|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
How Can Man be Born Again?
มนุษย์จะบังเกิดใหม่ได้อย่างไร
How Can Man be Born Again? ....สำหรับผู้สนใจในพระเจ้าครับ.....
มนุษย์จะบังเกิดใหม่ได้อย่างไร โดย ชักค์ สมิธ
ซ่อนอยู่ในเสื้อคุมในความมืด
ชายคนหนึ่งเดินอย่างระมัดระวังไปหาพระเยซูชาวนาซาเร็ทชายคนนี้เป็นขุนนางคนหนึ่งของชาวยิว เขาได้รอจนถึงเวลากลางคืนเพราะเขามีคำถามที่จำเป็นจะต้องถาม คำถามที่ไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยินเขายืนรอยู่ห่างๆ นิโคเดมัสเฝ้าดูพระเยซูกระทำการมหัสจรรย์หลายอย่างเขารู้ว่าไม่มีใครสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ นอกจากพระเจ้าทรงอยู่กับผู้นั้นในที่สุดเขาเห็นพระเยซูอยู่ตามลำพัง จึงเป็นโอกาสที่จะถามคำถามนั้น
อาจารย์ นิโคเดมัสเริ่ม พวกเรารู้ว่าท่านเป็นครูมาจากพระเจ้าเพราะไม่มีใครสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ นอกจากพระเจ้าสถิตย์อยู่กับท่าน
พระเยซู, ตอบตรงเป้าหมายตามแบบของพระองค์, พระองค์รู้ว่านิโคเดมัสต้องการอะไร?
ถ้าผู้ใดไม่บังเกิดใหม่ พระองค์ตอบ ผู้นั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้าได้ พอถึงตรงจุดนี้, นิโคเดมัสถามอย่างถูกต้อง ท่านหมายความว่าอย่างไร?
บังเกิดใหม่
คำถามนี้ มนุษย์ได้ถามกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี เมื่อเขา ศึกษาข้อความใน
ยอห์น ๓: ๓ บังเกิดใหม่ หมายความว่าอย่างไร? คุณเข้าใจไหมว่า พระเจ้าเริ่มสร้างมนุษย์เริ่มแรกนั้นเป็นสามมิติ คือ จิตวิญญาณ,จิตใจ และ ร่างกาย จิตใจของเราถูกควบคุมโดยจิตวิญญาณ ดังนั้น เมื่อจิตวิญญาณเป็นผู้ควบคุม มนุษย์สามารถติดต่อและมีสามัคคีธรรมกับพระเจ้าได้
ในอีกทางหนึ่ง, พวกต้นพืชมีชีวิตเพียงมิติเดียว คือสิ่งที่เรามองเห็นด้วยตา คือเป็นรูปร่าง (ตัวตน) ต้นไม้ได้รับอาหารจากดินและในอากาศมีพืชจำนวนน้อยมากที่กินแมลงเป็นอาหารรากของต้นไม้ยึดแน่นอยู่กับที่ในขณะที่มีการแพร่พันธุ์ โดยเมล็ดตามหลักของการขยายพันธุ์
