ชุมชนร่างกฎหมายและให้ความเห็นทางกฎหมาย

<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
3 กุมภาพันธ์ 2553
 

เนวิเกติ๋ม พาเดินไปหอบไป ดอยลังกาหลวง-ลังกาน้อย อช.ขุนแจ จ.เชียงราย โดย ขนุนเน่า

11-14 ธันวาคม 2552



มันเป็นทริปของปีที่แล้ว แล้วนี่มันเดือนอะไรเข้าไปแล้ว ห๊า..!! ช้าได้โล่งดงามจริงๆ
กลับมาก็เนิ่นนน...นานนนน... กว่าทุกทริป เพราะกลับมาเป็นปีเลยมั๊งเนี่ย เข้าปีใหม่มา 2 เดือน
เพิ่งจะได้ลง blog ขี้เกียจอย่างเลอค่าจริงๆ


อะ ขอมีข้อแก้ตัวจึ๋งนึง ทริปนี้สื่อมวลชนเพียบ กล้องเพียบ รูปเพียบ รูปสวยๆ ก็เพียบ มันก็เลยปวดหัว
มากมายกว่าทุกทริป คิดเยอะ ตัดใจยาก เลือกรูปลำบาก นึกเรื่องนั่งเข้าทรงเป็นเดือน และที่สำคัญ
อารมณ์ถูกสกัดบ่อยมาก...


บ่นเป็นธรรมเนียม เข้าเรื่องกันเลยเหอะ


"ดอยลังกาหลวง" เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศ มีความสูงถึง 2,031 เมตร สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ และแตกต่างกันไปในแต่ละดับความสูง ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยขุนเขาที่สลับซับซ้อนของเทือกเขาผีปันน้ำ เรียงรายสุดสายตา สร้างความตื่นตา ตื่นใจให้กับผู้ที่ได้ไปสัมผัสได้อย่างไม่รู้เบื่อทีเดียว แต่ "ลังกาหลวง" ไม่ได้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่รักการลุยเท่านั้น เพราะในความสวยงาม ก็เต็มไปด้วยความน่าสะพึงกลัว ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางที่เล็ก แคบ บนสันเขาสูงชัน ไม่มีสิทธิพลาด ถ้าพลาดก็พลาดได้ครั้งเดียว หน้าผาสูงชัน ที่เมื่อมองลงไปแล้ว อาจทำให้กลายเป็น "โรคกลัวความสูงเฉียบพลัน" ขึ้นมาทันทีทันใด นับว่าเป็นการเดินทางที่ครบทุกรสชาด ผจญภัย ตื่นเต้น หวาดเสียว (อันนี้ก๊อปเขามา เขียนไม่ได้รู้เรื่องขนาดนี้หรอก)


และขอยืนยันจากทริปหอบครั้งนี้ มีแต่ ชัน ผา เหว และเสียว จริงๆ
ถ้าวัดจากประสบการณ์เท่าฝาหอยที่ขึ้นเขามาไม่ถึง 5 ยอด ยอดนี้จัดว่าสนองความเสียวได้รอบทิศทางที่สุด!!


สมาชิกร่วมหอบ


พี่สุ ผู้มีกำลังแรงม้าไหลเวียนอยู่ในสายเลือดตลอดตัว (ยังหาหลักฐานพิสูจน์มิได้ว่า ในน้ำแกแอบใส่ยาม้าไปปะเนี่ยะ แบบว่า คึกคักตั้งกะตีนดอยยันตีนดอยอีกด้านหนึ่งเลยทีเดียว)


พี่โจ พี่ชายใหญ่ ผู้มีใจรักธรรมชาติเหลือล้น รักความทรหดเหลือขนาด ที่คอยเป็นผู้ดูแลเส้นทางที่รกเรื้อ กวาดทาง ถางหญ้า ให้น้องนุ่งมันได้เดินตามหลัง


พี่วิลลี่ เซเลปประจำทริป ที่ยอมถูกโค่นตำแหน่งก็ทริปนี้หล่ะว๊า


พี่เอก หรือ ชาวไร่อ้อย หรือบางทีก็คับคล้ายคับคลา เด็กแบกข้าวสาร (นี่...หนีเข้าประเทศมาโดยไม่บอก
รึเปล่าเนี่ย)


