พฤศจิกายน 2554

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
 
 
รักเธอจริงๆ ไม่ได้แอ๊บนะครับ (บทนำ + บทที่ 1-2)
บทนำ

“อะไรนะคะแม่!!! แม่จะให้นายแต่งงานกับใครนะคะ!”


“ก็ลูกชายของคุณนายวิมลไงลูก”


“ไม่นะคะแม่ นายไม่ยอมนะคะ นายโตแล้วนะแม่ ทำไมแม่ไม่ให้นายเลือกคู่เองล่ะคะ”


“ก็แม่กลัวน่ะสิ รสนิยมเราน่ะเหมือนชาวบ้านเขาเสียที่ไหน”


“แม่พูดอย่างนี้หมายความว่าไงคะ”


“ยังต้องให้แม่พูดอีกเหรอไนยนิตย์ ก็แฟนเราแต่ละคนน่ะ แม่เห็นชอบเสียที่ไหนล่ะ”


“แม่คะ ถึงแฟนนายแต่ละคนจะไม่หล่อ แต่พวกเขาก็รว... เอ๊ย เป็นคนดีนะคะแม่”


“นี่ ไนยนิตย์ แม่เคยสอนให้ลูกจับคนรวยเหรอ”


“เอ่อ ปละ เปล่าค่ะ”


“แล้วเมื่อกี้ลูกพูดอะไร ลูกจะบอกว่าแฟนลูกแต่ละคนถึงจะไม่หล่อแต่ก็รวย”


“นายพูดผิดน่ะค่ะแม่”


“อย่ามาเถียง!! เอาเป็นว่าเตรียมตัวเอาไว้แล้วกันยัยนาย รอแม่กับคุณนายวิมลไปหาฤกษ์หายามก่อนเราค่อยมาเดือดร้อนเรื่องงานแต่ง ตอนนี้ทำใจให้สบาย แม่ไปบ้านคุณนายวิมลก่อนนะ”


“อ๊ะ แม่คะ แม่ทำอย่างนี้กับนายไม่ได้นะ แม่ ฟังนายก่อน...”


“กู๊ดบายจ้ะนายน้อยลูกแม่”


“แม่!!!”


-------------------------------------------------------------------


“วี ปีนี้ลูกอายุเท่าไรแล้วนะ”


“ยี่สิบเจ็ดครับแม่”


“เมื่อไรแม่จะได้เชยชมสะใภ้ล่ะ”


“รอไปก่อนนะครับแม่”


“เรามีแฟนรึยังนะวี”


“ยังครับแม่ ผมยังไม่พร้อม”


“ที่ทำงานไม่มีใครถูกใจเลยเหรอลูก”


“ก็... พอมีนะครับ แต่มันไม่ใช่”


“แล้วลูกอยากมีแฟนหรือยังล่ะ”


“ยังก่อนดีกว่าครับ ผมยังไม่เจอคนที่ใช่เลย”


“แล้วถ้าแม่จะหาแฟนให้ลูกสักคนล่ะ ลูกจะว่าไง”


“อะไรนะครับแม่!!! แม่จะหาแฟนให้ผมเหรอ!”


==================================



บทที่ 1

ให้ตายสิ!! ทำไมฉันจะต้องมานั่งคิดมากเรื่องแต่งงานด้วยนะ ทั้งๆ ที่มันยังไม่ถึงเวลาของฉันเสียหน่อย ปีนี้ฉันเพิ่งจะอายุยี่สิบห้าเองนะ อีกสักสามสี่ปีค่อยคิดยังทัน แม่นะแม่ ไม่รู้ว่าจะรีบหาสามีให้ลูกสาวไปถึงไหน


เหตุผลของคุณแม่ก็... นะ ใช้ได้เสียที่ไหนกันล่ะ มีอย่างเหรอ ไม่ไว้ใจในรสนิยมของฉัน


อันที่จริงรสนิยมของฉันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดที่แม่ว่าหรอก แค่แฟนคนแรกเตี้ยกว่าสองนิ้ว แฟนคนที่สองผอมจนหนังหุ้มกระดูก แฟนคนที่สามก็หนังเหนียวฟันยังไงก็ไม่เข้า (ฟันไม่เข้า = ฟันเหยิน)