ส่วนสัตว์นั้น มีสองมิติ คือ เป็นรูปร่างและมีจิตสำนึก สัตว์ใช้พืชและสัตว์อื่นเป็นอาหารและสามารถเคลื่อนที่ได้ไกล การสืบพันธุ์ของสัตว์เป็นเหมือนพืช คือเป็นไปตามหลักของการผสมพันธุ์แต่อาณาจักรสัตว์สูงกว่าอาณาจักรของพืชมาก เพราะสัตว์มีจิตใจและเคลื่อนที่ได้
เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์นั้น พระองค์สร้างมนุษย์เป็นสามมิติคือจิตวิญญาณ,จิตใจ และ ร่างกายส่วนที่เพิ่มมาคือจิตวิญญาณซึ่งทำให้มนุษย์อยู่เหนือกว่าสัตว์และพืช มากเพราะมนุษย์สามารถติดต่อกับพระเจ้าได้
พระเยซูตรัสว่า พระเจ้าเป็นจิตวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและ ด้วยความจริง (ยอห์น ๔:๒๔)เมื่อเริ่มแรกที่พระองค์สร้างมนุษย์นั้น (โดยมีจิตวิญญาณ, จิตใจ และร่างกาย)
พระองค์สร้างมนุษย์เพื่อจะได้มีสามัคคีธรรม (ความสัมพันธ์) กับพระองค์เรามีข้อพระคัมภีร์ที่ดีมากข้อหนึ่งใน ปฐมกาล ๓: ๘ เวลาเย็นวันนั้นเขา(อาดัมและเอวา)ทั้งสองได้ยินเสียงของพระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวนมนุษย์พบกับพระเจ้าและอยู่ร่วมกับพระเจ้าเพราะมนุษย์มีมิติที่เป็นจิตวิญญาณแต่เมื่อจิตวิญญาณของมนุษย์ตาย เขาลดลงมาเป็นสองมิติเหมือนสัตว์ในความคิดของมนุษย์นั้น เขาจะเป็นห่วงเกี่ยวกับความต้องการของร่างกาย และความอยากของร่างกายเป็นอันดับแรกจิตวิญญาณของมนุษย์ตาย เพราะการกระทำบาป และความบาปในตัวของมนุษย์
เมื่อเริ่มแรกที่พระเจ้าสร้างมนุษย์, มนุษย์อาศัยอยู่ใสภาพ ที่บริสุทธื์สมบูรณ์มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีเชื้อพันธุ์ที่บก พร่อง เพราะว่าจิตวิญญาณของมนุษย์ยังไม่ตายเขาจึงมีสามัคคี ธรรมอยู่ร่วมกับพระเจ้า แต่พระเจ้าให้มนุษย์มีการตัดสินใจเลือกว่ามนุษย์จะอยู่กับพระเจ้าและมีความสามัคคีธรรมกับพระองค์เพราะเขารักพระองค์? หรือเพราะว่าเขไม่มีทางเลือก?
เพื่อจะรู้ใจจริงของมนุษย์,
พระเจ้าจึงให้มีต้นไม้ที่ดึงดูดใจ ไว้ท่ามกลางสวนเอเดน เป็นต้นไม้ที่ห้ามไม่ให้กินผลของมัน ผลของต้นไม้นี้จะทำให้จิตวิญญาณตายดังนั้นมนุษย์จึงต้องตัดสินใจเลือก ว่าเขา จะอยู่และมีความสามัคคีธรรมกับพระเจ้าต่อไป หรือ เขาต้องการจะสนองความต้องการฝ่ายเนื้อหนังซึ่งจะทำให้เขาแตกแยกจากพระเจ้า?