พี่ป๊อป (ใสเรียน) หนึ่งหนึ่ง สิบหนึ่ง สิบเอ็ด (รึอะไรก็แล้วแต่จะออกเสียง) รด. ประจำทริป (ไม่รู้แกเรียน รด. มากี่ปี ความรู้ท่วมหัวทั่วหู ถามซ้ายรู้ ถามขวารู้ หรือบางทีไม่ถาม ก็รู้!!! เจาะลึกทุกประเด็นร้อน!! (นึกว่าเดินตามหลังสรยู๊ดดด..)


แก๊งบานาน่า ปาจาม่า  (แนะนำให้งวดหน้าแก๊งค์นี้พกถังออกซิเจนไปด้วยเหอะ สังขารร่วงโรยตามกาลเวลา) ครองตำแหน่งรั้งท้ายทั้งทริป ไม่ว่าจะเดินยาก เดินง่าย เดินสบาย เดินลำบาก กล้วยไม่เคย ไม่รั้งท้าย
ภัทรซ่า (B1) ขาเนี๊ยเคยโหดเหี้ยมหาญมาก่อน ตอนนี้ขอสารภาพอย่างเป็นทางการว่า หอบยังง่ายกว่า


ขนุน (B2) ขานี้มันอยากจะโหด แต่ละเลยเรื่องสังขาร มีอาการคล้ายๆ จะเริ่มแก่ หายใจไม่ค่อยจะทัน แนะนำตัวเองว่า นอกจากจะต้องพกถังอ๊อกซ์ฯ มันก็อยากมีเครื่องเมาท์ทูเมาท์แบบพกพา อร๊าย!! เซเว่นไหนมีขายบอกโล๊ดด..


พี่เอี่ยม (B3) ขาโหดขอหอบแรงๆ กำลังกายถึงแม้จะเหนื่อยง่าย แต่กำลังใจเยี่ยมยอด เยี่ยมยุทธ์ บู๊ลิ้มสุดๆ 


ปิดท้ายด้วย ลุงประสาน หรือรพินทร์ การ์ดแก๊งค์กล้วย (ศิษย์ผู้น้อง รพินทร์ ไพรวัลย์) ผู้คอยดูแลเวลากล้วยๆ ทั้งหลายมันรั้งท้ายซะจนหาขบวนมิเจอ หรือก็คือ ที่ลุงต้องรั้งท้าย เพราะต้องคอยกวาดซากกล้วย 3 ใบนี่แหล่ะ


โฉมหน้าผู้ควานหาความโรแมนติก


กลับกันลงมา พร้อมกับสภาพอาการที่เรียกได้ว่า ปางตาย เหนื่อยจัดจ้าน เนื่องจากเป็นทริปที่จัดได้ว่า โคตรโหด ระห่ำ บ้าบอคอแตกที่สุดดดด!!! ทริปนี้ เขามีให้เดิน 4 วัน 3 คืน แล้วแก๊งค์นี้มันแน่มาจากไหนเนี่ย มันเดิน 3 วัน 2 คืน โห๊ว มันเจ๋งมากเลยชิมะคะ ติ๋ม..


ไม่คิดเล๊ยยย.. ว่าจะทารุณชีวิตได้มากมายขนาดนี้ นี่ก็บุญแค่ไหนแล้วที่น้องไม่โดนพวกพี่ๆ ถีบตกดอยลงมาด้วยความเจ็บแค้นเคืองโกรธ ที่โดนหลอกไปหาความโรแมนติก


“โรแมนติก” คำนี้ได้ยินอีกที แสลงใจกันไม๊เอ่ย หลวมตัวไปกันเพราะคำนี้แท้ๆ .. เนื่องด้วยความตั้งใจที่จัดทริป คือ จะไปทำโรแมนติกกันบนยอดดอย นอนคอยฝนดาวตก พร้อมด้วยบรรยากาศที่หนาวเหน็บ


โรแมนติกช่ายมะ ก่อนไปก็คิดเงี๊ยะกันทุกคนแหล่ะ


แต่...


