2018-04-17 Sonamarg นางเอกของทริป สถานที่ท่องเที่ยว : Sonamarg, India พิกัด GPS : 34° 18' 25.55"N 75° 16' 39.13"E *** กระทู้รีวิวหลักพันทิปตามลิงค์นี้https://pantip.com/topic/37616855 รีวิวแคชเมียร์ คู่มือวางแผน ฉบับพร้อมเดินทาง *** #วันนี้ไฟลท์บังคับต้องไป Sonamarg แล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องย้ายที่นอน ก่อนนอนเมื่อคืนร้อนใจนิดๆว่าทางไป Sonamarg จะเปิดหรือยัง ซึ่ง Ajaz แจ้งข่าวว่าเปิดแล้วไปได้ แค่นี้ก็สบายใจแล้ว ตามคำโฆษณาทั่วไปบอกว่า Sonamarg คือการไปชมแนวธารน้ำแข็ง Thajwas Glacier อายุพันปีและแสงอาทิตย์ที่สาดเข้าสู่ภูเขาสวยงามจนได้ชื่อว่าเป็น Meadow of Gold ดูจากรูปแล้วก็นึกไม่ค่อยออกหรอกว่าจะสวยอย่างไร รู้แต่ว่าของมันต้องไป . . . พยากรณ์ว่าไว้ว่าวันนี้จะมีฝนตกตลอดจนอากาศจะเปิดช่วงบ่ายสามเป็นต้นไป จากประสบการณ์เมื่อวานนี้ก็พบว่าพยากรณ์เชื่อถือได้ เราจึงไม่ต้องรีบร้อนออกจากบ้านเรือสบายๆราวสิบโมงได้ ระหว่างทางมีจุดพักรถให้แวะถ่ายรูปกับแม่น้ำ Sind ซึ่งเป็นสายเดียวกับธารน้ำแข็งละลายมาจาก Sonamarg นั่นเอง (พิกัด 34.274054, 74.807174) โชคดีเหลือเกินที่ฝนที่ตกตั้งแต่ออกเดินทางมาหยุดให้ช่วงนี้พอดี และตกลงมาซ้ำหลังจากเรากลับขึ้นรถ นี่ขนาดแค่น้ำจิ้มนะเนี่ย จัดกันทุกมุม... รูปสุดท้าย พบ กับสองมุสลิมสาว ขับรถทั้งหมดเกือบสามชั่วโมง ไปถึงราวๆบ่ายโมงกว่า ฝนยังตกอยู่นิดหน่อยและในใจก็คิดว่าอยากจะเริ่มเที่ยวซักบ่ายสามอยู่แล้ว จึงกินข้าวในโรงแรม Snow LandHotel ที่คนขับรถแนะนำ ร้านดีมาก ตบแต่งอย่างอบอุ่นด้วยไม้ คนขับรถแนะนำว่าให้รอคิวเถอะแม้ว่าคนจะเยอะเพราะอร่อยและสะอาดแตกต่างจากร้านท้องถิ่นอื่นๆที่ทานแล้วอาจจะอาเจียนได้ เห็นแกทำท่าให้ดูแล้วก็หมดคำถาม จริงอย่างว่า อาหารอร่อยจริงๆ บริการก็เยี่ยม มื้อเที่ยงนี้เรามี Veggie Biryani ข้าวผัดหรือที่เราเรียกข้าวหมกที่รสชาดเข้มข้นกว่าร้านอื่นๆมากนัก แกงสีเหลืองๆอีกจานคือ Chicken Makhani หรือที่อื่นๆอาจจะเรียกว่าButter Chicken นั่นเอง ไม่รู้เนยที่นี่อร่อยหรืออย่างไรแต่รวมแล้วมันอร่อยกว่าร้านที่เคยทาน และไฮไลท์เลยคือ Gushtaba