น่าเสียใจจริงๆ, อาดัมเลือกที่จะสนองความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง และเขาได้กินผลไม้ต้องห้ามนั้น จิตวิญญาณของเขาจึงตาย ในขณะเดียวกันมนุษย์จึงมีเหลืออยู่เพียงสองมิติ คือ ร่างกาย และจิตใจ
พระเยซูตรัสกับนิโคเดมัสว่า เขาจะต้องบังเกิดใหม่(ยอห์น ๓:๗) เราต้องมีการบังเกิดใหม่ทางด้านฝ่ายจิตวิญญาณ เราเกิดมาครั้งหนึ่งด้านเนื้อหนังและแยกออกจากพระเจ้า แต่ เราต้องมีการเกิดใหม่ด้านฝ่ายจิตวิญญาณถ้าเราต้องการรู้จักพระพรและสันติสุขที่มาจากการดำเนินชีวิตที่ มีความสามัคคีธรรมกับพระเจ้า
อาดัมได้ฆ่าจิตวิญญาณ และพบว่าไม่มีทางที่จะทำให้ จิตวิญญาณนี้ฟื้นคืนได้โดยการทำความดี, โดยเป็นคนเคร่งศาสนา หรือทำตามกฏและระเบียบเราอาจพยายามทำความดี แต่เราไม่สามารถทำความดีได้เพียงพอพระเยซูตรัสกับนิโคเดมัสต่อไปว่า, ถ้าท่านไม่บังเกิดใหม่,ท่านจะไม่เห็นแผ่นดินของพระเจ้า (ยอห์น๓:๓)
มนุษย์ฝ่ายเนื้อหนัง(ธรรมดา)ไม่สามารถเข้าใจมิตินี้ได้ เขาหยั่งรู้ไม่ถึง เปาโลเขียนถึง คริสต์จักร์โครินธ์ว่า
อันความคิดของมนุษย์นั้น ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้เว้นแต่จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นเองฉันใดพระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าฉันนั้นเราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลกแต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า
เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งต่างๆที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานให้แก่เราเรากล่าวถึงเรื่องเหล่านี้ ด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้แต่..ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณ ได้ทรงสอน คือ เราได้อธิบายความหมายของเรื่องฝ่ายวิญญาณให้คนที่มีวิญญาณฟัง
แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตุด้วยวิญญาณ"(๑โครินธ์ ๒:๑๒-๑๔)
ดังที่เปาโลบอกว่ามนุษย์ธรรมดาไม่สามารถรู้และเข้าใจสิ่งเกี่ยวกับพระวิญญาณเพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งที่โง่เขลา จึงเป็นการยากในการติดต่อพูดจาระหว่างมนุษย์ที่มี พระวิญญาณกับมนุษย์ธรรมดาเพราะเหมือนกับมีอ่าวมหาสมุทรขั้นกลางไว้ คุณเคยสังเกตุไหมว่า เป็นการยากที่จะอธิบายสิ่งต่างๆให้เด็กฟังซึ่งอาจทำให้คุณผิดหวังได้ คุณคิดว่า ทำไมเด็กไม่ เข้าใจ?
ฉันอธิบายอย่างชัดเจน ง่ายๆ มีเหตุผลเห็นได้ชัดทำไมเขาจึงมองไม่เห็น?
ในด้านฝ่ายจิตวิญญาณ, มนุษย์ธรรมดาเป็นเหมือนเด็ก พระคัมภีร์บอกเราว่า มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถรู้และเข้าใจ สิ่งเกี่ยวกับจิตวิญญาณเพราะเขาจะต้องสังเกตุด้วยจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นพระเยซูจึงบอกว่า
คุณต้องบังเกิดใหม่ ถ้าคุณต้องการเห็นแผ่นดินของพระเจ้า ถ้าคุณจะเห็นมิติของแผ่นดินของพระเจ้าคุณจำเป็นต้องมีการเกิดด้านฝ่ายจิตวิญญาณ ดังนั้นคุณต้อง บังเกิดใหม่ ดังนั้น, นิโคเดมัส จึงถามว่า
ข้าพเจ้าจะบังเกิดใหม่ได้อย่างไร? มีวิธีใดที่มนุษย์ จะบังเกิดใหม่ได้?
สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร?
