ชุมชนร่างกฎหมายและให้ความเห็นทางกฎหมาย

<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 กรกฏาคม 2553
 

หลบขึ้นเหนือเพื่อเข้าวัด..(อันเนื่องมาจากสถานการณ์ฉุกเฉิน) โดย..ชายหยก


หลังจากรัฐบาลประกาศวันหยุด 17-18 พฤษภา แล้ว แต่เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายในเมืองกรุงยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ เลยประกาศให้หยุดต่อเนื่องถึง 21 พฤษภา จะอยู่ช้าทำไม... หนีความวุ่นวายไปตะลุยภาคเหนือดีกว่า



วันแรกออกเดินทางจากเมืองกรุงมุ่งสู่ จ.ตาก ในตอนเที่ยงของวันที่ 19 แวะพักค้างคืนระหว่างทางสู่ภาคเหนือที่ตาก

ตอนเช้าเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการแวะไหว้พระบรมธาตุบ้านตาก จ.ตาก พระธาตุประจำปีมะเมีย ที่เค้าว่ากันว่าเป็นองค์แทนพระเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า






ออกจาก จ.ตาก เดินทางต่อไป จ.ลำปาง แวะนมัสการพระธาตุลำปางหลวง พระธาตุประจำปีฉลู โอ้โฮ...ทึ่งในความเก่าแก่และสวยงามจริงๆ










พอตะวันคล้อยบ่ายแก่ๆ ... ออกจากลำปางมุ่งหน้าสู่ จ.เชียงราย หาที่นอนในตัวเมืองเชียงราย

กะว่า..ตอนค่ำๆ จะไปเดินเล่นที่ไนท์บาร์ซาร์เชียงราย แต่ที่ไหนได้..เดินยังไม่ทันได้ดูอะไรเลยแม่ค้าบอกว่าต้องรีบเก็บของเพราะติดเคอร์ฟิวส์....แป่วววว อุตส่าห์หนีมาจากกรุงเทพฯ แต่เชียงรายก็มีเคอร์ฟิวส์เหมือนกัน

นอกจากเราจะผิดหวังแล้ว เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนทำท่างงๆ เค้าคงไม่เข้าใจอ่ะนะ เค้าคงคิดว่าเค้าไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่ทำไมเค้ามาเจอเคอร์ฟิวส์ที่เชียงราย อยากจะอธิบายนะแต่ว่า แบ๊ะๆ..ภาษาปะกิตไม่แข็งแรงอ่ะ

รุ่งเช้า วันที่ 20 ไปไหว้พระกันดีกว่า เริ่มแรกที่ วัดพระแก้ว ไม่ต้องงง ใช่แล้ว..วัดพระแก้ว จ.เชียงราย จ้า








ออกจากวัดพระแก้วก็ไปต่อที่วัดพระสิงห์ แล้วก็ไปไหว้พ่อขุนเม็งราย พ่อเมืองเจียงฮายเจ้า.. อยู่บริเวณ 5 แยกพ่อขุน (ต่อจากนี้รูปจะไม่ค่อยสวยแล้วอ่ะ.. กล้องตกน้ำ ฮือ..ฮือ.. ดีนะที่มีกล้อง VDO พอกล้อมแกล้มถ่ายรูปแก้ขัดไปได้)

แล้วไปต่อที่วัดร่องขุ่น ชมสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงาม ก่อนเดินทางมุ่งหน้าสู่แม่สาย เพื่อไปรับอรุณใหม่ที่ชายแดนไทยพม่า









เช้าวันที่ 21 ตื่นแต่เช้า เตรียมตัวไป shopping ด่านชายแดนท่าขี้เหล็ก ทำบัตรผ่านแดน (มีพนักงานที่โรงแรมเสนอไปทำให้ สะดวก รวดเร็วไม่ต้องเสียเวลารอ ให้ทริปตามความพอใจ)

ข้ามไปถึงฝั่งพม่าแล้วก็สุดแสนจะเซ็งกับพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ชาวพม่าที่พยายามเสนอขายสินค้าในตะกร้าของตัวเอง จำพวก พัดลมมือถือ บุหรี่ ด้วยความสงสารคนขายก็เลยซื้อบุหรี่ติดไม้ติดมือกลับมา ค๊อตตอลแรกซื้อในราคา 250 ค๊อตตอลที่ 2 ราคาเหลือ 170 (พ่อค้าคนละคนนะเนี่ย) พระเจ้าช่วย! ทำไมราคาต่างกันสิ้นเชิง (เริ่มสงสัยตะหงิดๆ)

หลังจากกลับมาฝั่งไทยแกะบุหรี่ดูถึงได้รู้ซึ้ง บุหรี่ขึ้นราเขียวปี๋ใช้ไม่ได้ซักซอง มิน่า... (ความสงสัยเริ่มกระจ่าง) เพราะความสงสารเค้าแท้ๆ เลยโดนพม่าหลอกเต็มๆ ก็คงเหมือนอย่างที่หลายคนเตือน...ซื้อของฝั่งไทยดีกว่า เพราะยังไงคนไทยก็ไม่หลอกกันเองอยู่แล้ว...ชิมะ

ออกจากแม่สายพวกเราก็มุ่งหน้าสู่สามเหลี่ยมทองคำ หลังจากเคยไปมาเมื่อ 20 ปีก่อน สามเหลี่ยมทองคำในวันก่อนเป็นเพียงจุดชมวิวที่มองเห็นชายแดนของ 3 ประเทศ แต่สามเหลี่ยมทองคำในวันนี้เจริญขึ้นผิดหูผิดตาแลดูเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คึกคักมากกว่าแต่ก่อนแยะ

