"พญาตานี" ปืนใหญ่ใส่อดีตอันรุ่งเรืองของ กษัตริยาแห่งปัตตานี (2)


บัลลังก์เลือด


ลำดับวงศ์ในราชวงศ์ "ศรีวังสา" มีกษัตริย์ (ชาย) มาก่อน ๕ พระองค์ ก่อนจะเข้าสู่ยุคของราชินี (กษัตริย์หญิง) อีก ๓ พระองค์

กษัตริย์พระองค์แรกคือ สุลต่านอิสมาเอล ชาฮ์ ครองราชย์ระหว่างปี ๒๐๔๓-๒๐๗๓ ผู้ทรงสถาปนารัฐปัตตานีเป็นนครรัฐอิสลามในชื่อว่า "ปัตตานี ดารุสสลาม" (Patani Darus Salam) อันหมายถึงนครแห่งสันติ

กษัตริย์พระองค์ต่อมาเป็นพระราชโอรสของสุลต่านอิสมาเอล ชาฮ์ คือสุลต่านมุซาฟาร์ ชาฮ์ กษัตริย์ผู้โจมตีกรุงศรีอยุธยา ครองราชย์ระหว่างปี ๒๐๗๓-๒๑๐๗

ลำดับที่ ๓ คือสุลต่านมันโซร์ ชาฮ์ (Sultan Mansur Syah) ครองราชย์ระหว่างปี ๒๑๐๗-๒๑๑๕ โอรสองค์ที่ ๓ ของสุลต่านอิสมาเอล ชาห์ ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเชษฐา แม้ว่าสุลต่านมันโซร์ ชาฮ์ จะมีโอรสที่จะสืบราชบัลลังก์ต่อก็ตาม แต่ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ได้ทรงสั่งเสียกับบรรดาพระราชวงศ์ และขุนนางผู้ใหญ่ ว่าให้ยกราชสมบัติให้กับปาติก สยาม โอรสของสุลต่านมุซาฟาร์ ชาฮ์ แทนโอรสของพระองค์เอง จึงเป็นต้นเหตุแห่งบัลลังก์เลือดของปัตตานี

สุลต่านปาติก สยาม (Sultan Patik Siam) ครองราชย์ระหว่างปี ๒๑๑๕-๒๑๑๖ ได้พระนาม "สยาม" เพื่อเป็นที่ระลึกว่า พระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ที่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งขณะนั้นสุลต่านปาติก สยาม ยังอยู่ในพระครรภ์ของพระมเหสี แต่สุลต่านปาติก สยาม ซึ่งขณะครองราชย์มีพระชนมายุเพียง ๑๐ พรรษา ก็ถูก "พี่ชายต่างมารดา" คือราชาบามบัง (Raja Bambang) ลอบปลงพระชนม์ด้วยเหตุริษยา ส่วนราชาบามบังเองก็ถูกล้อมจับและถูกปลงพระชนม์เช่นเดียวกัน

ผู้สืบทอดบัลลังก์ปัตตานีองค์ต่อมาคือ สุลต่านบาฮาดูร์ ชาฮ์ (Bahadur Syah) โอรสของสุลต่านมันโซร์ ชาฮ์ ครองราชย์ระหว่างปี ๒๑๑๖-๒๑๒๗ แต่แล้วก็ถูกพระเชษฐา คือราชา บีมา (Raja Bima) โอรสของสุลต่านมันโซร์ ชาฮ์ ที่เกิดจากพระสนม ลอบปลงพระชนม์ ส่วนราชา บีมา ก็ถูกจับ และถูกปลงพระชนม์เช่นกัน

ปัตตานี ดารุสสลาม นครแห่งสันติ เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมต่อเนื่องกันเช่นนี้ ถึงกับทำให้หมดผู้สืบบัลลังก์ฝ่ายชาย ปัตตานีในสมัยต่อจากนี้จึงถูกปกครองโดย "กษัตริยา" ต่อเนื่องกันถึง ๔ พระองค์ ในระยะเวลา ๖๗ ปี ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของปัตตานี



นางพญาตานี

ราชินีปัตตานี ๓ พระองค์แรกคือ ราชินีฮีเยา (Raja Hijau) ราชินีบีรู (Raja Biru) และราชินีอูรู (Raja Ungu) ทั้ง ๓ พระองค์เป็นพี่น้องกัน และสืบราชสมบัติต่อเนื่องกัน ส่วนราชินีพระองค์สุดท้ายเป็นราชธิดาของ ราชินีอูรู มีพระนามว่าราชินีกูนิง (Raja Kuning) เอกสารบางฉบับระบุว่าราชินีฮีเยา บีรู และอูรู เป็นราชธิดาของสุลต่านมันโซร์ ชาฮ์ แต่บางฉบับระบุว่าเป็นราชธิดาของสุลต่านบาฮาดูร์ ชาฮ์