พระเยซูจึงอธิบายโดยยกตัวอย่าง เพื่อนิโคเดมัสจะเข้าใจได้พระองค์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในพระคัมภีร์เดิมว่า เมื่อลูกหลานชาวอิสราเอลอยู่ในป่ากันดารเขาเริ่มบ่นต่อว่าพระเจ้าและโมเสส เขาบ่นว่า,เขา (พระเจ้าและโมเสส)ได้นำเราออกมาจากอียิปต์เพื่อจะฆ่าเราเสียในถิ่นทุรกันดารเราไม่มีอาหารกิน และเราเบื่อมานา (อาหารที่พระเจ้าประทานให้)" (กันดารวิถี ๒๑: ๕)
เพราะเขาพร่ำบ่นและร้องต่อว่าพระเจ้า, พระองค์จึงอนุญาติให้งูเข้ามาในค่ายในไม่ช้าคนเป็นจำนวนร้อย ตายเพราะถูกงูพิษกัดชาวอิสราเอลจึงวิ่งมาหาโมเสสและขอโทษ,ขอร้องให้โมเสสทูลขอต่อพระเจ้าให้กับพวกเขา โมเสสจึงทูลขอต่อพระเจ้าให้รักษาคนเหล่านั้นให้หาย แต่อย่างไรก็ตาม, พระเจ้ารักษาเขาให้หายโดยมีเงื่อน ไขซึ่งขึ้นอยู่กับตัวของเขาชาวอิสราเอล เอง
ในกันดารวิถี ๒๑: ๘ เราอ่านพบว่า
และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่าจงทำงูแมวเซาขึ้นตัวหนึ่ง ผูกติดไว้กับที่เสา ทุกคนที่ ถูกงูกัด จงมองดู(งูที่ผูกไว้กับเสา) แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่
ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองเหลืองขึ้นตัวหนึ่ง และผูกไว้กับเสาท่ามกลางค่าย ถ้าใครที่ถูกงูพิษนั้นกัด จะถูกสั่งให้มองดูงูทองเหลืองที่ผูกไว้บนเสานั้นและในทันใดเขาจะถูกรักษาให้หาย
ข้าพเจ้าขออธิบายเบื้องหลังสิ่งที่กล่าวมานี้ คือ ในพระคัมภีร์ทองเหลืองเป็นสัญญาลักษณ์ของการพิพากษา ของพระเจ้า ชาวอิสราเอลมีแท่นบูชาเป็นทองเหลืองเป็นที่ถวายเครื่องสักการะบูชา(๒ พงศ์กษัตริย์ ๑๖: ๑๕)และ ในพระคัมภีร์ งูเป็นสัญญาลัษณ์ของความบาป(งูในสวนเอเดนปฐมกาล ๓:๑๓)แต่อย่างไรก็ตามในที่นี้,
การยกงูขึ้นบนเสาอ้างถึงไม้กางเขนที่พระเยซูต้องถูกตรึง พระเยซูตรัสว่า พระบุตรจะต้องถูกยกขึ้น (ยอห์น ๓:๑๔)
และ ในยอห์น ๑๒: ๓๒พระองค์ตรัสว่าเมื่อเราถูกยกขึ้นจากแผ่นดินโลกแล้วเราจะชักนำคนทั้งหมดมาหาเรา
พระเยซูได้พยากรณ์ว่า พระองค์จะต้องตายบนไม้กางเขน ดังนั้น,งูทองเหลืองบนเสา เป็นสัญญาลักษณ์ของความบาปของเราถูกพระเจ้าตัดสิน บนไม้กางเขนเหมือนดังที่โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดาร บุตรมนุษย์ (พระเยซู) ก็จะถูกยกขึ้นเหมือนกัน
มนุษย์จะบังเกิดใหม่ได้อย่างไร?