เมนูพื้นเมืองเฉพาะแคชเมียร์ เอาเนื้อแกะมาทำลูกชิ้นแล้วใช้โยเกิร์ตเป็นส่วนผสมหลักของน้ำเกรวี่ ทำให้ออกใสและรสชาดเปรี้ยว ทานกับข้าว Biryani แล้วฟินสุด ของหวานที่บ้านเราไม่ค่อยรู้จัก กัปตันก็ยกออกมาให้ดูเลย เอาอันไหนให้เห็นกันไป ไม่ต้องเดา สรุปว่ากินทั้งสองแบบ . . . ในรูปจะเห็นป๊าไปยืนรอเฝ้าโต๊ะด้วยล่ะ :)
ออกจากร้านมาบ่ายสองครึ่งอากาศเริ่มดี คนขายม้าก็มารอหน้าร้านทันที ที่นี่มีบูทและโค๊ตให้เช่า บูตนี่แน่นอนว่าต้องใช้เพราะกลัวเลอะและลื่น แต่เสื้อโค๊ตนี่สองจิตสองใจ คิดว่าขึ้นไปเจอหิมะต้องหนาวเลยเช่าไปด้วย (ถึงแม้จะเก่าและไม่สวย) เริ่มขี่ม้าราว 3:15 ฝนเริ่มหยุดแล้วแม้จะมีเบาๆบ้างตอนขาเข้า คราวนี้จ้างคนถ่ายรูปด้วย ชายหนุ่มหน้าตาดีถือกล้องอาชีพที่เริ่มต้นเสนอแพคเกจขายเป็นรูป เป็นการ์ด ฯลฯแต่เราขอเหมาเลยให้ใช้กล้องเรากล้องเดียวเท่านั้น 1000รูปี เผื่อไว้ถ่ายดีค่อยทิปทีหลัง เส้นทางขี่ม้าเริ่มต้นจากเดินตามถนนไปเข้าทางดินที่อยู่ห่างออกไปสักห้าร้อยเมตร เมื่อผ่านจุดนี้เท่านั้นล่ะ ความสวยงามอย่างที่เคยจินตนาการถึงก็เริ่มกระแทกเข้ามาให้พวกเราจำเป็นต้องหยุดถ่ายภาพกันหลายจุดเหลือเกิน ทุ่งหญ้า เนินเขาสลับซับซ้อน ป่าสน ภูเขาหิมะ และม้า ช่างเป็นองค์ประกอบที่น่าประทับใจ
ม้าที่นี่ตัวค่อนข้างใหญ่และแข็งแรงกว่าที่ Yousmarg แม้ว่าบางตัวจะชำนาญเส้นทางกระทั่งเดินเลี้ยวนำไปก่อนได้แต่บางตัวก็ยังชอบมีเวย์ของตัวเองในการเดินออกนอกเส้นทางเช่นเคย เส้นทางราบ สลับกับเนินเล็กๆที่แอบมีความชันและแคบ ม้าพวกเราค่อยๆเดินผ่านไปทีละเนินละเนินอย่างละมุน จนมาหยุด ณ จุดหนึ่งที่มองเห็นธารน้ำแข็งด้านหลังอลังการ แต่งตัวกันแลคล้ายๆชาวมองโกลอยู่นะ...
ม้าไปหยุดที่ลำธารเพื่อให้เราลงเดินเท้าต่อขึ้นไปที่ธารน้ำแข็ง (ก็คือภูเขาหิมะนั่นล่ะ) . . . จังหวะเดินขึ้นก็จะลื่นๆหน่อย เนื่องจากเริ่มเข้าหน้าร้อน หิมะจึงไม่ได้เป็นปุยแต่ออกจะคล้ายเกร็ดน้ำแข็ง เดินขึ้นก็รู้สึกแปลกใจว่าเหนื่อยง่ายนะ อ้อ เราอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลตั้งหลายหมื่นฟิตนี่นา (ยอดของ Sonamarg คือ 18950 Feet, หรือราวๆ 6000เมตรเชียวนะ มันคือส่วนปลายๆของเทือกเขาหิมาลัย) . . .
