ไดอารี่ คนตกงาน โดย เลขาฯ ตัวแสบ! ตอนที่ 4: คนว่างงานกับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคม
หลังจากที่ทำใจยอมรับกับสภาพ คนตกงาน ที่ฉันไม่เต็มใจและไม่ได้เป็นผู้กระทำเองโดยตรง ฉันได้เขียนและทบทวนรายการกิจกรรมที่จะต้องดำเนินการในช่วงตกงานเรียบร้อยแล้ว จึงนึกถึงสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับจากประกันสังคมที่ฉันได้ส่งเงินสมทบมานานถึงกว่า 7 ปี ตอนนี้ได้เวลาเอาคืนบ้างล่ะ
วันนั้นฉันเดินทางไปสำนักงานประกันสังคมที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อแจ้งเรื่องการว่างงาน ฉันเดินทางไปโดยไม่ได้ศึกษาว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรไปบ้าง เนื่องจากคิดเอาเองว่าปัจจุบันการทำธุรกรรมใด ๆ กับทางราชการ สามารถใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวก็ใช้ได้แล้ว
แต่เมื่อไปถึงสำนักงานประกันสังคมและแจ้งความจำนงค์เรื่องการขึ้นทะเบียนคนว่างงาน เจ้าหน้าที่บอกว่าการขึ้นทะเบียนคนว่างงานต้องไปขึ้นที่สำนักงานจัดหางานของรัฐ ไม่ใช่ที่สำนักงานประกันสังคม
เจ้าหน้าที่บอกว่าเมื่อขึ้นทะเบียนคนว่างงานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐเสร็จแล้ว ทางสำนักงานจัดหางานของรัฐก็จะส่งเรื่องต่อไปให้สำนักงานประกันสังคม เพื่อทำเรื่องโอนเงินที่เป็นประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานตามสิทธิ์ โดยการโอนเข้าบัญชีของผู้ประกันตนฯ ภายใน 5 วัน นับจากวันที่กลับไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานเมื่อครบเดือนหลังวันที่ไปขึ้นทะเบียน
เช่นไปขึ้นทะเบียนในวันที่ 1 พฤศจิกายน จะต้องกลับไปรายงานตัวตามวัน 1 เดือนถัดไปคือ 1 ธ.ค. พร้อมกรอกแบบรายงานผลการหางานทำของผู้ประกันตนกรณีว่างงาน รวมทั้งรายละเอียดการหางานทำในรอบการรายงานตัวครั้งที่ผ่านมา
เมื่อไปรายงานตัวในวันที่ 1 ธ.ค. แล้วภายใน 5 วันหลังจากนั้นทางสำนักงานประกันสังคม จะโอนเงินเข้าบัญชีตามรายละเอียดบัญชีที่ผู้ประกันตนฯ ให้ไว้ในวันขึ้นทะเบียนกับสำนักงานจัดหางาน
เจ้าหน้าที่อธิบายเสร็จได้มอบแผ่นพับพร้อมรายละเอียด เป็นอันว่าฉันต้องหอบสังขาร (ที่เริ่มจะร่วงโรย) ไปสำนักงานจัดหางานเขตพื้นที่ที่สะดวก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้รายชื่อสำนักงานจัดหางานของรัฐที่มีอยู่ทุกแห่งมาด้วย เป็นรายชื่อสำนักงานจัดหางานของรัฐที่สามารถเลือกได้ตามความสะดวกในการเดินทางพร้อมแผนที่
ดังนั้นภายใน 30 วันที่ว่างงานท่านผู้อ่านสามารถไปขึ้นทะเบียน ณ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพที่ใดที่หนึ่งใน 10 แห่งต่อไปนี้ได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาไปสำนักงานประกันสังคม...
