ใกล้วันเกิดของตัวเองแล้ว ทำให้อดคิดถึงช่วงวัยเด็กไม่ได้ วัยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรในชีวิตมากมายนักนอกจากเรื่องเรียนและงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ วัยที่ทุกสิ่งทุกอย่างดูสวยสดงดงาม ไร้ความกังวลใดๆ (ยกเว้นตอนจะสอบ) และถ้าหากจะคิดถึงสถานที่ยอดนิยมที่แม่ชอบพาไปในวันหยุด นอกจากบ้านทุ่งบางกะปิคลองแสนแสบของยายแล้ว ก็จะมี เซ็นทรัลชิดลม เขาดิน และพัทยา ๓ แห่งนี่แหละที่แม่จะพาเราไปเสมอ

      เขาดินในสายตาเด็กหญิงตัวยาวช่างกว้างใหญ่นัก ทั้งยังร่มครึ้มด้วยแมกไม้หลากหลายพันธุ์ มีน้ำตกจำลองและสวนสนุกให้ได้เล่นและนั่งพักผ่อน ทำให้สามารถอยู่ในเขาดินได้ทั้งวัน บางครั้งเราอยู่จนถึงเวลาปิดทำการของสวนสัตว์ แล้วแม่ก็จะพาเดินดูไฟที่ประดับประดาสองข้างทางเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เดินไปจนถึงถนนราชดำเนิน สนามหลวงกันเลยค่ะ ทำให้เด็กหญิงตัวยาวติดนิสัยชอบเดินมาตั้งแต่เด็กเลย ไปเที่ยวกับแม่ต้องอดทนค่ะ จะมาร้องงอแงหรือทำตัวงี่เง่าไม่ได้ เพราะแม่ไม่เคยตามใจในสิ่งที่ไม่เหมาะสมเลย หากมีปัญหานักแม่ก็จะพากลับบ้านเลยค่ะ แล้วก็อาจจะโดนงดการไปเที่ยวอีกสัก ๒ – ๓ วันหยุด(ให้สำนึก )

วันนี้เลยจะขอระลึกถึงวันวานอันแสนสุขด้วยการเดินเที่ยวที่เขาดิน ถึงแม้ว่าเขาดินในวันนี้อาจจะดูไม่กว้างใหญ่ร่มครึ้มเหมือนที่เคย เพราะมองจากสายตาผู้ใหญ่ตัวยาวไม่ใช่เด็กหญิงตัวยาว มีการเปลี่ยนแปลงส่วนจัดแสดงสัตว์ต่างๆ และเพื่อนเก่าที่เด็กหญิงตัวยาวเคยรู้จักก็หายหน้าหายตาไป เช่น แรดที่ชอบกินฮานามิ (ข้าวเกรียบรวยเพื่อนจริงๆ) หมีสีน้ำตาลตัวใหญ่น่ารัก ที่ชอบยกมือไหว้เพื่อขอกล้วย ขนมปัง หรือผลไม้อื่นๆ จากผู้ชม หรือแม้แต่ส่วนจัดแสดงฮิปโปโปเตมัส ที่เมื่อก่อนจะครึกครื้นมาก มาวันนี้ดูเหงาๆ มีฮิปโปเหลืออยู่แค่ ๓ ตัว

เริ่มที่ทางเข้าด้านถนนราชวิถีอันคุ้นเคย เพราะทุกครั้งที่แม่พามาเที่ยวเราจะมาตั้งต้นกันที่ประตูนี้ค่ะ มองหาตุ๊กตานางฟ้าที่ทำจากฟองน้ำ ดาบวงพระจันทร์ ป๋องแป๋ง ที่มีคนเคยมาขายที่หน้าประตูสมัยเด็กๆ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว มีแต่รถเข็นขายข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง และน้ำต่างๆ แทนค่ะ

ซื้อบัตรราคา ๕๐ บาทที่จริงตอนนี้ทางสวนสัตว์มีโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่ใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งจะได้ลดค่าบัตร ๕๐% แต่เราเห็นว่าราคา ๕๐ บาท ก็ถูกมากแล้วเมื่อเทียบกับรายจ่ายต่างๆ ที่ทางสวนสัตว์ต้องใช้จ่าย เลยไม่ใช้โปรโมชั่นนั้นเมื่อเดินผ่านซุ้มจำหน่ายบัตรมา เราจะเริ่มเดินวนจากทางซ้ายมือค่ะ ที่แรกที่จะพบคือส่วนจัดแสดงลิงและค่าง ซึ่งจัดแสดงลิงแสมก้นแดง ค่างห้าสี ค่างแว่นถิ่นใต้ ลิงอุรังอุตัง และแพนด้าแดง