เขาจะบังเกิดใหม่ได้โดยวิธีการที่พระเจ้าให้พระบุตรของพระองค์ตายแทนเราพระเยซูรับโทษแทนความบาปของเรา โดยตายแทนที่เราเมื่อเราเข้าใจในสิ่งนี้ และมองที่พระเยซูโดยความเชื่อบนไม้กางเขน,เรารับรู้ว่าพระองค์ตายแทนความบาปของเรารับการตัดสินจากพระเจ้าเพราะเรา
ให้คุณนึกภาพว่าคุณเป็นเด็กชาวอิสราเอลเมื่อ ๓,๘๐๐ปีก่อนและเมื่องูเข้ามาในค่าย ในวันหนึ่งคุณกำลังสนทนากับเพื่อนอยู่ในค่าย
งูเลื้อยเข้ามาและกัดที่เท้าของเพื่อน คุณมองด้วยความผิดหวังเมื่อเห็นเท้าของเพื่อนบวมขึ้น และในไม่ช้าเพื่อนก็ดิ้นชักดังนั้นคุณจึงลากเพื่อนของคุณออกมาจากค่ายและร้องบอกว่า
มองดูงูที่ผูกไว้บนเสา ตัวที่โมเสสผูกติดไว้กลางค่าย ข้าไม่เข้าใจ ทำไมการมองที่งูนั้นจะช่วยข้าได้อย่างไร? เพื่อนตอบ "ไม่ต้องเถียง คุณตะโกน แค่มองเท่านั้น แต่ข้าไม่เข้าใจ ทำไมการมองงูที่บนเสาจะช่วยข้าได้? ข้ากำลังจะตายอยู่แล้ว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณตอบอย่างอ่อนใจ
พยายามอธิบาย ฉันรู้เพียงแต่ว่าคนหลายร้อยคนรอบๆตัวเรานี่ กำลังจะตายเหมือนเธอนี่แหละ เขามองดูงูที่บนเสา และเดี๋ยวนี้เขายังมีชีวิตอยู่. มอง!
นั่นเป็นเรื่องที่โง่เขลา เพื่อนปฏิเสธ ข้าจะไม่มอง แล้วเพื่อนของคุณก็สิ้นชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ
คุณไม่ได้ขอให้เพื่อนทำสิ่งที่น่ากลัวอย่างไรเลย เพียงแต่ขอให้เขามองเท่านั้นเขาไม่จำเป็นต้องเข้าใจถึงวิธีการเพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์จากการมองนั้น
ในทำนองเดียวกัน, พระเยซูคริสต์ตายเพื่อความบาปของเราเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจถึงวิธีการ ว่าจิตวิญญาณบังเกิดใหม่ได้อย่างไรเราไม่จำเป็นต้องรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เราเพียงแต่รู้ว่ามันเป็นไปได้เหมือนชาวอิสราเอลในทะเลทราย...เราไม่จำเป็นต้องรู้ถึงวิธีการเพื่อจะชื่นชมยินดีในผลลัพท์ เราสามารถมีชีวิตอยู่ร่วมสามัคคีธรรมอย่างมีสติกับพระเจ้าได้ เราสามารถรู้ถึงการอัศจรรย์เพื่อจะมีชีวิตนิรันดร์ และเป็นอิสระจากบาปได้ พระเยซู อธิบายถึงวิธีของการบังเกิดใหม่ เมื่อพระองค์ตรัสว่าเหมือนโมเสส ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดาร บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นและใครก็ตามที่เชื่อในพระองค์ จะไม่ตายแต่มีชีวิตนิรันดร์(ยอห์น ๓: ๑๔-๑๕)
ถ้าคุณไม่บังเกิดใหม่ คุณมีชีวิตได้อย่างดีที่สุดแค่สองใน สามส่วนเท่านั้นมนุษย์ธรรมดามีจิตสำนึกถึงความจริงว่า บางสิ่งบางอย่างขาด (ไม่เต็ม)ในชีวิตของเขา และแสวงหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดนั้นมาเพิ่มเติมอยู่ตลอดไป
ปัญหาคือ มนุษย์แสวงหาสิ่งที่ขาดนั้น ในทางร่างกายหรือทางอารมณ์ความรู้สึก แต่ในที่สุด,ถึงแม้ว่า มนุษย์จะบำเรอให้ความสนุกสนานต่อตนเองทางด้านร่างกายและความรู้สึกมากเท่าไร เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอยังมีบางสิ่งบางอย่างขาดอยู่ทั้งนี้เพราะไม่มีสิ่งใดจะแทนที่การขาดของพระวิญญาณได้ นอกจากการบังเกิดใหม่
มนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อสรรเสริญพระเจ้า ถ้าคุณไม่สรรเสริญพระเจ้าที่แท้จริงและพระเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่แล้ว คุณจึงหาสิ่งอื่นแทน อาจจะเป็นรถ หรือ บ้าน หรือ เรือ ไปเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุด
การสรรเสริญเป็นส่วนหนึ่งที่มีอยู่ภายในของมนุษย์ คุณอาจจะคิดว่าสิ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ง่ายเกินไป คุณอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไม
คุณสามารถมีการเกิดทางด้านฝ่ายจิตวิญญาณได้โดยการเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้นง่ายดังที่กล่าวมาแล้ว, พระเจ้าให้เป็นแบบนั้นเองเพราะถึงแม้เด็กๆก็สามารถบังเกิดใหม่ได้
พระเยซูอธิบายต่อไปให้นิโคเดมัสฟังว่า
พระเจ้าทรงรักโลกมาก,โลกที่กำลังถูกทำลายด้วยความบาป และกำลังจะพินาศเพราะผลแห่งความบาปนั้น แต่ใครก็ตามที่ เชื่อในพระองค์ จะไม่พินาศแต่จะมีชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น ๓: ๑๖)
ข้าพเจ้านึกถึงชาวอิสราเอลอีกครั้งหนึ่งในขณะที่เขากำลังร่อนเร่อยู่ในทะเลทราย,ต่อว่าพระเจ้าในปัญหาทั้งหมดที่เกิด ขึ้นกับเขาพร่ำบ่นและร้องต่อว่าพระเจ้าในความทุกข์ยากลำบาก แต่ความจริงแล้วเขาควรโทษตัวของเขาเอง นี่เป็นสิ่งปกติของมนุษย์ เราหันหลังให้กับพระเจ้า เราสนองความต้องการของตัวเองแล้วเราเริ่มประสบต่อความทุกข์ในชีวิตแห่งเนื้อหนังนั้นคือ ความว่างเปล่า ความกระวนกระวายเป็นผลที่ได้รับ ผลของชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง คือ ความตาย
เหมือนถูกงูพิษกัด มันจะทำลายคุณและคุณจะพินาศ แต่ประสบการณ์อันทุกข์ยากและยาวนานนี้ไม่ใช่เป็นแผน เริ่มแรกของพระเจ้าพระองค์ต้องการนำเขา(ชาวอิสราเอล)มาสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา ซึ่งเขาจะมีสันติสุข, เกิดผล และได้รับพระพรจากดินแดนนั้นเป็นพระพรซึ่งพระเจ้าได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของเขา คือ อับราฮัม
แต่ชาวอิสราเอลไม่ยอมรับคำพยานของ คาเล็บและโยเชวาให้เข้ายึดดินแดน(คนาอัน) แต่เขา(ชาวอิสราเอล)กลับพูดว่าเราไม่สามารถเข้ายึดดินแดนนั้นได้ เพราะศัตรูมีกำลังมากเกินไปแทนที่จะเข้ายึดดินแดน เขาหันกลับไปในถิ่นทุรกันดาร และต่อมาเขาพยายามกล่าวโทษพระเจ้าเมื่อเขามีความทุกข์ยากในถิ่นทุรกันดารนั้น
ถ้าคุณตกอยู่ในถิ่นทุรกันดารในเวลานี้, ไม่ใช่เพราะพระเจ้าต้องการให้คุณอยู่ ณ ที่นั่นพระเจ้าไม่ต้องการให้คุณใช้ชีวิตแบบเนื้อหนังพระองค์ต้องการให้คุณมีชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณและมีสันติสุขในพระพรและผลประโยชน์ที่มาจากการสามัคคีธรรมกับพระเจ้า
ชาวอิสราเอล เข้าใจจุดมุ่งหมายของพระเจ้าผิดทำไมพระเจ้าส่งงู่พิษเข้ามาพระองค์ต้องการนำเขากลับมาหาพระองค์คุณเข้าใจไหมว่า พระเจ้าจะอนุญาติให้เราได้รับความทุกข์ในขณะที่เรากำลังเดินอยู่ในถิ่นที่มีอันตราย เพราะพระองค์รู้ว่าประสบการณ์ที่เจ็บปวดสามารถทำให้เราตื่นขึ้นเพื่อเราจะกลับไปหาพระองค์