ก็เท่านี้ ชีวิตนี้ฉันมีแฟนอยู่สามคนนั่นแหละ เหตุผลที่ฉันมีแฟนแบบนี้น่ะเหรอ ก็เพราะว่าสมัยนี้ผู้ชายดีๆ หล่อๆ เริ่ดๆ เพอร์เฟ็คต์ๆ หายากราวกับงมเข็มในมหาสมุทรน่ะสิ ไอ้ที่มีๆ ก็แต่งงานกันหมดแล้ว หรือไม่ก็เป็นเกย์กันหมด จะเหลือก็แต่แบบนี้แหละ เห็นไหมคะ ฉันมีทางเลือกมากเสียที่ไหนกัน


ฉันนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงพลางคิดถึงเรื่องที่ฉันต้องเจอ ฉันจะทำยังไงดีนะให้แม่ล้มเลิกความคิดนี้ให้ได้ ฉันยังไม่อยากแต่งงานเลยจริงๆ นะ


ฉันล้มตัวลงนอนแล้วเอามือทั้งสองข้างมาก่ายหน้าผาก โอ๊ย เครียดๆๆๆๆๆ ทำไมแม่ทำกับฉันแบบนี้นะ อ๊ายยยย ความคิดฉันฟุ้งซ่านไปหมดแล้ว


เสียงโทรศัพท์มือถือดังมาจากลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง ใครกันนะโทรมาตอนนี้ แต่ก็รับเสียหน่อยดีกว่า เผื่อจะพอลดความฟุ้งซ่านไปได้บ้าง


“สวัสดีค่ะ”


“นายน้อย ช่วยมารับแม่ที่บ้านคุณนายวิมลหน่อยได้ไหมลูก”


แม่นั่นเอง... หวะ เหวอ แม่เรอะ อ๊ายยยย


“เอ่อ คือ นายต้องหาข้อมูลอะไรอีกนิดหน่อยน่ะค่ะแม่ คือ เอ่อ นาย อ้า นายจะต่อโทค่ะ แม่ให้ไอ้เนไปรับได้ไหมคะ”


ฉันแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ ก่อนจะรอฟังปฏิกิริยาของแม่ ถ้าไปในทางบวกฉันก็รอด แต่ถ้าไปในทางลบ อ๊าก ไม่อยากจะไปบ้านคุณนายวิมลเลยให้ตายสิ


“ตอนนี้บ่ายสาม เนเลิกเรียนสี่โมงเย็นไม่ใช่เหรอนาย นะ มารับแม่หน่อย แป๊บเดียวเอง”


อ๋าย เป็นความผิดฉันเองที่ไม่ทันดูให้ดีว่าไอ้เน... เนวิชญ์ น้องชายคนเดียวของฉันอยู่ที่มหาวิทยาลัย แล้วตอนนี้ก็มีฉันที่อยู่บ้านเพียงคนเดียว เพราะพ่อก็ออกไปช้อปต้นไม้ที่จตุจักร หาทางเร็วๆ สิไนยนิตย์ หาทางเลี่ยงแม่ให้ได้


“แม่ไม่ได้เอารถไปเหรอคะ”


“นายน้อยลูกแม่ แม่มากับคุณหญิงจรีน่ะลูก แม่ไม่ได้เอารถมาหรอก”


อ๊าย นี่ฉันต้องไปบ้านคุณนายวิมลจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่สิไม่ คนอย่างไอ้นายต้องไม่สิ้นไร้ไม้ตอกง่ายๆ แบบนี้


“แม่นั่งแท็กซี่มาได้ไหมคะ เดี๋ยวนายไปรอรับที่ปากซอย นายยุ่งจริงๆ นะคะแม่ขา นายต้องหาข้อมูลเรียนต่อโท มันจะเริ่มปีการศึกษาใหม่แล้วนะคะ นายกลัวซื้อใบสมัครไม่ทันน่ะค่ะแม่”


“เอ๊ะ ยัยนาย แกจะมารับแม่หรือจะให้แม่นอนมันซะที่บ้านคุณนายวิมลนี่เลย”
แม่ถามทำไมคะ แม่น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วนะ