ค่างห้าสี หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของเขาดิน เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่เพาะพันธุ์ค่างห้าสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ทราบว่าวันนี้อากาศเย็นสบายดีเกินไปหรือเปล่า (มีเมฆครึ้มทั้งวัน ฝนตกเล็กน้อย) พวกเพื่อนร่วมโลกของเราในเขาดินวันนี้ถึงได้หลับกันได้หลับกันดี เราต้องเดินวนในเขาดินอยู่สองสามรอบกว่าจะเก็บภาพตอนพวกเขาตื่นกันได้ค่ะ ภาพแรกนี่ดูดีๆ เราจะเห็นมือน้อยๆ ของลูกค่างที่หลับซบอกแม่อยู่เกาะอยู่ที่กรงด้วย

ค่างแว่นถิ่นใต้ ส่วนมากเราจะเคยเห็นสัตว์ตระกูลนี้เขาซุกซนกัน แต่บางครั้งก็แอบเหงานะคะ

แพนด้าแดง สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่สองของเขาดิน ถ่ายภาพได้ยากเย็นเพราะเธอเล่นไม่ขยับไปมุมอื่นเลย เดินวนมากี่รอบก็จุ้มปุ๊กอยู่ตรงมุมนี้แหละ นี่ถ้าไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ของเขาดินล่ะก็ไม่เอารูปเธอลงจริงๆ ด้วย

อุรังอุตังตัวใหญ่ที่ทำหน้าทำตาได้น่าหมั่นไส้ที่สุด พอเห็นเราถ่ายภาพเข้าเธอก็หันหลังให้ซะงั้น เล่นตัวจริงจริ๊ง ตอนยังเด็กจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งเรากำลังยืนดูเจ้าอุรังอุตังอยู่ดีๆ เจ้านี่เกิดคึกอะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบถึงได้เอาอึมาปาใส่คนดู ไม่แน่ใจว่าเป็นตัวเดียวกันกับตัวนี้หรือเปล่า

จากส่วนจัดแสดงลิงและค่าง ข้ามถนนไปก็จะพบกับศูนย์ศึกษาธรรมชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดแสดงสัตว์สำหรับเด็ก เช่น เมียร์แคท กิ้งก่า ม้าแคระ คาปิบาร่า และยังมีการจำลองแบบบ้านเรือนไทยและแปลงสาธิตการเกษตรแบบพอเพียงด้วย

เมียร์แคทสัตว์ตัวน้อยตาหวานตระกูลพังพอนจากทวีปแอฟริกา

กิ้งก่า นี่ขนาดยังไม่ได้ทองนะเนี่ย ยังเชิดซะขนาดนี้

ม้าแคระอาร์เจนตินา

คาปิบาร่า หนูยักษ์จากทวีปอเมริกาใต้

ม้าแกลบ จากบ้านเราเองค่ะ

ดูความน่ารักของสัตว์จากศูนย์ศึกษาธรรมชาติเฉลิมพระเกียรติเสร็จแล้ว เราข้ามถนนกลับมาเพื่อเดินต่อไปยังส่วนจัดแสดงเสือ ซึ่งมีทั้งเสือโคร่ง เสือดำ เสือปลา เสือลายเมฆ เสือดาว และสิงโต แต่ที่สามารถหาตัวและถ่ายภาพ (ตอนหลับ) มาได้ก็มีแต่เสือโคร่ง เสือโคร่งขาว และแม่สิงโต

ถัดจากส่วนจัดแสดงเสือและสิงโตจะเป็นที่อยู่ของครอบครัวซิมแปนซี มองเห็นเจ้าตัวเล็กกำลังง่วนอยู่กับมะพร้าวอ่อนที่เจ้าหน้าที่นำมาให้แล้วรู้สึกหิวน้ำขึ้นมาตะหงิดๆ

แล้วเราก็เดินมาถึงอาคารจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ที่อยู่ของเต่า งู จระเข้ และกิ้งก่าพันธุ์ต่างๆ ถ้าใครกลัวสัตว์ประเภทนี้ก็เลื่อนภาพลงไปเร็วๆ แล้วกันนะคะ

เต่าอัลดาบรา จากหมู่เกาะทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา เป็นเต่าบกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากเต่ากาลาปากอสค่ะ

เหล่าจระเข้

งูอนาคอนดา

งูเขียวอะไรสักอย่างนี่ล่ะค่ะ ลืมชื่อจริงๆ ไม่แน่ใจว่าใช่งูเขียวกาบหมากหรือเปล่า

ตัวสุดท้ายในส่วนนี้เป็นตัวที่สวยประทับใจจริงๆ งูหลามเขียวค่ะ

ออกจากอาคารจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกมา ก็จะเป็นส่วนจัดแสดงหมีซึ่งมีอยู่ ๒ ชนิด ได้แก่หมีควายและหมีหมาค่ะ อย่างที่บอกว่าหมีตัวโปรดของเด็กหญิงตัวยาวเป็นหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ชอบยกมือไหว้ขออาหารผู้ชม แต่ไปวันนี้เพื่อนเก่าตัวนี้หายไปเสียแล้ว คงได้ไปเกิดอยู่ในกลุ่มดาวหมีใหญ่แล้วล่ะค่ะ