สำนักงานจัดหางานของรัฐที่มีอยู่ทั้งหมด 10 แห่งประกอบด้วย
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 1 ป้อมปราบศัตรูพ่าย พระนคร สัมพันธวงศ์ อาคารกรมสวิสดิการและคุ้มครองแรงงาน (เก่า) ภายใน กระทรวงมหาไทย ถ. เฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทร. 02 223 2684-5
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 2 จตุจักร บางเขน ดอนเมือง บางซื่อ หลักสี่ 6 ถ. รัชดาภิเษก ซ. รัชดาภิเษก 70 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพ 10800 โทร. 02 910 0945, 02 910 1180
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 3 ดินแดง พญาไท ราชเทวี ห้วยขวาง 19 อาคารพงษ์สุภี ชั้น 2 ถ. วิภาวดี-รังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 02 617 9566-9
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 4 บางรัก ปทุมวัน ยานนาวา สาทร บางคอแปลม 438/115 ซ. จันทร์ 47 ถ. จันทน์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 โทร. 02 2118167, 02 211 9584
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 5 ธนบุรี คลองสาน บางกอกใหญ่ บางกอกน้อย บางพลัด ศูนย์การค้าพาตาปิ่นเกล้า ชั้น 4 125 ถ. สมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 โทร. 02 434 6578
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 6 ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางแค ภาษีเจริญ หนองแขม ศูนย์การค้าฟิวเจอร์ปาร์คบางแค ถ. เพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 10160 โทร. 02 454 2203
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 7 จอมทอง ทุ่งครุ บางขุนเทียน บางบอน ราษฏร์บูรณะ 48/45-1 ถ. สุขสวัสดิ์ เขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10150 โทร. 02 427 4327
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 8 คลองเตย บางนา ประเวศ พระโขนง วัฒนา สวนหลวง 119 ม. 8 อาคารบางนาธานี ชั้น 4-5 ถ. บางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทร. 02 398 6630, 02 398 7477, 02 398 7615-6
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 9 คันนายาว บางกะปิ ลาดพร้าว วังทองหลาง บึงกุ่ม 123/708-710 ซ. นวมินทร์ 9 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02 509 2590, 02 510 7876, 02 509 7944-5
สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 10 คลองสามวา มีนบุรี ลาดกระบัง สะพานสูง หนองจอก สายไหม 555/29-33 ม. 13 ถ.สีหบุรานุกิจ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 10510 โทร. 02 540 7004, 02 540 7005, 02 540 7008-9
หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทนซึ่งประกอบด้วย
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส. 2-01/7) - บัตรประจำตัวประชาชน - รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว 1 ใบ - หนังสือรับรองการออกจากงานหรือสำเนาแบบแจ้งการลาออกจากงาน ของผู้ประกันตนออกจากงานของผู้ประกันตน (สปส. 6 -09) กรณีที่ไม่มีสำเนา สปส.6-09 ก็สามารถไปขึ้นทะเบียนกรณีว่างงานได้ - หนังสือหรือคำสั่งของนายจ้างให้ออกจากงาน (ถ้ามี) - สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ประกันตน
**แต่ฉันนำเพียงบัตรประชาชน รูปถ่ายและสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารก็ใช้ได้แล้ว**
ก่อนเดินทางไปสำนักงานจัดหางานฉันได้แวะกลับบ้านเพื่อหารูปสวย ๆ พร้อมถ่ายสำเนาสมุดเงินฝาก เมื่อไปถึงสำนักงานจัดหางานฉันพบคนทำงานระดับคนงานประจำโรงงานจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างจังหวัดเพราะมีกระเป๋าเสื้อผ้าและสพายเป้ยืนออกันหน้าสำนักงานฯ มากกว่าจำนวนคนทำงานประจำออฟฟิศจนฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนทำงานออฟฟิศคนเดียวที่ไปขึ้นทะเบียน รู้สึกอายและเขิน ๆ ที่ต้องกลายเป็นคนตกงานไปแล้วยังไงไม่รู้!
