กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
7 กันยายน 2555

ย้อนอดีต "เมืองโบราณ"


ย้อนอดีตไปเที่ยว"เมืองโบราณ" ขอเกริ่นก่อน
สำหรับตัวเองชอบที่นี้มาก ไปที่เดียวคุ้ม ถ้ามีใครมาถามว่า มีญาติมามีเพื่อนมาจากตจว.หรือ ตปท. ไม่รู้จะพาไปเที่ยวไหนดี จะแนะนำที่นี้เสมอตอนเด็กๆพ่อแม่พาไปบ่อยแต่ตอนนั้นจำอะไรไม่ได้ จำได้แต่มีรูปปั้นม้าอยู่ในน้ำและรู้สึกมันร้อนๆแห้งๆ หลายปีผ่านไป มีพี่ที่ทำงานชวนไป ก็ไปแบบงั้นๆไม่ได้รู้สึกอะไรในตอนแรก สนิทกับพี่กับเพื่อนเป็นแบบไปไหนไปกัน พอไปจริงความรู้สึกทุกอย่างเปลี่ยนหมดความยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้าง สถานที่ทุกอย่างสร้างแบบถาวร งดงาม อ่อนช้อย ไม่ใช่ทำให้เพื่อถ่ายรูปแล้วแค่ดูสวยเท่าที่ดูอนุญาตให้เข้าชมได้หมด จับได้สัมผัสได้ โต๊ะเก้าอี้ก็นั่งได้ ใช้งานได้จริง บ้านเรือนไทยก็ขึ้นได้ มีเฟอร์ตั้งให้ดูว่าวิถีชีวิตคนไทยแบบเก่าเป็นยังไง วิหารแต่ละหลังไม่ต้องพูดถึงมูลค่านับไม่ได้ สถานที่แต่ละแห่งไม่เคยรู้ประวัติประทับใจจนกลับมาหาข้อมูล ยิ่งอึ้งและประทับใจ เห็นถึงความตั้งใจจริงของผู้สร้างขอบคุณที่ตั้งใจทำ สถานที่หลายแห่งของจริงไม่อยู่แล้วสูญสลายตามกาล และเหตุ หากของจำลองที่สร้างขึ้นช่วยให้เราจินตนาการสิ่งที่เป็นได้ไม่อยาก รูปอาจไม่เยอะเพราะแบตหมดไปก่อนบางสถานที่เกี่ยวกับตัวบุคคล อาจใช้คำศัพท์ไม่ถูกต้องเหมาะสม ต้องขออภัยไว้ก่อนยิ่งราชาศัพท์เนี่ย จะอธิบายตามความเข้าใจของตัวเองที่หาข้อมูลมา อ่านเล่นเหมือนเพื่อนเล่าสู่กันฟังนะคะ

เงยหน้าขึ้น เห็นโคมไฟและลวดลายบนเพดาน ภายในพระที่นั่ง ขนาดไม่มีไฟยังรู้สึกว่าเจิดจรัสใช้คำนี้ได้ไหม ลายละเอียดต่างๆ ไม่เหมือนของจริงย่อส่วนลงเป็น 3.5 เท่าจากของจริงสวยงามอลังการ องค์จริงอยู่ในพระบรมมหาราชวังใครไปวัดพระแก้ว อาจเคยเห็น เคยใช้เป็นที่ตั้งพระบรมศพของเจ้านายหลายพระองค์เจ้าของเมืองโบราณ คือกลุ่มลูกหลานตระกูล"วิริยะพันธ์" เจ้าของวิริยะประกันภัย เห็นงานก่อสร้างแล้ว ต้องขอชื่นชมมันไม่ใช่ใครๆก็ทำได้แล้ว นอกจากมีเงินแล้วต้องมีใจด้วย


วิหารพระศรีสรรเพชญ จำลองจากซากปรักหักพังที่อยุธยา ประวัติกล่าวไว้ว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่2 ทรงสร้างพระวิหาร ทรงหล่อพระพุทธรูป ยืนสูง 8วา (ประมาณ 16 เมตร)หุ้มด้วยทองคำหนัก 286 ชั่ง(ประมาณ 171 กิโลกรัม)ประดิษฐานไว้ในวิหาร ถวายพระนามว่า พระศรีสรรเพชญดาญาณซึ่งภายหลังเมื่อเสียกรุง พ.ศ. 2310 พม่าได้เผาลอกทองคำไปหมดและองค์พระพังยับเยิน
รัชกาลที่ 1จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาประดิษฐานในวัดพระเชตุพน(วัดโพธิ์)และ บรรจุชิ้น ส่วนซึ่งบูรณะไม่ได้เหล่านั้นไว้ในเจดีย์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นแล้วพระราชทาน ชื่อเจดีย์ว่าเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ  ฟังแล้วเศร้าเนอะ ถ้าพระยืนทองคำองค์นี้ยังอยู่เราคงนึกภาพความเจริญในสมัยอยุธยาออกแน่เลย คนสมัยก่อนมีศรัทธาในพระพุทธศาสนามากอย่าโกรธที่เขามาเผาเรา เราเองก็เผาเขามาไม่น้อยใครอ่านประวัติศาสตร์ลาว จะรู้ สมัยก่อนคงเป็นแบบนั้นใครชนะจะเผาบ้านเผาเมืองอีกฝ่าย เพื่อตัดกำลัง