หมีควายค่ะ ตัวจะใหญ่และขนยาวกว่าหมีหมา วันนี้เจอแต่หมีขี้เซาค่ะ

หมีหมา มีขนสั้นเกรียน แถบลายเส้นสีขาวที่คอเป็นรูปตัว U เป็นหมีที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกค่ะ

เดินมาอีกนิดจะเป็นส่วนจัดแสดงฮิปโปโปเตมัส สัตว์ตัวโตขวัญใจเด็กๆ อีกหนึ่งชนิด สมัยก่อนเราสามารถโยนขนมปังให้พวกเขาได้ แต่ต่อมาเมื่อมีคนมักง่ายบางคนโยนถุงพลาสติกหรือขยะต่างๆ ลงไป ตอนนี้ทางสวนสัตว์จึงได้งดการให้อาหารแบบนี้แล้วค่ะ

ออกจากส่วนแสดงฮิปโปโปเตมัสมา ก็จะถึงสิ่งมหัศจรรย์อันดับสามของเขาดิน ได้แก่ หลุมหลบภัยสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งจัดว่าเป็นหลุมหลบภัยสาธารณะที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย สามารถจุได้ ๖๐ คน สมัยเด็กๆ จำได้ว่าไม่เคยเห็นหลุมหลบภัยนี้เลยค่ะเพราะถัดจากดูฮิปโปโปเตมัส และเหล่านกต่างๆ รวมถึงหงส์ดำ ที่อยู่หน้าบ้านคุณฮิปโปแล้ว ก็จะเป็นกรงกวางดาวฝูงใหญ่เลย

จากหลุมหลบภัย เดินต่อมาจะเป็นส่วนจัดแสดงสัตว์ตระกูลกวางและสัตว์ป่าสงวน สัตว์ที่จัดแสดงในส่วนนี้ได้แก่ เลียงผา เก้งหม้อ ละมั่ง และสมเสร็จค่ะ

เลียงผา สัตว์ป่าที่อยู่ในตระกูลเดียวกับแพะ เจ้าตัวนี้นอกจากจะปีนป่ายเก่งแล้วยังสามารถว่ายน้ำได้ด้วยค่ะ

สมเสร็จ สัตว์ชื่อประหลาดที่ตอนเด็กๆ อยากเห็นมาก แต่พอเห็นแล้วรู้สึกว่ามันดูธรรมดาๆ  ด้วยความที่มีลักษณะของสัตว์ต่างๆ มารวมอยู่ในตัวมากเหลือเกินทำให้มันไม่มีจุดเด่นของตัวเองเลย

เก้งหม้อ และเก้งเผือกชื่อเพชร สิ่งมหัศจรรย์อันดับสี่ของเขาดินวนา

สิ่งมหัศจรรย์อันดับห้า ได้แก่ ละมั่งพันธุ์ไทยฝูงใหญ่ที่สุด และปัจจุบันพบได้แห่งเดียวที่นี่ค่ะ

เหนื่อยกันหรือยังคะ ตอนนี้เราเดินมาถึงบริเวณประตูทางเข้าด้านถนนพระราม ๕ แล้ว สำหรับตัวเองตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหิวเลย แวะนั่งพักที่ร้านครัววังวนาก่อนดีกว่า บริเวณนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับหกของเขาดินค่ะ เนื่องจากมีทัศนียภาพที่สวยงาม สามารถมองเห็นพระที่นั่งอนันตสมาคมได้ด้วย ที่ร้านครัววังวนานี้บรรยากาศดีค่ะ อาหารก็อร่อยด้วย ของโปรดของเราคือผัดหมี่โบราณ แหนมเอ็นไก่ทอด แล้วก็ส้มตำหอยดองค่ะ ร้านครัววังวนาจะมีสองชั้น ตอนกลางวันจะเปิดบริการที่ชั้นล่าง พอแดดร่มลมตกก็จะย้ายขึ้นไปชั้นบน มีห้องปรับอากาศและมีผู้เล่นเปียในสำหรับให้ผู้มารับประทานอาหารร้องเพลงด้วยนะคะ ส่วนมากจะเป็นเพลงเก่าๆ เช่น เพลงของวงสุนทราภรณ์ เพลงของคุณธานินทร์ คุณสุเทพ คุณชรินทร์ ค่ะ มารับประทานอาหารที่นี่ตอนเย็นก็จะได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง เพราะในสวนสัตว์จะเงียบสงบมาก และมองเห็นพระที่นั่งอนันตสมาคมที่ประดับประดาด้วยดวงไฟ สวยงามไปอีกแบบค่ะ

ว่าจะไม่ต้องแยกบล็อกเป็นสองบล็อกแล้วนะคะ แต่เนื่องจากเนื้อหามากไปมั้งคะเลยใส่ในบล็อกเดียวไม่พอ ติดตามต่อในตอนที่ ๒ กันนะคะ

Create Date : 07 กรกฎาคม 2552
Last Update : 8 กรกฎาคม 2552 12:01:31 น.		3 comments
Counter : 4871 Pageviews.
Share Tweet