เมื่อเข้าไปภายในสำนักงานฯ ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักมีการตกแต่งแบบเรียบ ๆ แต่ติดแอร์เย็นสบาย เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้วยการนำเอกสารมาให้กรอก จากนั้นนั่งคอยประมาณ 15 นาทีเจ้าหน้าที่ก็เชิญไปสัมภาษณ์ พร้อมกับกรอกข้อมูลจากเอกสารของฉันลงในฐานข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ และถามข้อมูลเพิ่มเติมไปพิมพ์ไปโดยแสดงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เห็นเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
รู้สึกทึ่งกับความทันสมัยของการทำงานของทางาชการในยุคนี้เป็นอย่างมาก ฉันใช้เวลากับสำนักงานจัดหางานแห่งนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง และกลับบ้านพร้อมกับใบนัดรายงานตัวของผู้ประกันตนกรณีว่างงาน ที่มีรายการนัด 3 ครั้งในเดือนธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ในกรณีลาออกเอง (แต่การลาออกเองของฉันในครั้งนี้เป็นการออกแบบไม่สมัครใจ)
นอกจากนั้นก็มีแบบฟอร์มแบบรายงานผลการหางานทำของ(ุ้ประกันตนกรณีว่างงาน แบบฟอร์มรายละเอียดการหางานทำในรอบการรายงานตัวครั้งที่ผ่านมาและ แบบฟอร์มการขอแจ้งการได้งานทำซึ่งทั้งหมดจะต้องนำไปพร้อมบัตรประชาชน ในวันที่ไปรายงานตัวนัดแรกและนัดต่อ ๆ ไป
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่รวบรวมมาให้สำหรับท่านผู้อ่านที่กำลังจะตกงานหรือตกงานแล้วเช่นเดียวกับฉัน...
**การขึ้นทะเบียนประกันตนกรณีว่างงาน**
1. ผู้ประกันตนฯ ที่ขึ้นทะเบียนภายใน 30 วันจะได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเต็มตามสิทธิ์ 2. ผู้ประกันตรฯ ที่ขึ้นทะเบียนช้ากว่ากำหนด จะได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานลดลง
กรณีลาออก ผู้ประกันตนฯ จะได้รับประโยชน์ทดแทนฯ จำนวน 90 วัน และต้องไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ 3 ครั้งหรือตามระยะเวลาที่เหลือ
กรณีถูกเลิกจ้าง ผู้ประกันตนฯ จะได้รับประโยชน์ทดแทนฯ จำนวน 180 วัน และต้องไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ 6 ครั้งหรือตามระยะเวลาที่เหลือ
การรายงานตัว ให้ผู้ประกันตนฯ นำใบนัดรายงานตัวพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนไปรายงานตัว ณ สถานที่ที่ขึ้นทะเบียนตามกำหนด (สำนักงานจัดหางานที่ไปขึ้นทะเบียนวันแรก) หากมีเหตุจำเป็นสามารถรายงานตัวล่วงหน้าได้ 3 วันทำการ
ผู้ประกันตนฯ สามารถรายงานตัวตามกำหนดเวลาได้ ณ สำนักงานจัดหางานของรัฐทุกแห่ง หลังจากรายงานตัวแล้ว 5 วันทำการ สำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินเข้าบัญชีของท่าน หากได้รับเงินช้ากว่ากำหนดให้ผู้ประกันตนฯ ติดต่อสอบถามที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 6340251-2
หมายเหตุ ในระหว่างใช้สิทธิ์หรือรอวันนัดรายงานตัวผู้ประกันตนฯ จะต้องพยายามและมุ่งมั่นในการหางานทำ โดยการนำหลักฐานการสมัครงาน (ผต. 3, ผต 5) ไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง (การไม่พยายามหางานทำอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการรับประโยชน์ได้)
สปส. 02-294 5160, 02 294 5958 ต่อ 201-207 สำนักงานประกันสังคมกระทรวงแรงงาน E-mail: info@sso.go.th Website: //www.sso.go.th
หลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์
หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ คือ จ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีว่างงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน เงื่อนไขการเกิดสิทธิ
1. ต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วันนับแต่วันที่ ว่างงาน โดยไม่ต้องรอหนังสือรับรองการออกจากงาน เพื่อเป็นการแสดงสิทธิ์ในเบื้องต้น