“เอาไหมคะแม่ เดี๋ยวนายให้ไอ้เนเอาเสื้อผ้ากับชุดเครื่องนอนไปให้ เอ แต่บ้านคุณนายวิมลออกจะรวยนะคะแม่ เขาคงไม่ให้แม่นอนพื้นหรอกมั้งคะ”


“ยัยไนยนิตย์ มารับแม่เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นแม่จะตัดแกออกจากกองมรดก ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเนคนเดียว”


อ๊าก ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะแม่ แม่จะให้นายที่แต่งตัวซอมซ่อ ถือกระป๋องนั่งขอทานอยู่ที่สะพานลอยเฝ้ามองไอ้เนรวยเอาๆ น่ะเหรอคะ


“แต่นายไม่ว่างจริงๆ นี่คะแม่”


ฉันยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก


“ถ้าแกเอาเวลาที่แกมัวเลี่ยงอยู่นี่ออกมารับแม่นะ ป่านนี้แม่ได้นั่งอยู่ที่บ้านแล้ว”


แต่ฉันก็ลืมไปเหมือนกันว่าฉันเป็นลูกแม่ ถ้าฉันไม่ยอมแพ้ แม่ฉันก็ไม่ยอมแพ้หรอก เศร้าจริงๆ ไนยนิตย์ สุดท้ายฉันก็ต้องไปรับแม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันขอบ่นนิดหน่อยเถอะ


“แม่ไม่เคยสงสารนายเลย ทีไอ้เนแม่ไม่เคยให้มันไปรับ แม่ใช้แต่นายคนเดียว”


“แม่ให้เนมารับแม่ทุกที่แหละจ้ะนายน้อย...”


พอแม่ได้อย่างใจต้องการแล้วสรรพนามการเรียกฉันก็เปลี่ยนไปทันที แล้วฉันจะอารมณ์ดีกว่านี้มากถ้าประโยคต่อมาแม่ฉันจะเก็บเอาไว้คนเดียว ไม่พูดมันออกมา “...ยกเว้นที่นี่ที่เดียวแหละจ้ะ เพราะที่นี่... แม่สงวนไว้ให้นายน้อยมารับแม่คนเดียว”



กรี๊ดดดดดดดด!!!


===========================================



บทที่ 2

แม่ของผมกับคุณน้านาถนภาเดินออกไปเปิดประตูให้รถโฟล์กสีเหลืองสดแล่นเข้ามาจอด ผมไม่เข้าใจ แม่จะให้ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไมนะ ทั้งๆ ที่แม่ก็ไม่ได้คุยอะไรกับผมมากมาย แต่พอผมจะลุกไปทำธุระของผมบ้าง แม่กลับรั้งผมไว้ตลอดเสียนี่ มันน่าสงสัย มันต้องมีอะไรแน่ๆ


“วี เอาน้ำให้น้องหน่อยลูก” แม่ตะโกนเข้ามาในบ้าน


น้อง? น้องอะไร ผมมีน้องเสียที่ไหน ผมเป็นลูกชายคนเดียวนะ แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่ค่อยอยากขัดใจแม่มากนัก เดี๋ยวแม่จะกลายร่างจากวิมลเป็นพันธุรัตน์ แล้วจริงๆ แล้ว น้องที่ว่านี่อาจจะเป็นน้องวัยอนุบาลที่พลัดหลงกับผมไปนานแต่แม่ไม่เคยบอกก็ได้ เอาเถอะ ไปเอาน้ำมาให้ก็ได้


ผมเดินเข้าไปในครัวแล้วเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็น อ่า ผมไม่เคยต้องเสิร์ฟน้ำแขกเลยสักครั้ง แล้วจะเสิร์ฟด้วยน้ำอะไรล่ะเนี่ย น้ำส้ม... กีวี... แอปเปิ้ล... น้ำอัดลมสีน้ำตาล... สีแดง... สีเขียว... โอ๊ย ตาลายมากๆ อ๊ะ น้องเขายังเด็กอยู่นี่นะ งั้นดื่มน้ำเปล่าแล้วกัน ดีต่อสุขภาพ โตขึ้นมาจะได้เปล่งปลั่งงดงาม


