑๗๘๙ กลับมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพิธีราชาภิเษก การก่อสร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๖ ซึ่งโดนคณะปฏิวัติประหารด้วยเครื่องกีโยติน การออกกฎหมายชดเชยค่าเสียหายให้แก่เจ้าและขุนนางที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ๑๗๘๙ ซึ่งคำนวณกันว่าต้องใช้งบประมาณถึง ๖๓๐ ล้านฟรังค์ ตลอดจนการออกกฎหมายกำหนดโทษแก่ผู้หลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะผู้ที่ขโมยหรือทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมีโทษถึงประหารชีวิต นอกจากนี้ยังเพิ่มความเข้มงวดการเซ็นเซอร์สื่อและการจำกัดเสรีภาพการพิมพ์อีกด้วย


(ยุคแห่งความกลัวฝ่ายกษัตริย์กลับมาอีกครั้ง...Peasus)



ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจบีบบังคับให้ชาร์ลส์ที่ ๑๐ ต้องยุบสภา (ปกครองด้วยวิธีการเผด็จการและขวาจัดมักจัดการบริหารไม่ได้เนื่องจากไม่สอดคล้องกับระบบอุตสาหกรรมสมัยนั้น) ผลการเลือกตั้งทำให้ได้สภาที่มีสมาชิกสายปฏิรูปมากขึ้น ชาร์ลส์ที่ ๑๐ จึงจำใจต้องตั้ง Martignac นักการเมืองนิยมเจ้าสายปฏิรูปเป็นหัวหน้ารัฐบาล การดำเนินนโยบายของรัฐบาลไม่เป็นที่สบอารมณ์ของชาร์ลส์ที่ ๑๐ และกลุ่ม Ultra-royaliste ที่เห็นว่ารัฐบาลโน้มเอียงไปทางเสรีนิยม

ในขณะที่กลุ่มเสรีนิยมก็มองว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายปฏิรูปแบบกระมิดกระเมี้ยน ในที่สุด Martignac จึงลาออกจากตำแหน่ง ชาร์ลส์ที่ ๑๐ ตัดสินใจตั้ง Prince de Polignac นักการเมืองกลุ่ม Ultra-royaliste ขึ้นเป็นหัวหน้ารัฐบาลแทน แต่ด้วยนโยบายแข็งกร้าว ทำให้อยู่ได้ไม่นานชาร์ลส์ที่ ๑๐ ก็ต้องยุบสภา

ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าฝ่ายค้านได้สมาชิกสภาเพิ่มเป็น ๒๗๐ ที่นั่งจากเดิม ๒๒๑ ที่นั่ง ในขณะที่รัฐบาลเก่าได้เสียงลดลงเหลือ ๑๔๕ ที่นั่งจากเดิม ๑๘๑ ที่นั่ง ชาร์ลส์ที่ ๑๐ จึงตัดสินใจออกประกาศ ๔ ฉบับทันที ได้แก่ ประกาศยุบสภา (ห่างจากยุบสภาครั้งก่อนครั้งก่อนเพียง๗๐ วันและหลังเลือกตั้งไม่ถึงเดือน) ประกาศยกเลิกเสรีภาพการพิมพ์ ประกาศจำกัดผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เฉพาะคนที่เสียภาษีเกิน ๓๐๐ ฟรังค์และประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนกันยายน

กล่าวกันว่าประกาศทั้ง ๔ ฉบับเสมือนเป็นการรัฐประหารโดยชาร์ลส์ที่ ๑๐ และกลุ่ม Ultra-royaliste ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนจำนวนมาก ในที่สุดนักหนังสือพิมพ์ กรรมกร ชนชั้นกฎุมพี จึงรวมตัวกันล้มล้างการปกครองของชาร์ลส์ที่ ๑๐ โดยใช้เวลาเพียง ๓ วัน ตั้งแต่ ๒๗ – ๒๙ กรกฎาคม ๑๘๓๐

เมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๑๐ ถูกเนรเทศ กลุ่มการเมืองนิยมเจ้าสายปฏิรูปยืนยันให้มีกษัตริย์ต่อไป แต่ต้องการกษัตริย์ประนีประนอม ไม่เอนเอียงไปกับกลุ่ม Ultra-royaliste เพื่อปูทางปฏิรูปประชาธิปไตย จึงตัดสินใจเอาเจ้าสายราชวงศ์ออร์เลอองอย่างหลุยส์ ฟิลิปป์ขึ้นเป็นกษัตริย์พร้อมกับออก Charte ลงวันที่ ๑๘๓๐ ใช้เป็นธรรมนูญการปกครองแทน โดยลดอำนาจของกษัตริย์ไม่ให้มีอำนาจในการเสนอกฎหมาย และให้อำนาจอธิปไตยเป็นของชาติ

เราเรียกยุคนี้ว่า “ Monarchie de Juillet” เพราะเหตุการณ์ที่ประชาชนร่วมกันขับไล่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๑๐ เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม (Juillet) นั่นเอง


(เป็นการตัดสินใจนำอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากพลาดท่าเพราะมีการปฏิวัติที่หวาดกลัวสมัย แมกซิมิลเลียน โรแบสปิแอร์...Pegasus)


รัฐบาลเริ่มนโยบายก้าวหน้าขึ้น ตั้งแต่การยกเลิกระบบสืบทอดตำแหน่งสภาขุนนางทางสายเลือด


(ของไทยเปรียบเทียบเป็นระบบลากตั้ง หรือข้าราชการ หรือกลุ่มอนุรักษ์ กลุ่มจารีต ทุนผูกขาด...Pegasus)


การขยายสิทธิเลือกตั้งและสมัครรับเลือกตั้งออกไป (ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องเป็นผู้ชายอายุ ๒๕ ปีขึ้นไปและเสียภาษีเกิน ๒๐๐ ฟรังค์ จากเดิมที่ให้เฉพาะผู้ชายอายุ ๓๐ ปีขึ้นไปและเสียภาษีเกิน ๓๐๐ ฟรังค์ ส่วนผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งก็เปลี่ยนเป็นผู้ชายอายุ ๓๐ ปีขึ้นไปและเสียภาษีเกิน ๕๐๐ ฟรังค์ จากเดิมต้องเป็นผู้ชายอายุ ๔๐ ปีขึ้นไปและเสียภาษีเกิน ๑๐๐๐ ฟรังค์)

การยกเลิกการปิดกั้นเสรีภาพในการพิมพ์ ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกไม่เป็นศาสนาประจำชาติอีกต่อไป ตลอดจนการนำธงไตรรงค์ “น้ำเงิน ขาว แดง” จากเดิมที่มีแต่สีขาว มาใช้เป็นธงประจำชาติแม้หลุยส์ ฟิลิปป์จะได้การยอมรับจากประชาชนมากถึงขนาดที่ชาวฝรั่งเศสขนานนามว่าเป็น “กษัตริย์ของพลเมือง” แต่การดำเนินนโยบายของรัฐบาล Guizot ก็ยังโน้มเอียงไปทางอนุรักษ์นิยมอยู่มาก

ประกอบกับวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงปี ๑๘๔๖ ถึง ๑๘๔๘ และอุดมการณ์ประชาธิปไตยตลบอบอวล ยิ่งกระตุ้นให้กลุ่มนิยมสาธารณรัฐเริ่มรวมตัวจัดตั้งองค์กรปฏิวัติกษัตริย์ ด้วยการจัดงานเลี้ยงตามหัวเมืองใหญ่ๆเพื่อรณรงค์ทางการเมือง เช่น การเรียกร้องให้ขยายสิทธิเลือกตั้งออกไปให้ทั่วถึงไม่ใช่จำกัดเฉพาะผู้เสียภาษีมาก

การชุมนุมทางการเมืองเริ่มขยายตัวกว้างขวางขึ้น รัฐบาล Guizot ไม่สนองตอบต่อข้อเรียกร้อง ตรงกันข้ามกลับปราบปรามการชุมนุม ยิ่งทำให้คะแนนนิยมตกต่ำลง

กว่าหลุยส์ ฟิลิปป์จะตัดสินใจเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลและสัญญาว่าจะดำเนินการปฏิรูปให้เข้มขึ้นก็สายเกินไปเสียแล้ว ในที่สุด กลุ่มนิยมสาธารณรัฐได้โอกาสเข้ายึดอำนาจจากหลุยส์ ฟิลิปป์ และประกาศให้ฝรั่งเศสเป็นสาธารณรัฐเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๑๘๔๘