2. มีความสามารถในการทำงาน และพร้อมที่จะทำงานที่เหมาะสมตามที่จัดหาให้
3. ต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงาน
4. ต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่สำนักจัดหางาน ไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง
5. ผู้ที่ว่างงานต้องไม่ถูกเลิกจ้างเนื่องจากกรณี - ทุจริตต่อหน้าที่ - กระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง - จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย - ฝ่าฝืนข้อบังคับ หรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฏหมายในกรณีร้ายแรง - ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันควร - ประมาทเลินล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง - ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา
6. ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
7. มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 นับแต่วันว่างงานจากการทำงานกับนายจ้างรายสุดท้าย
8. ไม่เป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 สิทธิที่ท่านจะได้รับประโยชน์ทดแทน
กรณีถูกเลิกจ้าง - ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
กรณีสมัครใจลาออก - ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้าง โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท หากใน 1 ปีปฏิทินมีการยื่นขอรับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานเกินกว่า 1 ครั้ง ให้นับระยะเวลาการรับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานรวมกันไม่เกิน 180 วัน เงินทดแทนการขาดรายได้จะจ่ายเป็นงวดเดือน โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารตามที่ผู้ประกันตนแจ้ง
ขั้นตอนและวิธีการขอรับประโยชน์ทดแทน
1. ต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่สำนักจัดหางาน กรมการจัดหางาน
2. กรอกแบบฟอร์มใบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงาน พร้อมด้วยหลักฐานดังนี้
- บัตรประชาชน - รูปถ่าย 1 นิ้ว 1 ใบ
3. กรอกแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน พร้อมด้วยหลักฐานดังนี้ - หนังสือรับรองการออกจากงาน หรือสำเนาแบบแจ้งการออกจากงาน (สปส 6-09) หรือ - หนังสือหรือคำสั่งของนายจ้างที่ให้ออกจากงาน - สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชี
4. เจ้าหน้าที่สำนักจัดหางานทำการสัมภาษณ์/ตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติการทำงาน
5. เจ้าหน้าที่สำนักจัดหางานทำการเลือกตำแหน่งงานว่างให้เลือก 3 แห่ง ให้ผู้ประกันตนกรณีว่างงานได้พิจารณา
6. หากยังไม่มีงานที่เหมาะสม เจ้าหน้าที่สำนักจัดหางานจะประสานงานส่งฝึกอบรมแรงงานตามความจำเป็น แต่หากผู้ประกันตนกลับเข้าทำงานในสถานประกอบการ หรือปฏิเสธงานหรือปฏิเสธการฝึกงานที่จัดหาให้ และไม่ไปรายงานตัวตามที่กำหนด สำนักงานประกันสังคมจะงดจ่ายประโยชน์ทดแทนทันที
7. เจ้าหน้าที่จะทำการบันทึกสถานะผู้ประกันตนกรณีว่างงานเข้าสู่ฐานข้อมูลกลาง
8. เจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมดึงข้อมูลผู้ประกันตนกรณีว่างงานขึ้นมาวินิจฉัยตามเงื่อนไขการเกิดสิทธิ
9. เมื่อคุณสมบัติครบถ้วน สำนักงานประกันสังคมทำการโอนเงินทดแทนการขาดรายได้ตามสิทธิให้ผู้ประกันตน ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน เดือนละ 1 ครั้งผ่าน 8 ธนาคารได้แก่
ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (เริ่มใช้ 1 ตุลาคม 2549) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (เริ่มใช้ 1 มกราคม 2550)
10. หากผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนไม่พอใจคำสั่งจ่ายประโยชน์ทดแทน สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
