Bloggang.com : malaguena :

หนังสือน่าอ่าน :: ฺBrinking Home the Birkin

หนังสือ :: ฺBringing Home the Birkin
ผู้เขียน:: Michaell Tonello
จำนวน :: 257 หน้า
สำนักพิมพ์ :: HarperCollins Publisher
พิมพ์ครั้งแรก :: March 2008

คำโปรย

A fun, frothy memoir about travel, fashion, family, true love, unlikely friendships and entrepreneurial spirit,

Told form the vantage point of a stylish and savvy outsider who successfully vaulted Hermès' gilt-edged fence,

Bringing Home the Birkin is definitely the "It-book" about the "It -bag"

อันที่จริงหนังสือเล่มนี้ออกมาไ้ด้หลายปีแล้วครับ แต่เพิ่งมีโอกาสได้อ่านเมื่อไม่นานนี้ เลยอยากเอามาแบ่งปัน

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก Hermès กันสักเล็กน้อยครับ

Hermès เป็นแบรนด์สินค้าชั้นสูงจากฝรั่งเศส เริ่มก่อตั้งในปี 1837 โดย Thierry Hermès ซึ่งเดิมทีเน้นผลิตอุปกรณ์เครื่องหนังที่เกี่ยวกับกีฬาขี่ม้าเป็นหลัก โดยสินค้าของ Hermès นั้นขึ้นชื่อในเรื่องการเลือกใช้หนังชั้นดีและคุณภาพการตัดเย็บยอดเยี่ยม จนได้รับความนิยมเป็นอย่างมากของบรรดาราชวงศ์และกลุ่มคนชั้นสูงในยุโรป และต่อมาก็ได้ขยายการผลิตสินค้าไปยังกลุ่มกระเป๋าหนัง และสินค้าแฟชั่นอื่นๆ อีกด้วยครับ

สำหรับสินค้ายอดนิยมตลอดการซึ่งรู้จักกันดีก็คือ Sac à dépêches ซึ่งถูกออกแบบขึ้นในปี 1935 และในภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น "Kelly" เพื่อเป็นเกียรติแด่ Grace Kelly ครับ

Grace Kelly กับ Kate Moss with the "Kelly"

สำหรับ Birkin ซึ่งเป้นที่มาของหนังสือเล่มนี้นั้นถูกออกแบบโดยแฟชั่นไอคอนยุค '60s-'70s Jane Birkin ร่วมกับทาง Hermès ตั้งแต่ปี 1984 และได้รับความนิยมจนมาถึงทุกวันนี้ โดยนับเป็นกระเป๋าที่หลายคนใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของแม้จะต้องแลกด้วยเงินในหลักแสน รวมทั้งเวลาที่ต้องสั่งจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 ปีเลยทีเดียวครับ

Jane Birkin กับ Victoria Beckham with the "Birkin"

ทุกวันนี้เราสามารถหาทุกอย่างได้ใน shop ของ Hermès ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหนัง เสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์ขี่ม้า อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร
หรือแม้กระทั่งกล้องถ่ายรูปบุหนังสีส้มจัด ซึ่งแน่นอนว่าราคาต้องสูงมาก

สำหรับตัวนัทเองเคยมีโอกาสสัมผัสกับสินค้า Hermès เพียงชนิดเดียว นั่นคือน้ำหอมตัวนี้ครับ

Eau des Merveilles

Top Notes:: Vetiver, Oak and Cedar
Middle Notes :: Ambergris
Base Notes :: Lemon, Orange, Elemi and Pink Pepper

สำหรับมือใหม่ด้านน้ำหอมอย่างนัทนั้น จับได้แค่กลิ่น woodsy กับกลิ่นส้มแห้งๆ โดยรวมแล้วกลิ่นหอมและใช้ง่าย แต่ไม่ติดทนบนผิวนัทเท่าไหร่ครับ

Nat's Review

เนื้อเรื่องเริ่มจาก Michael Tonello ซึ่งเดิมนั้นเป็น makeup artist-stylist ชาวอเมริกัน