ฝรั่งเศสเข้าสู่สาธารณรัฐที่ ๒ ได้ไม่นาน หลุยส์ นโปเลียน หลานของนโปเลียน โบนาปาร์ตขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และจัดการรวบอำนาจไว้กับตนเอง เปลี่ยนกลับไปปกครองแบบจักรวรรดิเหมือนโปเลียน


(สมัยปัจจุบัน ระบอบนโปเลียนฯ อาจถือได้ว่าเป็นรูปแบบของเผด็จการทหารได้...Pegasus)


พร้อมกับตั้งตนเป็นจักรพรรดิตลอดชีพในนาม นโปเลียนที่ ๓ จักรวรรดินี้ดำรงอยู่ได้ ๑๘ ปี จนกระทั่งเกิดสงครามกับปรัสเซีย นโปเลียนที่ ๓ และจักรววรดิที่ ๒ ก็ล่มสลายไป

หลังนโปเลียนที่ ๓ พ่ายแพ้สงครามกับปรัสเซีย ฝรั่งเศสเปลี่ยนมาปกครองแบบสาธารณรัฐ ฝ่ายนิยมเจ้าเรียกร้องให้เพิ่มคำว่า “ชั่วคราว” ต่อท้ายคำว่า “สาธารณรัฐ” ในขณะที่ฝ่ายนิยมสาธารณรัฐก็เกรงว่าหากให้พวก Ultra-royaliste ปกครองประเทศก็หนีไม่พ้นการจำกัดเสรีภาพของประชาชนและเข้าข้างอภิสิทธิ์ชนดังที่เคยเป็นมา

การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มนิยมเจ้ากับกลุ่มนิยมสาธารณรัฐดำเนินไปอย่างเข้มข้น


(การต่อสู้ของไทยระหว่างกลุ่มนิยมเจ้า กับกลุ่มประชาธิปไตยก็เทียบเคียงได้โดยเปรียบเทียบได้ตั้งแต่ การยึดอำนาจครั้งแรกของฝ่ายนิยมเจ้าด้วยพรรคการเมืองและทหารในปี พ.ศ. 2490 และการยึดอำนาจทุกครั้งอำนาจของฝ่ายนิยมเจ้าจะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ...Pegasus)


อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะเลือกปกครองในระบอบใดระหว่างสาธารณรัฐหรือประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ


(ประเทศไทยอยู่ที่ว่าจะเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบแอบแฝงเผด็จการหรือประชาธิปไตยเต็มใบ...Pegasus)


จนกระทั่งเกิดกรณี “ธงขาว” ซึ่งเริ่มจาก Comte de Chambord ออกมาเรียกร้องให้ฝรั่งเศสนำธงสีขาวที่มีดอกไม้สัญลักษณ์ประจำราชวงศ์บูร์บ็อง (Fleur de lys) กลับมาใช้เป็นธงชาติแทนที่ธงไตรรงค์ ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ปลุกให้กลุ่ม Ultra-royaliste กลับมาร่วมมือกันรื้อฟื้นสถาบันกษัตริย์อีกครั้ง


(ยังไม่มีการเรียกร้องให้ใช้ธงเหลืองแทนธงไตรรงค์ในไทย นับว่าปราณีอยู่มาก อย่างไรก็ตามกรณีธงขาว อาจเทียบได้กับกรณี สงกรานต์เลือดที่ฝ่ายใช้เสื้อเหลือง เสื้อฟ้า สร้างสถานการณ์และทำร้ายประชาชนโดยมีทหารคอยป้องกันไม่ให้หนีก็น่าคิดเช่นกัน...Pegasus)


ความจริงแล้ว แนวโน้มที่ฝรั่งเศสจะปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุขก็ยังพอมีอยู่บ้าง ประชาชนบางส่วนยังคงถวิลหาให้กษัตริย์เป็นประมุขเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของประเทศและแสดงถึงความเป็น มาทางประวัติศาสตร์ ประธานาธิบดีแม็คมานเองก็มีแนวโน้มจะช่วยฟื้นฟูให้กษัตริย์กลับมาเป็นประมุขของรัฐอีกครั้ง แต่ด้วยความแข็งกร้าวของ Ultra-royaliste โดยเฉพาะกรณี “ธงขาว” ซึ่งแสดงให้ เห็นว่าแม้เพียงเรื่องเท่านี้ พวก Ultra-royaliste ยังไม่ยอมประนีประนอม