หลังจากฉันไปขึ้นทะเบียนคนว่างงานกับสำนักงานจัดหางานเรียบร้อยแล้ว วันรุ่งขึ้นมีบริษัทโทรศัพท์เข้ามือถือฉัน 3 รายการเพื่อนัดสัมภาษณ์ ตอนแรกฉันรู้สึกงงว่าฉันยังไม่ได้สมัครงานที่ไหนทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่า ได้รายละเอียดของฉันจากสำนักงานจัดหางานจึงโทรติดต่อมาเพื่อเสนองาน
ปรากฏว่าเป็นบริษัทประกันชีวิตทั้ง 3 แห่งเสนองานตำแหน่งหัวหน้าหน่วย มีค่าตำแหน่ง 15,000 บาทพร้อมกับค่าคอมมิชชั่นจากการดูแลลูกน้องภายในหน่วยงาน ฉันบอกว่าฉันไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าทางบริษัทมีการฝึกอบรมก่อนทำงาน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาฉันจึงแจ้งไปว่าฉันยังไม่สนใจในงานที่เสนอมาพร้อมตอบขอบคุณ
เหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึงกระทู้ของเพื่อน ๆ ที่เคยเข้ามาถามว่าไม่เคยสมัครงานแต่ทำไมได้รับโทรศัพท์นัดสัมภาษณ์ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
อืมมม
การตกงานก็ได้เรียนรู้อะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ดีเหมือนกัน รู้งี้ตกงานไปตั้งนานแล้ว
ฮา
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันนัดที่ฉันจะต้องไปรายงานตัวกับสำนักงานจัดหางานแล้ว หลังรายงานตัวเสร็จภายใน 5 วันก็ทางสำนักงานประกันสังคมก็จะโอนเงินเข้าบัญชี จนกว่าจะได้งานหรือภายใน 3 เดือนกรณีลาออกเองหรือ 6 เดือนกรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด
ตอนแรกฉันฝันหวานคิดว่าจะได้เงิน 30% ของเงินเดือนปัจจุบัน ที่ไหนได้คำว่า 30% ของค่าจ้างมีเงื่อนไขต่อว่าแต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่นำไปคำนวณการชำระค่าประกันสังคมรายเดือนนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่มีเงินเดือนสูงกว่า 15,000 บาทก็จะได้รับเงินประโยชน์ทดแทนเดือนละ 4,500 บาทเท่ากันทุกคน เฮ้อออ
ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเน๊อะ
อย่างน้อยก็ได้ค่าขนมและอาหารกลางวัน!!
ตอนนี้กำลังคิดว่าถ้ายังไม่ได้งานหรือต้องตกงานถาวรตลอดชีพแล้ว จะต้องจ่ายค่าประกันสังคมต่อด้วยตนเองแบบผู้ประกันโดยสมัครใจ (มาตรา 39) ได้ศึกษาข้อมูลมาแล้วและขอนำมาฝากเพื่อน ๆ ด้วยดังนี้
ผู้ประกันโดยสมัครใจ (มาตรา 39)
คุณสมบัติของผู้สมัคร 1. เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนและออกจากงานแล้วไม่เกิน 6 เดือน 2. ต้องไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพจากกองทุนประกันสังคม การยื่นใบสมัคร 1. ต้องยื่นใบสมัครตามแบบคำขอเป็นผู้ประกันตนตามาตรา 39 (แบบ สปส. 1-20) ด้วยตนเอง ภายใน 6 เดือนนับแต่วันออกจากงาน 2. สถานที่ยื่นใบสมัคร a. กรุงเทพฯ ยื่นได้ท่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ b. ภูมิภาค ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา หลักฐานการสมัคร 1. แบบคำขอเป็นผู้ประกนตนตามาตรา 39 (สปส. 1-20) 2. บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่มีรูปถ่ายซ่งทางราชการออกให้พร้อมสำเนา เงินสมทบที่ต้องนำส่ง เดือนละ 432 บาท เงินที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบคือเดือนละ 4,800 บาทเท่ากันทุกคน โดยคิดจากอัตราเงินสมทบ 9% (9%x4,800) ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องจากการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 6 กรณีได้แก่
1. เจ็บป่วย 2. คลอดบุตร 3. ทุพพลภาพ 4. ตาย 5. สงเคราะห์บุตร 6. ชราภาพ (ยกเว้นกรณีว่างงาน)
Create Date : 03 ธันวาคม 2551 |
|
19 comments |
Last Update : 3 ธันวาคม 2551 16:53:49 น. |
Counter : 4752 Pageviews. |
|
|
|