พระตำหนักเรือนต้น องค์จริงอยู่ในพระบรมมหาราชวังพระราชวังดุสิตอยู่เยื้องกับวิมานเมฆ เคยเห็นของจริงๆแบบไกลๆเพราะตอนนั้นเขาไม่ให้เข้า ของจริงสร้างในสมัย ร.5เนื่องจากมีหมอดูทักว่า ช่วงนั้นท่านดวงไม่ดีไม่ควรใช้ชีวิตอย่างกษัตริย์ ท่านจึงให้สร้างตำหนักเรือนต้นขึ้นใช้ชีวิตเหมือนกับชาวบ้านธรรมดา เคยเห็นภาพท่านนั่งอยู่หน้ากระทะใบใหญ่ๆไหมท่านกำลังทอดปลาทู ภาพนั้นถ่ายที่พระต้ำหนักเรือนต้นนั้นแล


เดินเลยไปอีกนิด จะเจอพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท องค์จริงไม่มีแล้วถูกเผาทำร้ายในคราวเสียกรุงฯองค์นี้ เป็นการจำลองแบบ สร้างขึ้นจากหลักฐานเก่าที่เหลือไว้บวกกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์อื่นๆ มารวบรวมและสร้างขึ้นใหม่


ภายในพระที่นั่งสรรเพชรปราสาท กว้างใหญ่ ไม่เปิดไฟเช่นกัน อาศัยแสงเข้าทางช่องหน้าต่างและ ลมเย็นพัดถ่ายเทตลอด นี่น่าจะเป็นการตบแต่งในแบบเดิมที่มีมาแต่แรก เพราะเดินไปอีกด้านเห็นมีกำลังปรับปรุงอยู่


เงยหน้ามองขึ้นไป เห็นด้วยภาพได้แค่นี้ ถ้าไปเห็นด้วยตา จะเห็นถึงความยิ่งใหญ่นับถือคนสร้างจริงๆ จำลองจากซากที่เหลืออยู่ สร้างได้ใหญ่โตไม่รู้ว่าหลังนี้ต้องใช้เงินกี่สิบล้านถึงจะสร้างได้


อีกด้านหนึ่งกำลังปรับปรุงอยู่ คาดว่าคงทำใหม่ ไฉไลกว่าเดิมน่าจะทำจากด้านนี้ก่อน เพราะรู้สึกว่าจะสร้างอลังการกว่าอีกด้านที่เป็นท้องพระโรงรูปก่อนหน้า ทำด้านนี้เสร็จคงไปทำอีกด้านที่ผ่านมายังทำไม่เสร็จ แต่รู้สึกแสบตา สีทองสะท้อนไปทั่ว


ด้านหน้ามีพระแม่ธรณีบีบมวยผม ใช่หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ชอบภาพนี้นะ ได้อารมณ์ดีตอนลงรูปเสริชหาดนตรีไทยฟังไปด้วย (ปกติไม่ฟังนะรู้สึกช้าเกิน) นอกจากเห็นภาพว่าสวยแล้ว ตอนที่ไปบรรยากาศครึ้มๆอากาศมันก็เย็นๆ  คนก็น้อย ยิ่งมารู้ประวัติ ว่าครั้งหนึ่งสิ่งที่เราเห็นตรงหน้าเคยมีอยู่จริง แต่ต้องมลายหายสูญไปในสงครามมันเศร้าจัง แต่ไม่โกรธไม่แค้น คิดว่าทุกอย่างผ่านมาแล้วผ่านไปเกิดขึ้นเพราะมีเหตุ


ย้อนกลับเข้าไปในพระที่นั่งใหม่ มองจากมุข หรือจะต้องเรียกว่าระเบียงจะเห็นคุ้มขุนแผน  จำลองเรือนไทยภาคกลาง สร้างได้ใหญ่โตดี  ร่มรื่นอยากมีอย่างนี้สักหลังทำไง ช่วยบอกหน่อย