สิ่งที่ได้กลับมาจากการไปควานหาความโรแมนติกอย่างแสนเข็ญ ก็อย่างเช่น
- เท้าแตก (ส้นเท้าของผู้หญิงร่างบางคนหนึ่ง)
- แผลจากซอมบี้ตัวคุ่นที่ไม่รู้อดอยากมาแต่ปางใด (ผู้หญิงร่างบางอีกคนโดนทารุณด้วยซอมบี้ชนิดนี้อย่างสาหัส)
- แผลจากหญ้าแฝกที่สูงท่วมหัวท่วมหู บาดกันเปะปะ เรียกว่าจมอยู่ในดงหญ้าแฝก (นึกสภาพตามไอ้พวกขาสั้นๆ ทั้งหลายออกมิเอ่ย แบบว่า มันหายไปทั้งตัวหน่ะ)
- อาการขาดอากาศหายใจของแก๊งกล้วย 
- อาการเครียดของเซเลปกับเส้นทางการเดินลงเขา
- และตบท้ายด้วยอาการสยองขวัญสั่นประสาทกันเป็นทิวแถว


ทริปนี้พิสูจน์ความเหนือธรรมชาติได้อย่างดี ถ้ามีใครตั้งคำถามว่า คุณเชื่อเรื่อง...ไม๊ นึกถึงทริปนี้เข้าไว้


เล่าเรื่องไปตามรูปละกันนิ


ระยะทาง 3 วัน 2 คืน กับรอยแดงที่เห็นทั้งแนวนี้ ขึ้นทางฝั่งซ้าย ละเดินไปลงทางฝั่งขวา



แอ๊คท่าถ่ายรูป ก่อนที่จะถูกขนเป็นคนต่างด้าว ไปปล่อยยังจุดปล่อยตัว (ฐานเรดาร์)



สถานีทวนสัญญาณ (ฐานเรดาร์) จุดปล่อยตัว และรับลูกหาบ เตรียมของ ขึ้นเป้




ก่อนออกเดินทาง หน้าตายังดูดีกันทุกคน




ลิบลับนู่นน.. จุดหมายของเราคืนนี้




เริ่มออกเดินทางอย่างเป็นขบวน ระยะห่างไม่เกิน 1 ช่วงแขน เห็นหลังกันหลัดๆ ยิ่งเดินยิ่งห่างกันไม่เกิน 100 เมตร
และยิ่งเดิน ก็ยิ่งหายยยย
….




ผ่านไปแค่ 10 นาที หน้าตายังคงดูดี ยิ้มได้ สุขภาพกายใจยังคงแข็งแรงงงส์



อย่างที่กล่าว ทริปนี้ไม่ธรรมดา ตามเส้นทางเดิน มีจุดพัก 3 ที่ 1.ผาโง้ม 2.ยอดดอยลังกาหลวง 3.ยอดดอยลังกาน้อย ซึ่งตามปกติธรรมดา ก็สมควรที่จะเดินทอดน่องให้คุ่นเกาะกันสบายๆ เดินกันวันละ 3-4 ชม. แต่ถะแว่..ด้วยความผิดพลาดของคนจัดทริป ซึ่งก็คือดิชั๊นนี่แหล่ะ ส่งภาษาม้งกันไปมา กลายเป็นว่าต้องลากสังขารของทั้งตัวเอง และพวกพี่ๆ ที่ต้องยอมจำนนฟ้าดิน เดินกันรวดเดียว 8 ชม. ถึงจุดพักที่ 2 ยอดดอยลังกาหลวงภายในวันแรก เดินกันจนมืด ประหนึ่งว่าแทบลากซากกันขึ้นดอยเลยทีเดียว

ดูสภาพเอาเถิด (มันทำให้น้องรู้สึกผิดมากมาย)



เดินกันจนพระอาทิตย์ตกไปต่อหน้าต่อตา ก็ยังคงไปไม่ถึงแคมป์ ณ เวลานี้ 6 โมงเย็นแล้วหนา