(ของไทยเปรียบเทียบได้กับการค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นอย่างหัวชนฝา...Pegasus)


หากปล่อยให้ Ultra-royaliste ครองอำนาจเห็นทีคงหนีไม่พ้นการปกครองแบบระบอบเก่าเป็นแน่ ดังนั้น Henri Wallon นักการเมืองนิยมสาธารณรัฐจึงชิงตัดหน้าด้วยการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกำหนดว่า “ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐมาจากการเลือกโดยเสียงข้างมากเด็ดขาด


(เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกไม่ใช่องค์ประชุม...Pegasus)


ของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร มีวาระ ๗ ปี และสามารถถูกเลือกได้อีกครั้ง”

ผลการลงมติเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๑๘๗๕ ปรากฏว่า ฝ่ายที่เห็นควรให้ฝรั่งเศสเป็นสาธารณรัฐเฉือนชนะไปอย่างหวุดหวิดด้วยคะแนนเสียง๓๕๓ ต่อ ๓๕๒ จากนั้นความนิยมในสถาบันกษัตริย์ก็ลดน้อยถอยลงตามลำดับ จนกลุ่มนิยมกษัตริย์ไม่มีโอกาสกลับมามีบทบาททางการ เมืองอีกต่อไป


(ถือว่าเป็นโชคดีของชาวฝรั่งเศส จะเห็นได้ว่าการเฉลิมฉลองวันปฏิวัติของฝรั่งเศสนั้น ชาวฝรั่งเศสจะแสดงออกถึงการรังเกียจกลุ่มหัวรุนแรงนิยมเจ้าอย่างรุนแรงเพราะประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสขมขื่นอย่างมาก...Pegasus)


เป็นอันว่าฝรั่งเศสเป็นสาธารณรัฐโดยเด็ดขาด และกลุ่ม Ultra-royaliste ก็ปลาสนาการไปจากเวทีการเมืองพร้อมๆกับสถาบันกษัตริย์


(ประเทศไทยคงจะหวังให้ได้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หวังว่าเหตุการณ์เสื้อเหลืองจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนประเทศฝรั่งเศสในที่สุด สำหรับผู้ที่กล่าวถึงระบอบประธานาธิบดีบ่อยๆในทำนองใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายประชาธิปไตย ควรระวังว่าจะทำให้สาธารณชนสนใจศึกษาระบอบนี้มากขึ้น และจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปเป็นระบอบที่พูดถึงได้ในที่สุด การไม่พูดถึงเลยและพยายามรักษาสถาบันด้วยการกล่าวถึงแต่เพียงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ์ทรงเป็นประมุขจะเหมาะสมกว่า...Pegasus)


การปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 ได้ปลุกกระแสการสร้างสำนึกทางสังคมและการเมืองให้แก่ชาวยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 19 การปฏิวัติฝรั่งเศสมีอิทธิพลอย่างมากต่อการปฏิวัติในหลายประเทศ การปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นการทำลายความอยุติธรรม และทดแทนด้วยความยุติธรรมที่ทุกคนคิดว่าดีกว่าและยังมีการแสวงหามาจนปัจจุบัน การทดลองระบอบประชาธิปไตยของฝรั่งเศสได้ก่อให้เกิดระบอบประชาธิปไตยไปทั่วโลกเพื่อเรียกร้องหา เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพด้วยการปฏิวัติ

สรุปแล้วการปฏิวัติฝรั่งเศสตั้งแต่ ๑๗๘๙-๑๘๗๕ ใช้เวลาทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ในการยกเลิกระบอบกษัตริย์โดยสิ้นเชิงใช้เวลาทั้งหมด ๘๖ ปี และการล่มสลายของระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศส เกิดจากกลุ่มนิยมสถาบันกษัตริย์อย่างบ้าคลั่งที่แอบอิง และอาศัยประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง ไม่ใช่จากประชาชนหรือใครอื่นใดเลย

ที่สำคัญคือเหตุการณ์ต่างๆช่างคล้ายคลึงกับประเทศไทยในปัจจุบันจนเกือบเชื่อว่าทุกอย่างจะลงเอยเช่นเดียวกัน สิ่งนี้ไม่เป็นที่พึงปรารถนาแต่ประการใด

แหล่งที่มาจาก..
//thaienews.blogspot.com/2010/07/221.html

+++ จงศึกษาแก่น...อย่ามองแค่กระพี้ +++


โดย: คนสาธารณะ วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:43:56 น.  