แต่เอกสารจากบันทึกของบริษัทอีสต์อินเดีย ซึ่งเขียนขึ้นในปี ๒๑๖๕ ได้กล่าวถึงราชินีเมืองปัตตานีในขณะนั้นว่า

"ปัตตานีเป็นอาณาจักรโบราณ แต่โดยปกติจะต้องถวายเครื่องราชบรรณาการแก่พระเจ้ากรุงสยาม ในขณะนั้นมีสตรีผู้หนึ่งเป็นผู้ครองนคร สตรีผู้นี้เป็นราชธิดาของผู้ครองเมืองปัตตานีองค์ก่อน ผู้ครองปัตตานีได้ถึงแก่พิราลัยได้ประมาณ ๓๐ ปีมาแล้ว แม้ว่าผู้ครองนครจะเป็นสตรีก็ตาม แต่ก็สามารถปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ชาวต่างประเทศที่เข้ามาพึ่งบรมโพธิสมภารอยู่เย็นเป็นสุขทั่วกัน" (บันทึกเรื่องสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับนานาประเทศ ในศตวรรษที่ ๑๗ เล่ม ๑, กรมศิลปากร, ๒๕๑๒)

แม้ว่าบันทึกนี้จะอยู่ในสมัยราชินีบีรู ซึ่งครองราชย์ระหว่างปี ๒๑๕๙-๒๑๖๗ แต่ "สตรี" ที่เอกสารนี้กล่าวถึงน่าจะหมายถึงราชินีฮีเยา ซึ่งปกครองปัตตานียาวนานถึง ๓๒ ปี คือระหว่างปี ๒๑๒๗-๒๑๕๙ ส่วน "ผู้ครองเมืองปัตตานีองค์ก่อน" ซึ่งครองราชย์เป็นลำดับก่อนหน้าราชินีฮีเยาก็คือ สุลต่านบาฮาดูร์ ชาฮ์ ราชินีทั้ง ๓ พระองค์ก็น่าจะเป็นราชธิดาของสุลต่านองค์นี้

ราชินีทั้ง ๔ พระองค์ทำให้ปัตตานีแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เป็นยุคที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศจนเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญในภูมิภาคนี้ ทำให้สยามมุ่งหวังที่จะครอบครองผลประโยชน์แห่งนี้เสมอมา ยุคนี้จึงทำให้ปัตตานีต้องทำสงครามกับสยามหลายครั้ง แต่กองทัพกรุงศรีอยุธยาก็ไม่สามารถปราบปัตตานีได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

การที่ปัตตานีจำเป็นจะต้องป้องกันตัวเองจากการรุกรานของกองทัพสยามและพันธมิตร จึงมีการก่อสร้างพระราชวังอย่างเข้มแข็ง และสร้างอาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุดในเวลานั้น คือปืนใหญ่ ซึ่งมีจำนวนมากพอที่จะยันกองทัพสยามไว้ได้ หลักฐานชิ้นสำคัญของปืนใหญ่อานุภาพสูงก็คือ ปืนพญาตานี เป็นปืนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งตั้งแสดงอยู่หน้ากระทรวงกลาโหมในปัจจุบัน

จาก ศิลปวัฒนธรรม วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2547 ปีที่ 25 ฉบับที่ 03
ปรามินทร์ เครือทอง



Create Date : 14 มีนาคม 2550
Last Update : 14 มีนาคม 2550 10:56:59 น.
Counter : 652 Pageviews.

5 comments
  
ฆ่ากันไปฆ่ากันมา
โอ้.. อำนาจ.. ได้มาเพื่ออะไร ??
แล้วทำไมต้องเป็นฉันมาเม้นท์เป็นคนแรกนี่
จะว่าเป็นเกียรติก็กระไรอยู่
โดย: ป้าขาโจ๋ IP: 122.27.177.148 วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:11:35:59 น.
  
--- เหอๆๆ มีอัพบล็อกแล้ววุ้ย
โดย: เหมียวหล่อ IP: 125.25.131.249 วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:11:36:48 น.
  
โอ้...เป็นอย่างนี้นี่เอง

แล้วตอนนี้ปัตตานีจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ?
โดย: MDICON (dakandatokaiyoi ) วันที่: 14 มีนาคม 2550 เวลา:13:10:52 น.
  



พาป้าอ้วนมาส่งเข้านอนอ่ะจ่ะ...

หลับฝันดีน้าคร้า...

"หลับได้เงินหมื่น ตื่นได้เงินล้านจ้า..."

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:0:21:03 น.
  
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him
โดย: da IP: 124.120.5.122 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:6:23:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เ จ้ า ช า ย น้ อ ย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]







มีนาคม 2550

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
MY VIP Friends