เอ๋โชคดีรู้จักเพื่อนในเฟสบุ๊คที่อยู่รัฐเดียวกัน และสัมภาษณ์ก่อนเอ๋สองวัน หลังจากเพื่อนสัมภาษณ์เสร็จ

เค้าก็มาแชร์ว่าเป็นยังไงบ้าง เลยทำให้ความตื่นเต้นลดลงนิดหน่อย แค่นิดหน่อยเท่านั้นค่ะ 

จดหมายที่ส่งมานัดสัมภาษณ์แจ้งให้เราเตรียมเอกสารทุกอย่างตามที่เคยส่งไปด้วย 

ทางที่ดี ก่อนส่งเอกสารถ่ายสำเนาไว้ให้หมด เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาเตรียมเอกสารอีกรอบ

วันสัมภาษณ์ ต้องพาคู่สมรสไปด้วย หากคุณมีปัญหาในการสื่อสารภาษาอังกฤษให้พาล่ามไปด้วยค่ะ

เอ๋เตรียมเอกสารแสดงความสัมพันธ์ไปเพิ่มจากที่ได้ส่งไปแล้ว เผื่อจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้ สิ่งที่เตรียมเพิ่มคือ 

- รูปภาพที่ถ่ายกับครอบครัวช่วง Thanksgiving day, วันเกิดน้องชายสามี, ภาพที่ไปเที่ยวกันหลังแต่งงาน, ภาพตอนทำพิธีแต่งงาน ฯลฯ

- เอกสารการเปิดบัญชีร่วมกัน

วันสัมภาษณ์ เอ๋กับคุณไมค์ไปถึง JFK Building ก่อนเวลา 2 ชั่วโมง เพราะต้องผ่าน security check เหมือนจะขึ้นเครื่องเป๊ะเลย 

หลังจากผ่านตรวจ security check แล้ว เราก็เดินไปตามป้ายลูกศร ไป interview อะไรสักอย่าง (จำไม่ได้ซะงั้น จะถ่ายรูปก็เกรงใจสถานที่ราชการ)

เอ๋นำจดหมายไปยื่นที่เคาน์เตอร์ พนักงานรับเอกสารไปแล้วบอก take a seat

ระหว่างนั่งรอ ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก แต่คุณไมค์เธอชิวเหลือเกิน นั่งหลับ เอ๋เดินไปเข้าห้องน้ำทุก ๆ 5 นาที มีคู่นึงนั่งอยุ่ด้านหน้า เจ้าหน้าที่เดินมาคุยแล้วผู้หญิงเดินเข้าไปสัมภาษณ์ก่อน เอ๋ก็เริ่มตกใจ แง...สัมภาษณ์ผู้หญิงก่อนเหรอ ยิ่งทำให้ตื่นเต้นไปใหญ่

เวลานัดคือบ่าย 2 บ่ายสองนิด ๆ เจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์เราเดินตรงเข้ามาหา แล้วแนะนำตัวอย่างสุภาพว่า ชื่อคุณ Dan จะเป็นผู้สัมภาษณ์เราในวันนี้ ก่อนอื่นขอเชิญคุณไมค์เข้าไปคุยกับเค้าก่อน เอ๋ยื่นกระเป๋าเอกสารที่เตรียมมาทั้งหมดให้คุณไมค์ถือเข้าไปด้วย

หลังจากนั้งรออยุ่ประมาณ 20 นาที คุณแดนก็ออกมาเรียกเอ๋ตามเข้าไป

คุณแดน:  ช่วยบอกวันเดือนปีเกิดหน่อยครับ

เอ๋นิ่งไปนิดนึง สับสนเพราะบ้านเรา วัน เดือน ปีพ.ศ. แต่ที่อเมริกา เดือน วัน ปี ค.ศ.  แล้วก็ตอบออกไป 

เอ๋:  ธันวาคม 31 19..... ค่ะ

คุณไมค์แอบมองอย่างลุ้นระทึก ทำไมชีตอบช้าจังหว่า สงสัยตื่นเต้น

คุณแดน: ที่อยู่ในแบบฟอร์มนี้ถูกต้องนะครับ  

เอ๋: ถูกต้องค่ะ

คุณแดน: มีอพาร์ทเมนท์ไหมครับ

เอ๋ : ไม่มีค่ะ

หลังจากนั้นคุณแดนก็สาธยายว่า ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่สอบถามเพื่อตรวจสอบก่อนที่จะอนุมัติกรีนการ์ดให้เท่านั้น และขอถามคำถามอีกสักเล็กน้อย (ไม่น้อยเลย อันนี้สำคัญมาก ๆ เพราะมันยาว และจะต้องตอบให้ตรงกับที่กรอกในแบบฟอร์มที่ส่งไปด้วย นั้นคือ หัวข้อเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม การเกี่ยวข้องยาเสพติด การค้ามนุษย์ ฯลฯ ที่เราตอบ NO กันทั้งหมดนั่นเอง)

คุณแดนมาสงสัยตรงที่รูปในวีซ่าของเอ๋เป็นเครื่องแบบ มันมีหัวข้อนึงที่ถามว่าคุณเคยฝึกทหารหรือสังกัดทหารไหม (สงสัยกลัวมาเป้นสปาย) คุณแดนถามว่าทำไมคุณใส่ยูนิฟอร์ม

ซวยไหมล่ะ ก็ตอนที่ขอวีซ่า คิดว่ายูนิฟอร์ม (ชุดปกติขาว) มันสร้างความเชื่อมั่นนี่นา

ทำไมตอนนี้มาเจอคำถามแบบนี้ล่ะ

เอ๋เลยตอบไปว่า มันเป็นยูนิฟอร์มของข้าราชการครูค่ะ ไม่ใช่ทหาร

คุณแดนหยอดมุกกลับมาว่า อ้อ ที่ไทย เค้าให้ครูใส่เครื่องแบบสอนเหรอ มันทำให้เด็กกลัว และตั้งใจเรียนเหรอ

เอ๋เลยตอบกลับไปว่า ไม่ได้ใส่สอนค่ะ ใส่เฉพาะเวลามีพิธีการ และงานสำคัญ ๆ เท่านั้นค่ะ

หลังจากนั้นคุณแดนก็กล่าวแสดงความยินดี กรีนการ์ดคุณ approve แล้ว

แต่ยังไม่จบบทสนทนา คุณแดงหยิบพาสปอร์ตเอ๋ยื่นให้ แล้วพูดว่า Kingdom of Thailand น่าภูมิใจมาก ที่ประเทศของคุณไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร  คุณแดงเคยไปเมืองไทย และชอบเมืองไทยมาก ๆ 

หลังจากออกมาจากห้องสัมภาษณ์เอ๋ก็ถามคุณไมค์ว่าคุณแดนถามอะไรบ้าง 

คุณไมค์บอกว่า ข้อมูลทั่ว ๆ ไป

- เจอกันได้อย่างไร

- รู้จักกันมานานแค่ไหน

- เคยเจอครอบครัวทั้งสองฝ่ายหรือยัง

- ครอบครัวทั้งสองฝ่ายชอบไหม

ส่วนอื่น ๆ ไม่ถามเลย เช่นบางคนบอกว่าถามเรื่องรายได้ ถ้าสามีคุณรายได้เยอะพอสมควร ไม่ต้องกังวลค่ะ เราแต่งงานกันจริง อยู่ด้วยกันจริง ยังไงก็ผ่านค่ะ

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่จะขอกรีนการ์ดนะคะ