 
..

ขอบคุณครับสำหรับข้อความดีๆ เรื่องราวฝรั่งเศษชอบศึกษามากเลย

เป็นกำลังใจให้เจ้าของบล็อคครับ....


โดย: แดงอุบล (eszaa511 ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:13:04 น.  

 
วุ๊ย....คิดถึงๆๆๆๆๆ..คนบ้านนี้จังเล้-ย-ย-ย-ย-ย


โดย: กูลิโกะป๊อกกี้ (Opey ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:55:18 น.  

 
เข้ามาให้กำลังใจ จขกท.

เสื้อแดง สู้ สู้....


โดย: คนอุบล IP: 112.142.172.179 วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:49:43 น.  

 
น หิ ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ อวชิยฺยติ
ความชนะที่ไม่กลับแพ้เป็นดี

มีความสุขกับการชนะใจตน เพื่อการดำเนินชีวิตที่ดี ตลอดไป...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:07:34 น.  

 
๐๗๓๐

๏ ฝน..โปรย โพรยป่นเช้า.....โชยมา
ตก......ห่ม ตมหกทา............ถั่งใกล้
รถ......เยอะ เลอะหยดหรา....เลือนเก่า
ติด.....พัก ตักพิษไว้.............หว่านคลุ้งควันโขมง ฯ

๐๗๔๐
๑๖๐๗๕๓



โดย: คนสาธารณะ วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:38:40 น.  

 
ละความโกรธได้ ชีวิตมีแต่สุข

สุขกาย เย็นใจ ด้วยความสามารถในการควบคุมโทสะได้ ตลอดไป...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:20:33 น.  

 
ปฏิวัติผรั่งเศษ..แพร่เชื้อ..ขยายไปทั่วโลกในสมัยนั้น..ว่าแต่มันนานมาน้า แอ๊ ทำไมไทยเราเพิ่งได้กลิ่น หรือไทยเราอยากย้อนยุค

---------------------------------------

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร...อยากให้เป็นอย่างงั้น..

เชื่อเหอะ..ว่าการปรองดองสูญเปล่า..ต่างผ่ายต่างก็ตึง

แต่ก็ไม่เกินร้อยปี..มาร์ค..และคนที่อยู่เบื้องหลังสั่งซ่าประชาชน..ทุกคนล้วนตายหมด ฮ่าๆ..

ใครที่มาเกิดใหม่..หากระลึกชาติได้..ช่วยเขียน..ความจริงแทนคนยุดนี้หน่อยคะ..


โดย: กูลิโกะป๊อกกี้ (Opey ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:48:18 น.  

 


โดย: Opey วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:10:45 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: ดอกไม้ ได้หมอก วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:43:36 น.  

 



ชะแว๊ฟมารายงานตัวจ้า

หวังว่าคุณคนสาธารณะ ยังไม่ลืมกันนะจ๊ะ

นุ่นกลับมาแล้วจ้า

พร้อมกับเอาพุดดิ้งคัสตาร์ดคาราแมวมาฝากด้วยจ้า


หม่ำๆพุดดิ้งให้ใจเย็นๆก่อนน๊า

B y ~ ป a า n o ง





โดย: ปลาทองป๊องป่อง วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:00:45 น.  

 
มันยิงยับจริงๆ อำมหิตเลือดเย็น
จะรอดูผลกรรมของมัน


โดย: ปราย IP: 118.172.181.146 วันที่: 18 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:45:36 น.  

 
ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลเรื่องการปฏิวัติของประเทศฝรั่งเศส และกลอนที่โดนใจมากๆ...แต่งอีกค่ะแต่งเยอะๆ แต่งจนทะลุตาผู้นำประเทศนี้ได้รับรู้ทั้งที่แกล้งไม่รู้มาตลอด...มีความสุขมากๆ ค่ะ


โดย: deeplove วันที่: 18 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:49:15 น.  