จากระเบียงพระที่นั่งเหมือนกัน มองเลยไปอีกหน่อย จะเห็น พระตำหนักคำหยาด อ่างทองใครเคยฟังเรื่องเจ้าฟ้าอุทุมพรบ้าง ที่เรียกว่า "ขุนหลวงหาวัด" ไม่เล่านะยาวใครอยากรู้ถามgoogle เอา ลองหาอ่านดูดิมันส์ดีเหมือนกัน (อันนี้ไม่แน่ใจเรื่องสถานที่ เพราะมองจากพระที่นั่งสรรเพชญอยู่เลยคุ้มขุนแผนไปหน่อย ลองดูในแผ่นที่ บอกว่าเป็นพระตำหนักคำหยาดก็ลองหาข้อมูลดู ทราบว่าองค์จริงคาดว่าจะสร้างในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงโปรดให้สร้างขึ้น เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของพระชายาสองพระองค์ หนึ่งในนั้นคือพระมารดาของเจ้าฟ้ากุ้ง(เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร) ,เจ้าฟ้าเอกทัศน์,เจ้าฟ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด) ภายหลังเจ้าฟ้ากุ้งถูกลงพระราชอาญา เนื่องจากพระบิดาจับได้ว่ามีความสัมพันธ์กับนางสนมของพระองค์ ถูกโบยและทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงสิ้นชีพ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสียพระทัยมาก เนื่องจากเป็นพระโอรสที่ทรงรัก จึงโปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุพระอัฐิเจ้าฟ้ากุ้งไว้ที่วัดไชยวัฒนาราม


ออกจากพระที่นั่งสรรเพชญมาไม่นานก็เจอ เหมือนบ้านไทย เดินตามทางตรงไปจะมีสะพานข้ามน้ำเดินข้ามไปเป็นหอพระแก้ว บ้านหลังนี้จึงอยู่ติดริมน้ำถ้าไปอีกทางจะไปพระบาทสระบุรี เห็นด้านขวาไหม เหมือนศาลาไม้เล็กๆไปดูกันเป็นอะไร


ศาลาไม้ที่เห็นตอนแรก เดินเข้ามาเจอ เป็นศาลพระสังกัจจายน์ท่านยิ้มดูใจดี ก็เลยขอพรสักหน่อย ตลอดเวลาที่เดินนี่แดดร่มลมตก มีลมพัดเอื่อย พร้อมฝนบางครั้ง เพิ่มเติมเล็กน้อย พระสังกัจจายน์ เป็นพระอรหันต์ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีกายที่งดงามมาก มีความเป็นเลิศทางอธิบายธรรมเคยอ่านนานมาแล้วถ้าเข้าใจผิดของอภัยนะคะ รบกวนแก้ไขให้ด้วยอธิบายตามความเข้าใจของตัวเอง คือว่าพระพุทธองค์เทศน์โปรดแล้วเหล่าสาวกไม่เข้าใจ ก็จะไปหาพระสังกัจจายน์โดยเล่าให้ท่านฟังว่าพระพุทธองค์ตรัสว่าอย่างนี้ อย่างนี้ พระสังกัจจายน์แม้ไม่ได้อยู่ในขณะนั้นด้วยก็จะอธิบายคำสอนของพระพุทธองค์ว่า ท่านเข้าใจว่าแบบนี้ เหล่าสาวกเมื่อได้ความแล้วก็กลับไปทูลถามว่าที่พระสังกัจจายน์นั้นอธิบายถูก ต้องตามที่พระพุทธองค์ตรัสหรือไม่พระพุทธองค์ก็ตัดรับรองว่าถูกต้อง และเนื่องจากมีกายที่งามทำให้คนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นพระพุทธองค์ กอปรกับมักมีอิสตรีมารุมล้อมทำให้ทางหน่ายในความงามนั้น จึงเนรมิตกายให้มีร่างกายอ้วนท้วน เพื่อมิให้เหล่าสตรีทั้งหลายมาพึ่งใจในตัวท่าน และมิให้เข้าใจผิดว่าท่านเป็นพระพุทธองค์ประมาณนี้นะคะ


บ้านเรือนไทยที่เห็นตอนแรก เดินเข้าไปดูได้แต่เหมือนเป็นสำนักงานอะไรสักอย่างก็เลยดูผ่านๆ

กลับออกมาเจอป้าย เป็นมูลนิธิของผู้ก่อตั้งนี้เอง

ย้อนเดินกลับมาอีกทาง เป็นพระบาทสระบุรี

เอาแข่งกันใครถึงก่อน

พระพุทธบาทจำลอง

พระนอนบริเวณพระพุทธบาท




Create Date : 07 กันยายน 2555
Last Update : 7 กันยายน 2555 13:19:07 น. 1 comments
Counter : 2905 Pageviews.  

 


โดย: Kavanich96 วันที่: 8 กันยายน 2555 เวลา:5:04:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายลมยามค่ำคืน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]




แบ่งปันเรื่องราว เล่าสู่กันฟัง
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง และโปรดใช้ถ้อยคำสุภาพในการแสดงความคิดเห็น
New Comments
[Add สายลมยามค่ำคืน's blog to your web]