ไม่ใช่เป็นการลงโทษที่แท้จริงของพระเจ้าแต่เป็นการตรัสกับเราว่า
จงกลับมาหาเรา(พระเจ้า)เจ้าอยู่แยกจากเรา(พระเจ้า)ไม่ได้ เจ้าจะถูกทำลายและนี่คือตัวอย่างของการทำลายที่มาถึงเมื่อเจ้าพยายามใช้ชีวิตที่ปราศจากเรา(พระเจ้า)
นี่เป็นแผนงานของพระเจ้าที่จะนำคุณกลับมาหาพระองค์ เพื่อคุณจะได้บังเกิดใหม่ในด้านจิตวิญญาณและมีชีวิตอยู่อย่างมหัสจรรย์ร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์
ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากพระเจ้า, ชาวอิสราเอลจะต้องตายอยู่ในถิ่นกันดารนั้นเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสองอาทิตย์ ไม่ต้องพูดถึงสี่สิบปีเลยในทำนองเดียวกันพระเจ้าค้ำจุนเราเมื่อเราเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดารในขณะนี้ถ้าไม่มีมือของพระองค์มาค้ำจุนเราเราจะไม่สามารถอยู่ได้ถึงห้าวินาที
คุณเป็นหนี้พระเจ้าในการเป็นอยู่ของคุณทุกอย่าง พระองค์ค้ำจุนคุณแม้คุณจะเป็นคนบาปสักเพียงไร
>>เพื่อคุณจะได้รู้จักความรักอันยิ่งใหญ่,ความห่วงใย,ความเอาใจใส่ดูแลของพระองค์ที่มีต่อคุณ >>เพื่อคุณจะได้บังเกิดใหม่ฝ่ายจิตวิญญาณและเข้ามาอยู่เต็มสามมิติดังที่พระเจ้าตั้งใจไว้ให้กับเราทุกคน
ในขณะนี้มีหลายคนที่กำลังเดินอยู่ในทางอันตรายซึ่งนำไปสู่ความหายนะทางจิตวิญญาณ ซึ่งอาจเป็นได้ คุณต้องกลับมาหาพระเจ้าก่อนที่คุณจะถูกทำลายด้วยความบาป
พระสัญญาอันมหัสจรรย์ของพระเจ้าคือ ถ้าคุณเชื่อในพระบุตรของพระองค์คุณจะไม่หายนะ แต่มีชีวิตนิรันดร์
การมีชีวิตนิรันดร์ไม่ใช่แต่แค่จำนวนปีเท่านั้น แต่เป็นชีวิตที่มีคุณภาพด้วยคุณรู้ไหมว่าจำนวนปีที่ไม่มีคุณภาพนั้น คือ ที่คุมขังในบึงไฟ
แต่ชีวิตในฝ่ายจิตวิญญาณจะให้คุณภาพของชีวิตซึ่งเหนือ กว่าชีวิตสัตว์(หรือร่างกาย) ที่มีตัวตนอยู่,เหนือกว่าความรู้สึกนึกคิดที่เรามีอยู่มาก
และนั่นคือชีวิตที่พระเจ้าทรงเรียกให้คุณมี คือ ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณเป็นชีวิตที่มีความสามัคคีธรรมกับพระองค์พระคัมภีร์กล่าวว่า จิตใจของฝ่ายเนื้อหนังคือความตาย,แต่จิตใจของฝ่ายจิตวิญญาณคือ ชีวิต, มีความสงบสุข และมีความปิติชื่นชมยินดี
นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้กับคุณ, ชีวิตนิรันดร์, สันติสุข, และปิติชื่นชมยินดีเป็นความปิติชื่นชมยินดีที่มาจากความสามัคคืธรรมกับพระเจ้าการรู้ว่าพระองค์สถิตอยู่กับคุณคือพระองค์อยู่ที่นี่กับคุณ,ทรงนำคุณ,คุณรู้ว่าทุกอย่าง อยู่ ในการควบคุมของพระเจ้า
มนุษย์บังเกิดใหม่ได้โดยเชื่อในความรักที่พระเจ้าให้พระ องค์ ให้โดยการให้อภัยต่อความบาปของคุณ, ความบาปที่พระเยซูทรงรับแทน
ดังนั้น, เมื่อคุณรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยและเชื่อว่าพระ องค์ตายแทนความบาปของคุณจึงมีการเกิดของจิตวิญ ญาณจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับมหัสจรรย์เกิดขึ้นภายในตัวคุณและทันใดนั้นคุณจะมีชีวิตเต็มขึ้นด้วยมิติอันใหม่คือจิตวิญญาณ