Tonello ได้รับคำชวนให้ย้ายไปทำงานที Barcelona ด้วยความหวังที่จะได้ใช้ชีวิตที่เมืองในฝัน เขาจึงตัดสินใจลาจากครอบครัวและเพื่อน ข้ามมหาสมุทร Atlantic ไปยังสเปน แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าถูกหลอกครับ แถมเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตก็แทบจะหมดไปกับการแต่ง mansion สุดหรูใหม่ที่ Barcelona ทำให้เขาจำต้องตัดสินใจนำของมีค่าที่ติดตัวออกขายทาง E-Bay เพื่อมีรายได้ประทังชีวิต และแน่นอนว่าของคู่กายเกย์หนุ่มสุดเปรี้ยวคนนี้คงหนีไม่พ้นเสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆ ทำให้ในครั้งนั้นเองเขาได้พบว่าผ้าพันคอของ Hermès นั้นทำราคาใน E-Bay ได้ดีมาก สามารถขายได้ในราคามากกว่า 2 เท่าตัวของที่ซื้อมา

หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มอาชีพ reseller โดยการตระเวนร้าน Hermès ต่างๆ ไปทั่วทั้งยุโรป เพื่อมองหา scarf รุ่นหายากแล้วนำมาขายต่อ
แต่แล้วเขาก็ได้ค้นพบว่าการขายผ้าพันคอซึ่งได้กำไรเพียง 200 US$ นั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับ Birkin "It-bag" ตลอดกาล
ซึ่งหากทำจากหนังจระเข้หรือเป็นเฉดสีหายากนั้นจะสามารถทำกำไรได้ถึง 3,000 US$ เลยทีเดียว

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าไม่ใช่ว่าแค่มีเงินแล้วจะสามารถเดินเข้าไปซื้อ Birkin ได้ทุกคน
ดังนั้นกลยุทธ์ต่างๆ จึงถูกงัดออกมาใช่เพื่อให้ได้มาซึ่ง ฺBirkin จึงเกิดขึ้น เป็นที่มาของเรื่องราวสนุกๆ ในเรื่องครับ

คำเตือน:: ต่อไปมี spoiled อยู่ 2-3 ประโยค

หลังจากจมอยู่กับหนังสือสองคืนเต็มๆ เมื่ออ่านจบพบว่าสิ่งที่นัทชอบที่สุดคือมุมมองของผู้เขียนซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน มองโลกในแง่บวก และมี lifestlye ที่โดดเด่น ใช้แต่ของแบรนด์เนม รับประทานอาหารในภัตตาคารสุดหรู พักเฉพาะในโรงแรมหกดาวเ่ท่านั้น และที่สำคัญจิบเฉพาะ earl gray จาก Mariage Freres เท่านั้น ทำให้อ่านแ้ล้วต้องอมยิ้มตลอด พร้อมกับอดรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ ไปด้วยไม่ได้ครับ

ตัวอย่างตอนที่ชอบ เช่น ครั้งที่ผู้เขียนไปถูกใจชุดสูทสุดหรูของ Dsquared2

"...It was made by Dsquared2: chocolate brown leather, form-fitting, with oversized pockets, gusseted sleeves, and a half-belt in the back. It was car-coat length, it was a runway piece,
it was . . . going home with me..."

คราวหลังจะเอาไปใช้บอกตัวเองบ้างครับ ...It's gonna going home with me...

อีกประโยคที่ชอบที่สุดคือตอนที่ผู้เขียนเปรียบเทียบตัวเองกับ Sherlock Holmes ครับ

"...It was thinking time—Sherlock had his opium pipe; I have my Earl Grey..." ช่างคิดจริงๆ

โดยรวมถือเป็นหนังสือที่อ่านง่าย โครงเรื่องไม่ซับซ้อน และเนื้อหาสนุกดีครับ

โดยเฉพาะผู้ที่สนใจใน Hermès หรือกระทั่ง high fashion house แบรนด์อื่นๆ นัทแนะนำอยากให้คุณได้ลองอ่านดูครับ

Create Date : 14 มกราคม 2554

12 comments

Last Update : 14 มกราคม 2554 1:01:23 น.

Counter : 2284 Pageviews.

เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกก
แต่กุ๊กอ่านเป็นเวอร์ชั่นแปลไทยยย
อ่านแล้วกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดมากกกกกกค่ะ ^^

โดย: chiquita-z 14 มกราคม 2554 3:09:58 น.