ถึงแคมป์กันอย่างมืดรอบด้าน นอนกันอย่างสลบ คืนนี้ไม่รู้ใครจะพบกับสิ่งมหัศจรรย์หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ภัทรซ่าได้ยินเสียงเด็กครางง...งือ...งือ...งืด....งืด



อ่อ เป็นทริปที่พร้อมเพรียงในการดูพระอาทิตย์ขึ้น – ตก มาก ไม่เคยครบแกงค์ซักกะที เช้าแรกสำหรับผู้ที่มีพลังชีวิตเหลือเฟือ เหลือเท่าเนี๊ยะ นอกนั้นนอนหายใจรวยรินอยู่ในเต็นท์ที่ห่างไกล แม้กระทั่งลุงประสาน



อาหารสำหรับคนรอพรรคพวกอยู่ที่เต็นท์ อยู่ กทม. ยังกินไม่หรูเท่านี้เร๊ย..




เริ่มออกเดินทางสู่ยอดลังกาน้อยซึ่งเป็นจุดตั้งแคมป์วันที่สอง วันนี้หน้าตาดูดีกว่าเมื่อวานเยอะ ตามกำหนดการปกติใช้เวลาเดิน 3-4 ชม. แต่ถ้าเอาแกงค์กล้วยเป็นมาตรวัดหล่ะล่อไปซะ 5-6 ชม.

ฟ้าสวยมากกก..รอยยิ้มเพิ่งบังเกิด ณ ยามนี้




แคมป์คืนที่สองนี้ จะได้เห็นฝนดาวตกที่รอคอย และนี่คือความโรแมนติกที่ตามหา ที่ตั้งแคมป์ห่างจากยอดลังกาน้อยเดินอีกครึ่งชม. นั่นหมายถึงว่า ถ้าจะขึ้นยอดลังกาน้อยเพื่อไปไหว้เจดีย์ ชมพระอาทิตย์ตกกับมุม 360 องศา ต้องเดินต่อไป และไม่ใช่ทางง่ายๆ ซ้ายผา ขวาเหว เห็นๆ จะๆ เสียวๆ ซีดๆ แบบไม่เซนเซอร์ เดินกันแบบต้องเอาหน้าแนบหน้าผากันเลยทีเดียว อ่อ มีกายกรรมตะกายหน้าผาด้วยนะเอ้อ กะดืบๆ ไปคล้ายสไปเดอร์แมน แล้วคิดดูเถิด ขาสั้นๆ อย่างน้องนี่ มันจะตะกายยากเย็นแสนเข็ยแค่หนายยย..




และ ณ ยอดดอยแห่งนี้ ก็ได้บังเกิดเนวิเกติ๋มคู่ใหม่ ผู้พิชิต “ยอดลังกาน้อย”



ไม่อยากจะเปิดโหวตหล่ะนะ ว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่ง เพราะทั้งคู่นี่อาจจะพิชิตกันได้แค่ยอดเดียว โห๊ะ โห๊ะ โห๊ะ กลับไปดูพี่ติ๊ก เจษฎ์ เหมือนเดิมท่าจะดี..

ช่วงเวลาของการรอคอยพระอาทิตย์ตก




คืนนี้ตั้งหน้าตั้งตารอดูฝนดาวตก พร้อมบรรยากาศเรื่องเล่ารอบกองไฟ และวงคาสิโนย่อมๆ เพื่อรอคอยเวลานับดาว




และขอเล่าขานถึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันดับที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่หลายคนประสบกันทั่ว..อารมณ์คล้ายๆ ลมพัดผ่านวูบ เงาใช่ไม๊ เสียงใคร แสงอะไร และใครเรียก แต่ที่ชัวร์ มีสองเต็นท์ที่ได้ยินเสียงเด็กครางอีกแล้ว งือ..งือ..งืด..งืด... อร๊ายย นี่มันโรแมนติกประสาอะไรเนี่ย !!