ผมค่อยๆ บรรจงรินน้ำเปล่าใส่แก้ว อ๊าก ล้น ผมเทยังไงให้น้ำล้นออกมาเนี่ย จะเทกลับใส่ขวดก็ลำบาก ผมมองซ้ายมองขวาแล้วแอบซดน้ำไปหนึ่งอึกให้ระดับน้ำมันพอดีที่ค่อนแก้วก่อนจะคว้าผ้าเช็ดมือแถวนั้นมาเช็ดน้ำที่หกเลอะเทอะ


ผมเอื้อมมือไปหยิบจานรองแก้วแล้ววางแก้วน้ำไว้บนนั้น อ้า เป็นอันเสร็จพิธี อ๊ะ เช็ดปากแก้วเสียหน่อยเพื่อความเนียนขั้นสูงสุด



เฮ้ย... ผมแทบทำแก้วหลุดมือ ก็น้องที่แม่ว่านั่นไม่ใช่น้องน้อยวัยอนุบาลอย่างที่ผมคิดน่ะสิ น้อง อ่า ไม่สิ ต้องเรียกว่าเธอคนนี้เป็นหญิงสาว ผิวขาว ผมยาวเหยียดตรง เปล่งปลั่งโดยที่ยังไม่ได้ดื่มน้ำเปล่าของผม เสียอย่างเดียว... ตาตี่ไปนิด แต่ที่สำคัญที่สุดคือ... เธอสวย


ผมค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปในวงสนทนา น้อง เอ่อ เธอคนนั้นเงยหน้ามองผมนิดหนึ่ง แล้วทันใดนั้น ตาก็สบตา ทำไมพระเจ้ากลั่นแกล้งผมอย่างนี้นะ


เธอคือไนยนิตย์ แฟนเก่าของผม คนที่ผมไม่เคยลืม ไม่ลืม และไม่ลืม เธอทิ้งผมไปเมื่อสามปีที่แล้ว แล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีก แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมาเจอกันได้


ไนยนิตย์เองก็เบิกตากว้างเหมือนกัน แน่ล่ะสิ เธอคงไม่คิดว่าจะเจอผมที่นี่


“นายน้อย ไหว้พี่เขาสิลูก”


คุณน้านาถนภาสั่งไนยนิตย์ให้ไหว้ผม เฮอะ อันที่จริงไม่จำเป็นหรอก ปกติเธอก็ไม่เคยเห็นว่าผมเป็นพี่เธออยู่แล้ว จะมาหวังให้เธอไหว้น่ะเหรอ ฝันเถอะ


“แม่ กลับบ้านเถอะค่ะ”


นั่นปะไร ผมคาดไม่ผิดจริงๆ ด้วย นอกจากไนยนิตย์จะไม่ไหว้ผมแล้ว แม้แต่หางตาเธอก็ไม่อยากจะมอง แถมยังเร่งให้คุณน้านาถนภากลับบ้านอีก ผมวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะกระจกก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ แม่ของผม


“เอ๊ะ อะไรนักหนานะยัยนาย แม่บอกให้ไหว้พี่เขาไงล่ะ พี่เขาแก่กว่าเรานะ”


“แม่คะ กลับบ้านเราเถอะค่ะ”


ไนยนิตย์ไม่ฟังคุณน้านาถนภาสักนิด เธอเอาแต่เร่งให้คุณน้ากลับบ้าน ใบหน้าขาวใสงอง้ำอย่างเห็นได้ชัด


ปิดบังอาการไม่อยากเจอกันหน่อยก็ได้แม่คุณ


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้า ‘น้อง’ เขาไม่อยากไหว้ผมก็ไม่เป็นไร เพราะผมเองก็คงแก่กว่าเขาไม่กี่ปี”


ผมจงใจเน้นคำว่าน้องให้ยัยไนยนิตย์รู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก ตลอดสองปีที่เราคบกันทำให้ผมรู้จักเธอดี เธอไม่ค่อยกล้าปฏิเสธคนหรอก และถ้าเธอปฏิเสธไปแล้ว เธอจะรู้สึกผิดมาก และในกรณีนี้ก็เหมือนกัน เธอปฏิเสธที่จะไหว้ผม ดังนั้นเธอคงจะกำลังรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำตามที่แม่เธอขอแน่ๆ