 
แค่เห็นสำนวน จั่วหัวในห้อง
มิพักต้องมองคนลุกขึ้นอภิปราย
อย่าเลย อย่าล่าช้ารีบมาพลัน


โดย: kopo IP: 124.157.254.57 วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:13:54 น.  

 
kopo IP: 124.157.254.57

สวัสดีขอรับท่านสหาย kopo

ฟ้าไกลหลายหมื่นลี้
แต่เรานี้หาอยู่ไกล
เลือดเนื้อและเชื้อไข
เราคือไทยหัวใจแดง

คารวะสวัสดิ์ครับท่านดีใจที่แวะมาทักกันขอรับ


โดย: คนสาธารณะ วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:20:22 น.  

 
ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้เข้ามาเม้นบล๊อก
ด้วยขอรับว่า ขจบ.อาจมิได้ตามไปตอบเม้นต์ที่
บล๊อกของท่านได้จึงขอตอบในนี้นะขอรับ
*******************************

แดงอุบล (eszaa511 )

สวัสดีขอรับ..ขอบคุณ
สำหรับกำลังใจ..เมล้ดพันธุ์ใหม่กำลังจะงอกงามขอรับ
**********************************

กูลิโกะป๊อกกี้ (Opey )

สวัสดีขอรับ พี่น้องโอพี พูดถูกต้องที่สุดแล้วขอรับ
เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
ใครทำกรรมอะไรไว้ก็จะได้รับผลกรรมเยี่ยงนั้นขอรับ
**********************************

คนอุบล IP: 112.142.172.179

สวัสดีเด้อครับ
พี่น้องซาวอุบลบ้านเฮาจั่งได๋กะสู้อยู่แล้วครับ
ขอบคุณสำหรับแฮงใจที่ส่งมาไห่เด้อครับเด้อ อิอิ..
**********************************

พรหมญาณี

ธรรมะสว่างใจขอรับพี่น้องปอปร้า
ยังมีข้อปุจฉาอยู่เด๋วไว้ว่างๆจะปุจฉาหางาน
ให้พี่น้องปอปร้านหาคำตอบให้หายง่วงแน่นอนขอรับ
*********************************

ดอกไม้ ได้หมอก

สบายดีขอรับพี่น้องดอกไม้ได้หมอก
หายไปนานเลยเน๊อะงานคงยุ่ง ..ไงก็
พกหวีไว้แก้เคล็ดหน่อยแล้วกันขอรับ อิอิ
***************************
ปลาทองป๊องป่อง

สวัสดีขอรับ
ขอบคุณที่แวะมา
คุณนุ่นสบายดีนะขอรับ
***************

ปราย IP: 118.172.181.146

สวัสดีคุณปราย
ไม่ล๊อกอินมาจำไม่ได้เลยขอรับ อิอิ
มันยิงยับแบบนี้..(ต่อไปต้องพกเตารีดดีป่าวอ่ะ อิอิ)
*********************************

deeplove

สวัสดีดีครับคุณภัทร
ขอบคุณครับสำหรับการโดนใจมากๆ
และกำลังใจที่ให้แต่งกลอนเยอะๆ
ถ้าแต่งเยอะก็ไม่ได้แต่งโคลงผวนอะดิขอรับ
สบายดีน๊าขอรับ.....................................
*****************************


โดย: คนสาธารณะ วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:46:24 น.  

 
สพฺเพ ว นิกฺขิปิสฺสนฺติ ภูตา โลเก สมุสฺสยํ น มิยฺยามานํ ธมฺมนฺเวติ กิญฺจิ
สัตว์ทั้งปวง จักทอดทิ้งร่างไว้ในโลก ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้

มีความสุขกับความพอเพียง ตลอดไป...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:43:28 น.  

 
ชอบกลอนมากครับ ขอบคุณครับ


โดย: รักแดง IP: 119.46.101.34 วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:38:18 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: ดอกไม้ ได้หมอก วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:07:35 น.  

 


ถึงคนหนึ่ง...ที่นึกถึง...ในคืนเหงา
มีแต่เรา...เพ้อใจ...อยู่ไหนหนอ
น้ำตาเอ่อ...ล้นทรวง...ไร้แรงรอ
มาหลอกล่อ...ให้หลง...แล้วลาเลย




แวะมาทักทายค่ะ สบายดีไหมค่ะ


โดย: แม่ค้าหน้าหวาน IP: 58.8.63.159 วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:37:04 น.  