ซึ่งคุณไม่เคยฝันถึงและไม่เคยรู้จักว่ามีตัวตนมาก่อนเป็นความรุ่งโรจน์และน่าพิศวง และเกินกว่าทุกสิ่งที่คุณเคยประสบมาซึ่งเป็นการยากที่จะหยั่งรู้ได้
เปาโลกล่าวถึงประสบการณ์ฝ่ายจิตวิญญาณที่ท่านประสบว่า มหัสจรรย์มากและจะผิดอย่างมากถ้าพยายามใช้คำพูดมาอธิบาย(๒ โครินธ์ ๑๒ : ๔)ไม่มีภาษา ใดที่จะอธิบายสบประการณ์นี้ได้....พระเยซูตรัสว่า ถ้าคุณต้องการเห็นแผ่นดินสวรรค์ และคุณต้องการเข้าใจสิ่งเหล่านั้น, คุณต้องบังเกิดใหม่จะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าได้นั้น, คุณต้องบังเกิดใหม่
เพียงแค่มองที่พระเยซูคริสต์ พระองค์ตายแทนความบาปของคุณบนไม้กางเขนเชื่อในพระองค์ และเชื่อในความรักที่พระองค์มีต่อคุณการเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้น
ดังนั้น คำถามคือ คุณบังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณของพระเจ้าแล้วหรือยัง? ถัายังวิธีที่จะบังเกิดใหม่นั้นง่ายมากวันนี้คุณอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของคนสองกลุ่มซึ่งขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคุณกับพระเยซูคริสต์เจ้า คือคุณเชื่อและมองด้วยความเชื่อที่พระเยซูผู้ตายแทนคุณบนไ ม้กางเขน หรือ คุณจะใช้ชีวิตแบบเดิม
แต่ถ้าคุณมองที่ไม้กางเขนและเชื่อในผู้ซึ่งตายแทนความ บาปของคุณเมื่อนั้นแหละ คุณได้รับของขวัญจากพระเจ้าโดย คุณไม่ต้องเสียอะไรเลย (ฟรี)ของขวัญนั้น คือ ชีวิตนิรันดร์
ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่านครับ
Create Date : 21 มกราคม 2551 |
Last Update : 21 มกราคม 2551 14:57:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 550 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
ศรัทธาพลัง |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
ท่านทั้งหลายเคยได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า `ตาแทนตา และฟันแทนฟัน' ฝ่ายเราบอกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย ถ้าผู้ใดอยากจะฟ้องศาลเพื่อจะริบเอาเสื้อของท่าน ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาด้วย ถ้าผู้ใดจะเกณฑ์ท่านให้เดินทางไปหนึ่งกิโลเมตร ก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองกิโลเมตร ถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่านก็จงให้ อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่าน ท่านทั้งหลายเคยได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า `จงรักเพื่อนบ้าน และเกลียดชังศัตรู' ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน จงอวยพรแก่ผู้ที่สาปแช่งท่าน จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ปฏิบัติต่อท่านอย่างเหยียดหยามและข่มเหงท่าน จงทำดังนี้เพื่อท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์
|
|
|
|