“โอ๊ย ไม่ได้หรอกตาวี ยัยนายน่ะดื้อจะตาย ถ้าไม่บังคับกันเดี๋ยวจะติดเป็นนิสัยเปล่าๆ”


สายไปเสียแล้วล่ะครับสำหรับลูกสาวคุณน้า บังคับให้ตายแม่คุณก็ไม่ยอมไหว้ผมหรอก


“ทำไมเอาน้ำเปล่ามาให้น้องล่ะวี ในตู้เย็นเราก็มีน้ำตั้งหลายอย่าง”


คุณวิมลแม่ผมถามขึ้นมาอย่างจะช่วยเบี่ยงประเด็น แล้วก็ได้ผล ทุกคนมองไปที่แก้วน้ำเปล่าที่ผมเอามาเสิร์ฟเมื่อกี้ ผมจะตอบแม่ยังไงดีนะ ตอบว่าผมนึกว่าน้องเขาสี่ขวบน่ะเหรอ โอย ผมกลัวแม่จะรับไม่ได้กับความคิดปัญญาอ่อนของลูกชายคนเดียว


“คือ...”


ผมอึกอักอยู่อย่างนั้น แต่ไนยนิตย์ก็ช่วยขัดขึ้นมา ผมแอบโล่งใจที่ไม่ต้องตอบคำถามแม่


“ขอบคุณสำหรับน้ำเปล่านะคะ แต่นายคงจะไม่ทันได้ดื่มหรอกค่ะคุณป้า เพราะว่านายกับแม่จะกลับแล้ว คงไม่จิบแบบพอเป็นมารยาทแล้วเหลือแบะเหลือแบนให้ลูกชายคุณป้านั่งเสียดายหรอกค่ะ”


โหย เชือดเฉือนได้เจ็บแสบเหมือนเดิมเลยนะไนยนิตย์ เธอคงคิดว่าผมงกล่ะสิที่เอาน้ำเปล่ามาให้เธอดื่ม ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ


“ยัยนาย!!!”


คุณน้านาถนภาตวาดไนยนิตย์เบาๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้แม่ผมเป็นเชิงขอโทษที่ลูกสาวทำเสียมารยาทกับลูกชายของแม่ผม


“นาถขอโทษนะคะพี่วิ เป็นความผิดนาถเองที่ไม่ได้สั่งสอนให้ยัยนายเป็นคนมีมารยาท”


แม่ผมยิ้มให้ก่อนจะกล่าวตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอกนาถ พี่ไม่ถือ ตัวหนูนายเองก็น่ารัก เป็นตัวของตัวเองแบบนี้สิ พี่ชอบ”


“แต่ยังไงนาถก็ต้องขอโทษพี่วิจริงๆ ที่สั่งสอนลูกให้เป็นคนดีไม่ได้”


“แม่คะ แม่ว่านายเลวเหรอ”


ไนยนิตย์ถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ ดูสีหน้าเธอตอนนี้สิ ฮ่าๆๆ ผมอยากจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้จริงๆ มันเป็นหน้าที่แบบว่าจะโกรธก็ไม่โกรธ จะเสียใจก็ไม่เสียใจ ราวกับว่าเจ้าของหน้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะโกรธหรือจะเสียใจดี ยิ่งตาเล็กๆ นั่นค้อนปะหลับปะเหลือกใส่แม่ตัวเองนะ ฮ่าๆๆ ขอหัวเราะดังๆ ได้ไหม


“เปล่า แม่ไม่ได้ว่านายเลว แต่แม่ว่าตัวเองต่างหาก ที่สอนให้นายดีไม่ได้”


“สองครั้งแล้วนะคะแม่ แม่จะว่าตัวเองทำไม ถ้านายเลว นายก็เลวเอง แม่สั่งสอนนายตลอด แต่นายมันไม่รักดีเอง”