ไปถึงสามเหลี่ยมทองคำทั้งทีต้องไม่พลาดไปไหว้พระเจ้าล้านตื้อ ที่เค้าแอบกระซิบว่า ยังจ่ายค่าสร้างองค์พระไม่หมดเลย..ช่วยทำบุญกันหน่อย

ออกจากสามเหลี่ยมทองคำเดินทางต่อไปยังเชียงแสน สุดเขตแดนไทย-ลาว แต่ด้วยเวลาอันจำกัดเลยไปได้แค่เฉี่ยวๆ เฉียดๆ








ออกจากเชียงแสน พวกเรามุ่งหน้าสู่ จ.แพร่ โดยเข้า จ.แพร่ ที่ อ.สอง ถนนเส้นนี้เป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาพอให้รู้สึกท้าทาย แต่สองข้างทางมองเพลินตาด้วยความเขียวชอุ่มของต้นไม้ที่ยังพอมีเหลือให้เห็น แต่เสียดายดื่มด่ำไม่เท่าไหร่ก็มืดซะแล้ว กว่าจะถึงตัวเมืองก็เกือบสามทุ่ม

วันที่ 22 พวกเราออกเดินทางกันตอนสายๆ ไปวัดสระบ่อแก้ว จ.แพร่วัดที่มีศิลปะพม่าผสมผสานอยู่แทบจะทุกอณูของวัด เห็นหลวงพ่อเจ้าอาวาสบอกว่า เดิมวัดนี้เป็นวัดพม่า (แอบเสียดาย..เสาส่งสัญญานโทรศัพท์ทำให้วัดหมดความขลังไปแยะ)






ออกจากวัดสระบ่อแก้วก็ไปวัดจอมสวรรค์ ชมวิหารศิลปะพม่าที่สวยงามไม่แพ้กัน






จากนั้นก็ไปวัดพระธาตุช่อแฮ พระธาตุประจำปีขาล









แล้วปิดท้ายที่วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี อ.เด่นชัย อ้อ..มาถึง จ.แพร่ทั้งทีต้องไม่ลืมของฝากขึ้นชื่อหนึ่งเดียวของประเทศ...เสือม่อฮ่อม..เจ้า








ปิดท้ายการเดินทางในทริปนี้ที่ จ.อุตรดิตถ์

เช้าวันอาทิตย์ที่ 23 ก่อนการอำลาเราไปเปิดตำนานเมืองลับแล ที่ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง


จากนั้นมุ่งหน้าสู่ อ.ลับแล ดินแดนอันเลื่องชื่อของตำนานพื้นบ้าน "เมืองคนไม่โกหก"
แวะวัดพระยืนพุทธบาทยุคล ที่มีคุณลุงใจดีเปิดโบสถ์ให้เราเข้าไปไหว้พระ (วันนั้นเค้าปิดโบสถ์) เห็นคุณลุงบอกว่านอกจากมีแท่นพระยืนแล้ว ยังมีแท่นพระนอนด้วย แต่พวกเราต้องทำเวลาก็เลยไม่ได้ไปดู (แอบเสียดาย) คุณลุง(แอบ)บ่นด้วยความน้อยใจว่า "วัดนี้เป็นทางผ่านไปวัดพระแท่นศิลาอาสน์คนไม่ค่อยแวะ"




ออกจากวัดพระยืนเราก็ไปต่อที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ซึ่งอยู่ถัดกันไปไม่กี่ร้อยเมตร วัดนี้นอกจากมีพระแท่นอันศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น แหล่งสะสมของเก่า โดยเฉพาะรถเขาควายคันนั้น..ได้ใจจริงๆ นอกจากนี้ยังมีภาพวาดที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านวาดจำหน่าย สวยงามไม่แพ้ภาพวาดของจิตรกรเอกเลยทีเดียว (ได้ยินมาว่าหลวงพ่อท่านเรียนจบด้านนี้ด้วยนะ) รายได้สมทบทุนเข้าวัดพระแท่นฯ นี่แหละ







และแล้ว...ทริปแห่งความวุ่นวายของบ้านเมืองก็จบลงด้วยความสงบในใจเรา... และสิ่งหนึ่งที่เราได้รับรู้ก็คือ...หลายคนในหลายที่ที่เราไปพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า...ตอนนี้การท่องเที่ยวซบเซามาก ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยว น่าจะหยุดทะเลาะกันได้แล้ว





Create Date : 20 กรกฎาคม 2553
Last Update : 20 กรกฎาคม 2553 15:48:15 น. 4 comments
Counter : 1530 Pageviews.  
 
 
 
 
แพลนไว้เหมือนกันค่ะว่าปิดเทอมหน้านี้จะไปลุยเหนือกันกับครอบครัวอยากเห็นหอนาฬิกาที่เชียงราย
 
 

โดย: รสนันท์ (หวานปานฉะนั้น ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:08:10 น.  

 
 
 
อย่าว่าแต่หอนาฬิกาเลย ขนาดเสาไฟยังสวยงามวิจิตร งามล้ำค่าสมกับเป็นศิลปะล้านนาจริงๆ
 
 

โดย: อยากเป็นสาวเจียงฮาย (KMyoungelite ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:02:39 น.  

 
 
 
อยากไปเที่ยวมั่ง อิจฉา เฮฮา ครอบครัวสุขสันต์
 
 

โดย: อยากไปมั่ง IP: 210.246.148.28 วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:25:47 น.  

 
 
 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
 
 

โดย: kwan_3023 วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:48:37 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

KMyoungelite
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]








[Add KMyoungelite's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com