 
ผมชอบกลอนคุณมากครับ เป็นกำลังใจให้ส่งผลงานดีๆ มาให้ดูเพิ่มอีกนะครับ

ตอนนี้รู้สึกถูกอำนาจกดหัวแต่ทำอะไรไม่ได้เลย TT


โดย: oneshot วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:56:12 น.  

 

ป a า n o ง


แวะเอาข้าวซอยมาส่งให้คุณคนสาธารณะค่า



โดย: ปลาทองป๊องป่อง วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:19:09 น.  

 
ขอชื่นชม
ความเยี่ยมยอดในอรรถรสของบทกวีค่ะ


โดย: สุด ที่ รัก เอ๋ย IP: 192.168.2.239, 118.175.32.55 วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:25:31 น.  

 
สนับ ท่าน พรหมญานี


โดย: แจง IP: 150.35.244.246 วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:23:30 น.  

 
สวัสดีค่ะ

วันนี้ปอป้าพาเหล่ากินรีมาอวยพร...

ขอให้เพื่อนบล็อกทุกท่านมีความสุข ในทุกวันดี ๆ ตลอดไป...นะคะ



คห ที่ ๓๕ แปลว่า อิ๊หยัง...



โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:40:43 น.  

 

ชวนมาฟังเพลงกันจ๊ะ แบบมิตรภาพ

//www.coolbreezemusic.nanacity.com/


โดย: เก๋จ๊ะ (nudsy429 ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:50:51 น.  

 
หวัดดีค่ะพี่รอง วันนี้แวะมาเยี่ยมค่ะ


เขาบอกว่า เป็นคนไทย ต้องทนอย่างเดียวค่ะ

ทนไปเรื่อยๆ ทนได้ ก็ทน ทนไม่ได้ ก็ต้องทนค่ะ




โดย: สุนันยา วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:18:13 น.  

 
ก็ยังดีกว่า ยุคทักษิณเยอะ



โดย: แม้วววววว IP: 125.27.164.82 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:31:21 น.  

 
พรหมญาณี *28/36*

พี่น้องปอป้าขอรับสวัสดีขอรับ
ขอบคุณที่เยี่ยมเยือนกันทุกวันขอรับ
รักษาสุขภาพด้วยน๊าขอรับพี่น้องปอป้าครับ
****************************

รักแดง

สวัสดีขอรับ
ขอบคุณที่ชอบครับ
*************

ดอกไม้ได้หมอก

สวัสดีจ้า
เป็นไงบ้างสบายดีไหม?
****************

แม่ค้าหน้าหวาน

สวัสดีขอรับ
ขอบคุณที่นำกลอนมาวางขอรับ
*********************

oneshot

สวัสดีขอรับ..ขอบคุณครับ
เรื่องงานกลอนคงเป็นบางจังหวะและอาการขอรับ
ส่วนเรื่องการเมืองก็อย่างที่รู้ๆเห็นกันนั่นแหละขอรับ
*********************************

ปลาทองป๊องป่อง

สวัสดีขอรับ
ขอบคุณสำหรับอาหารจานด่วนทางไซเบอร์ขอรับ อิอิ
*********************************

สุดที่รักเอ๋ย

สวัสดีขอรับ
ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมในอรรถรสที่พึงมีขอรับ
******************************

แจง

สวัสดีขอรับ
สนับ..?ไม่มีหนุนรึขอรับ
พี่น้องปอปร้าของเราน่ารักอยู่แล้วขอรับ อิอิ
****************************

เก๋จ๊ะ (nudsy429 )

สวัสดีจ้าคนบ้านขนมปัง
ขอบคุณสำหรับลิ้งค์
*****************

สุนันยา(น้องผีฯ)

หวัดดีจ้าน้องผีฯอย่าบ่นนักเลยขอรับ
บ่นมากๆระวังจะท้องอืดเอานาขอรับพี่น้อง อิอิ
******************************

แม้วววววว

สวัสดีขอรับท่าน
ต่างมุมมองครับไม่ว่ากันขอรับ
********************



โดย: คนสาธารณะ วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:31:32 น.  

 
ผู้ใดดำรงพรหมวิหารสี่ไว้ได้ ผู้นั้นย่อมพบแต่ความสุขกาย

ขอให้มีความสุขด้วยพรหมวิหารสี่ประจำใจ ตลอดไป...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:28:45 น.  