อ่านแล้วเหมือนกัน สนุกมาก จิกๆกัดๆ ตลกดี

ปล. ปกเวอร์ชั่นไทยสีหวานไปหน่อยแต่ก็ได้อรรถรสไม่ต่างจากเวอร์ชั่นอังกฤษ

โดย: คุณไก่ 14 มกราคม 2554 15:43:11 น.

แวะมาสวัสดีปีใหม่จ้าน้องนัท ...สบายดีนะคะ ...พอดีพี่ห่างหายไปนาน แต่ก็จะพยายามแวะเวียนมาเยี่ยมนะคะ

บ๊ายยยจ้า

โดย: แพร์ (wirinpear ) 18 มกราคม 2554 16:36:52 น.

ไม่เคยอ่านเลยค่ะ แต่เห็นหน้าหนังสือแล้วคิดว่าต้องอ่านสนุกแน่ ๆ เดี๋ยวจดไว้ในรายการ Hermès นี่ไปเกาะขอบกระจกตู้โชว์ดู หนาวกับราคามากมายค่ะ

โดย: prunelle la belle femme 20 มกราคม 2554 0:51:44 น.

พี่อ่านแค่ถึง "ดังนั้นกลยุทธ์ต่างๆ จึงถูกงัดออกมาใช่เพื่อให้ได้มาซึ่ง Birkin จึงเกิดขึ้น เป็นที่มาของเรื่องราวสนุกๆ ในเรื่องครับ" ไม่อ่านต่อละ เพราะต้องไปซื้อหนังสือบ้างงงงง ท่าทางจะสนุก

ปล. พี่ชอบบอกแฟนว่า bring home the bacon ด้วยนะตัวเอง เห็นทีจะต้องลองเปลี่ยนเป็น "Bring home the Birkin" บ้างละ เอิ๊กกกก (แหมมมม หวังสูง)

โดย: copo de nieve 20 มกราคม 2554 21:27:16 น.

Hi,
Thanks for reading and writing about my book, Bringing Home the Birkin.
Be well!
mt~

โดย: Michael Tonello IP: 79.145.116.127 3 กุมภาพันธ์ 2554 23:02:55 น.

ขอบคุณมากนะคะที่ไปเยี่ยมบล็อก ยินดีที่ได้รู้จักคะ

โดย: We Are FroM BeLGiUM 4 กุมภาพันธ์ 2554 17:57:25 น.

ยังไม่ได้อ่านแต่คงต้องไปหามาอ่านดูบ้างค่ะ
เห็นด้วยว่ากว่าจะได้มาซึ่ง Birkin เนี่ยมันยากจริงๆ เซ็ง Hermès ไปหลายเดือน... ^^

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อคนะคะ ^^

โดย: Panino 5 กุมภาพันธ์ 2554 11:04:51 น.

แวะมาทักทายน้องนัทค่ะ หนังสือน่าอ่านมาก ถ้าขยัน ก็อยากอ่านหนังสือที่น้องนัทแนะนำ ค่อยๆอ่าน ค่อยๆแปลแต่ใจร้อน อยากอ่านเร็วๆ คงได้ซื้อหนังสือแปลแทนแล้วล่ะค่ะ ที่น้องนัทสปอยล์เล็กๆ พี่นัดชอบมาก เป็นการชักชวนให้หนังสือเล่มนี้ น่าสนใจมากยิ่งขึ้นเลยล่ะค่ะ

โดย: nadtha 6 กุมภาพันธ์ 2554 11:27:17 น.

เปรียบเทียบตัวเองกับเชอร์ล็อค โฮล์ม ตัวเองจิบชาเอิร์ลเกรย์ แหม พี่นัดนึกภาพเค้าจิบชา นั่งกระดกนิ้วไปด้วยแน่ะ น่าหมั่นไส้จริงๆด้วย อิอิ

โดย: nadtha 6 กุมภาพันธ์ 2554 11:33:11 น.

หาซื้อหนังสือไม่ได้เลยยยยย

โดย: jj IP: 115.67.7.35 27 พฤษภาคม 2556 10:22:34 น.

คุณ jj: เช็คทาง asiabooks.com ยังมีหนังสืออยู่ ยังไงลองโทรศัพท์ถามสาขาใกล้บ้านดูมั๊ยครับ

โดย: malaguena 27 พฤษภาคม 2556 11:21:00 น.