เอาแล้วครับ เลือดรักแม่ของไนยนิตย์เริ่มร้อน


“แกจะหยุดได้รึยังยัยนาย ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะ หัดสำรวมบ้าง มีอะไรค่อยไปคุยกันที่บ้านแล้วกัน เอ่อ พี่วิคะ ถ้ายังไงนาถกับยัยนายกลับก่อนนะคะ”


“จ้ะ”


“อ๊ะ เด็กสองคนนี้ยังไม่ได้รู้จักมักจี่กันเอาไว้เลย ไหนๆ ก็มาแล้วนะนาย รู้จักพี่เขาหน่อยนะลูก”


ผมพนันได้เลยว่านายไม่อยากจะรู้จักผมนักหรอก ถึงแม้ว่าจะรู้จักแล้วก็เถอะ


“ตาวี นี่น้องนาย ไนยนิตย์ ลูกสาวของคุณน้านาถนภา”


แม่ผมแนะนำยัยนายให้ผมฟัง เฮอะ ผมรู้จักยัยนั่นแล้วครับแม่


“นายน้อย นี่คุณวี วีธวัช ลูกชายของคุณป้าวิมลจ้ะลูก”


ยัยนายน้อยนายเน้ยนั่นแสยะยิ้มให้ผมทีหนึ่งก่อนจะผินหน้าไปแอบเบะปากอย่างหมั่นไส้ เธอคงจะหมั่นไส้พี่มากเลยสินะนาย ทั้งๆ ที่พี่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เธอเสียหน่อย เป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่ทิ้งพี่ไป


“ให้หนูนายเรียกตาวีว่าพี่วีเถอะ”


ปกตินายเขาก็เรียกผมอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะครับแม่ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังอยากจะเรียกผมว่า ‘พี่วี’ เหมือนเดิมไหม


“ค่ะ ถ้างั้นนาถพายัยนายกลับบ้านก่อนนะคะ เห็นว่ามีโครงการจะเรียนต่อโทอยู่”


“จ้ะ”


“สวัสดีค่ะพี่วิ”


“สวัสดีค่ะคุณป้า”


และแน่นอน... ไนยนิตย์ไม่ลาผมหรอก


“สวัสดีครับคุณน้า”


ผมไหว้ลาคุณน้านาถนภาก่อนจะเดินไปส่งที่รถตามแบบฉบับสุภาพบุรุษตัวจริงที่แม่ผมเฝ้าพร่ำสอนมา


ผมเปิดประตูรถให้คุณน้านาถนภา คุณน้าขอบอกขอบใจผมเป็นการใหญ่ก่อนที่จะสอดตัวเข้าไปในรถโฟล์กสีเหลือง จากนั้นผมก็วิ่งอ้อมหลังรถเพื่อไปเปิดประตูฝั่งคนขับให้ไนยนิตย์


ผมสบตาเธออย่างท้าทาย แล้วก็เห็นตาเล็กๆ คู่นั้นจ้องกลับมาอย่างท้าทายเหมือนกัน ผมเอื้อมมือจะไปเปิดประตู แต่ก็ถูกมือบางนั่นปัดออกอย่างไม่ใยดี อ๊ะ ไม่ให้เปิดไม่เปิดก็ได้ ผมไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับท่าทีรังเกียจของไนยนิตย์และเดินเข้าบ้าน แต่ก่อนจะเดินเข้าบ้าน ผมก็ยังอุตส่าห์หยอดคำพูดเอาไว้ให้ยัยนายกลับไปกรี๊ดที่บ้าน


“เขินพี่มากจนไม่อยากให้เปิดประตูรถให้ก็บอกสินาย ไม่เห็นต้องปัดมือพี่เลย”


ไม่ทันได้มองหรอกว่านายจะทำหน้าทำตายังไง แต่ผมก็พอจะจินตนาการได้ สามปีที่ผ่านมาไม่ทันทำให้ผมลืมหน้ายัยนายแต่ละอารมณ์ได้หรอก ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะผมไม่คิดจะลืมน่ะสิ


===========================================



Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 11 ตุลาคม 2555 22:54:59 น.
Counter : 468 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

luz de la luna
Location :
พิจิตร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เพิ่งเริ่มเขียนบล็อกค่า ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยนะค้า :)