 
เมตตา.....
กรุณา.....
มุทิตา.....
อุเบกขา.....
จะช่วยให้เรามีความสุขนะคะ สู้ๆค่ะ


โดย: ณรินทร์รัตน์ชนา วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:21:00 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณคราซน ไม่ได้มาวิวาทะกับคุณคราซนคนขยันเสียนานเลย ยังระลึกถึงอยู่เสมอ ฮี่ๆๆๆ
อ่านกลอนแล้วทำให้จิตใจหม่นหมองหนักลงไปกว่าเดิม จากที่เดิมก็ถูกกดไว้ซึ่งความคิด ความอิสระเสรีทางการเมืองทั้งหมดทั้งมวล
ตอนนี้มองไปทางไหนก็กลัวโดนลูกหลงจากการไล่ล่าแม่มด...ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฟ้าจะสดใส เมฆหมอกดำมืดจะหมดไปจากท้องฟ้าที่เรานั่งมองอยู่ทุกวันนี้เสียที

คุณคราซนแต่งกลอนออกมาได้ถึงแก่นจริงๆ อ่านแล้วก็ยิ่งสะอึกไปกับความจริงที่คนต้องถูกยิงตายไปฟรีๆ โดยไม่มีการทบทวนอะไรทั้งนั้น
สะท้อนใจกับการหวาดผวาของคนที่จะถูกตามไล่ล่ามาลงโทษ...ผลพวงหลังจากการชุมนุมถูกสลายไปแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะทำได้หมด...โดยไม่มีใครทัดทาน ทักท้วงเลย มันช่างถูกต้องดีงาม ดูดี แบบว่า..."ได้ครับพี่ ดีครับผ้ม เหมาะสมครับทั่น"

อ้าง"แม้ว" อ้าง...."ของสูง" เข้าไว้ ทำอะไรก็จะดูดีไปเอง
เค้าว่ากันอย่างนั้นน่ะค่ะ ....เห้อ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:33:29 น.  

 
เห็นด้วยคุณ ณ ปลายฉัตรค่ะ ...งั้นแต่งกลอนน้อยๆ จะได้แต่งโคลงได้ด้วยค่ะ...555555....แต่มีข้อแม้ว่าต้องแต่งแบบบล๊อกนี้ค่ะ...ฝันดีนะคะ


โดย: deeplove วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:39:58 น.  

 
สวัสดีครับ พี่คนสาฯ

ใกล้เข้าพรรษาแระ

ขออนุญาตมาเรียนเชิญ ไปนั่งฟังเทศน์ที่บล็อกครับผม




โดย: หมึกสีดำ วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:26:41 น.  

 
ยงฺกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา

มีความสุขกับชีวิต ด้วยการมองทุกสิ่งให้เป็นธรรมดา ตลอดไป...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:19:45 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

รู้จัก " เห็บเกาะขา" ไหมค่ะ?

รู้ไหมค่ะว่าจะทำให้คนเรามีสุขภาพดีดี

แวะไปดูคำตอบได้ที่บล็อคของอ้อมแอ้มนะค่ะ..ฮิๆ



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:54:19 น.  

 
สวัสดีวันพระใหญ่ขอรับท่าน
บทกาลก่อน ของท่านหายไปไหน
ทุกบทเสพ อรรถรส ได้ถึงใจ
เหมือนอยู่ใน เหตุการณ์จริง เลยขอรับ


โดย: kopo วันที่: 26 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:17:51 น.  

 
There is obviously a bunch to know about this. I suppose you made some nice points in features also.
Cheap Snapback Hats //www.mini-systemsinc.com/y_to_k.asp


โดย: Cheap Snapback Hats IP: 94.23.252.21 วันที่: 3 สิงหาคม 2557 เวลา:20:06:30 น.  

 
The nursing profession, like that of a teacher, is an often underappreciated profession. Marion might have an ongoing financial with MetLife that might compromise his evaluation of the medical record.
cheap michael kors bags outlet sale in uk //www.honestideas.co.uk/


โดย: cheap michael kors bags outlet sale in uk IP: 157.7.205.214 วันที่: 21 ธันวาคม 2557 เวลา:22:11:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนสาธารณะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ศิรพัชร บรรลังก์

Friends' blogs
[Add คนสาธารณะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.