พวกเราขึ้นไปเล่น Glider หรือลากเลื่อน ตอนแรกแอมจะไม่เล่นแต่สุดท้ายก็ยอม ต่อราคาไปมาได้มาที่คนละ 1000 รูปี . . . แต่ลากๆไปก็มีคนมาขอช่วยดันหลังอีกคนละ 100รูปี ตอนแรกไม่เอาๆแต่เห็นคนลากแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เข่างอขางอแลดูหมดแรง เราถึงกับต้องยอมกันไปให้ผู้ช่วยมาช่วยดัน คราวนี้ทั้งคนลากคนดันหลังก็ประสานงานกันดี ให้ซุ่มเสียงกันเป็นจังหวะ
ลากขึ้นมาจนได้ความสูงระดับหนึ่งที่เริ่มชันมากก็ให้เดินต่ออีกนิด ณ จุดนี้วิวโดยรอบสวยงามและใหญ่โตอย่างบอกไม่ถูก เราดูเหมือนจะเป็นแค่เศษเล็กน้อยเท่านั้นของธรรมชาติโดยรอบ งานเล่นหิมะก็มา... จะให้หิมะแตกกระจายก็ต้องฝึกนิสนึง... หมุนๆถ่ายไปทุกๆมุม ทุกองศา... ยังไม่หมด... เราถ่ายรูปด้านบนเล่นกันพอสมควร เมื่อพร้อมแล้ว เลื่อนของแอมถูกปล่อยก่อน ตามด้วยชุน ป๊าตามมาด้วยความเร็วสูง และสุดท้ายหรือม๊า ทุกคนเห็นพ้องกันว่ามันส์ดี ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ขาออกขี่กันชิลล์ๆ ม้าค่อยๆเดิน แดดระเรื่อๆเริ่มส่องแสง เมฆก้อนใหญ่ที่ปกคลุมมาทั้งวันเริ่มกระจายตัวออกบ้างพอให้เราเห็นยอดเขาสีทองตามชื่อ Meadow of Golden และที่ลืมไม่ได้คือไม่ว่าจะขี่ม้ายากแค่ไหน หมะม๊าก็ยังถ่ายเซลฟี่จากหลังม้าได้สบาย และแล้วก็ถึงทางออก แวะถ่ายรูปกับกัปตันร้านอาหารและช่างภาพประจำทริปของเราสักเล็กน้อย ด้วยความที่รูปสวยอย่างแรงทิปช่างภาพจึงสวยตามไปด้วย เรากลับกันราว 5:30 ถึงบ้านเรือเกือบ2 ทุ่ม รีบกินข้าวเลย วันนี้อาหารพิเศษจากพ่อบ้านตามที่ขอไว้ ได้แก่ Lamb Roganjosh แกงแพะสไตล์แคชเมียร์, Palak Paneer ที่เป็นคอตเทจชีสโฮมเมด อิ่มเปรมกันไป พรุ่งนี้ออกเดินทางสู่เมืองกุลมาร์กกัน... แน่นอนว่าไม่ต้องรีบ ทริปนี้ชิลล์ . . .
สวยมากค่ะ
โดย: ศิริลักษณ์ จาดเอี่ยม IP: 223.205.141.103 วันที่: 9 มีนาคม 2562 เวลา:18:37:24 น.
|
Littleitim
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
สืบเรื่องจากวันที่ผ่านมา บอกว่าม้าหันข้างลำบาก ต้องกลับตัวเยอะ ผลพลอยได้คือรูปก็มีสไตล์สวยๆได้อีกหลายมุมข้างของม้า
นอกจากความสวยงามของธรรมชาติ
ความสุขของคำว่าครอบครัวมันแฝงในรูปภาพที่โชว์ด้วย เชื่อว่าทุกครั้งที่ย่อนกลับมาดู จะได้รับความสุขใจ
ความอยากไปบังเกิดแล้ว