ตัดฉับมาเช้าอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องราวของคืนก่อนที่นอนไม่ค่อยจะหลับ ตีห้าแปะมือสลับตำแหน่งแบ่งพวกกันขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบ้าง นอนรวยรินที่แคมป์บ้าง จัดการกับภารกิจยามเช้า มุ่งหน้าสู่ “ขาลงที่เซเลปท่านกังวลที่สุด”


เส้นทางการเดินลง ใช้เส้นทางเดียวกับการเดินสู่ยอดลังกาน้อยที่ไปกระโดดโลดเต้นกันเมื่อวาน ลูกหาบท่านว่าชิลๆ วิ่งขึ้นลงแป๊บเดียว อย่างเขาๆ นี่ก็ 1-2 ชม. แต่ถะแว่ ไม่ใช่กะแก๊งค์กล้วยหล่ะหย่ะ บวก บวก บวก เข้าปะ สุดท้ายก็ 4-5 ชม. อยู่ดี


ไฮไลท์หน่ะมันอยู่ตรงนี้ ทางลงนี่แหล่ะ ไอ้ที่เดินเหนื่อยหอบแฮกกันมาทุกวันหน่ะ สิวเกินไป ที่ผ่านมาหน่ะ ทุกความเสียวมันเทียบกับสิ่งที่จะเจอนี่มิได้เร๊ยย..!!


อร๊าย..!! เกิดมาไม่เคยดิ่งอะไรเช่นนี้มาก่อน นี่ดิ่งสุดในชีวิตละ ไม่ต้องแปลกใจ ทำไมติ๋มถึงขาสั่น ธรรมชาติท่านสร้างมาให้ดิ่ง เกือบ 90 องศา ก็ไม่เด๊ะมากมาย แต่เท่าที่ตาเห็นเนี่ยคาดว่าน่าจะ 85 องศาสวยๆ ทะนั้นเอ๊ง

เอาด้านข้างไปพินิจ ถึงจะไม่ได้ลงด้านนี้ แต่ด้านที่ลง มันไม่ต่างกันเร๊ย..!!





สังเกตสายตา..






ชันหน้าตั้งเช่นนี้แล...มันทำให้รู้ว่า ที่เสียวผ่านเหวมาทุกวันหน่ะ มันเทียบกับเสียวนี้ไม่ติดฝุ่น



ผ่านช่วงหน้าผาวัดใจติ๋ม ใช่ว่าภารกิจหอบจะเสร็จสิ้น ยังคงมีอาการเช่นนี้ให้เห็น เป็นระยะๆ





ขาลงนี่ แทบจะหาหลังพี่สุไม่เจอ เพราะเธอเล่นวิ่งลงเขามาพร้อมไกด์ ไวพอๆ กะลูกหาบ เจออีกที แกนั่งหลับรออยู่ข่างล่างเรียบร้อยละ (ในน้ำแกต้องใส่ม้าไว้หลายตัวแหงม)

ถึงพื้นดินอย่างสวยงาม จัดว่าเป็น 4 กม. ที่ยาวนานมากก...


และนี่คือผลของการไปควานหาความโรแมนติก
สิ่งที่ท่านจะเห็นต่อไปนี้ เป็นพื้นที่ของเนื้อหนังผู้หญิงบอบบางท่านหนึ่ง ที่เสียสละพื้นที่พ้นผืนผ้าส่วนใหญ่บริจาคร่างกายให้ธรรมชาติ และผู้หญิงบอบบางคนนี้ เธอลากอีแตะขึ้นดอยย...!!


และมีผู้หญิงอีกท่านหนึ่งที่เป็นผู้บริจาคร่างกายให้ธรรมชาติรายใหญ่กว่ามาก แผลเยอะกว่ามาก เรียกว่าอีสุกอีใสน้องยังขึ้นน้อยกว่าแผลคุ่นพี่มากโข ซึ่งไม่สามารถนำภาพมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ ใครอยากเห็น เดินไปคุยกะพี่เอี่ยมโลด..

และประสบการณ์ที่สร้างวาระสุดท้าย
ขอไว้อาลัยให้กับรองเท้า รด. คู่นี้ ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ



แต่อย่างน้อยถึงทริปจะหนัก แต่ก็ยังคงมีความสุขเจือปนอยู่บ้างหล่ะน่า


ขออำภัยพี่ๆ ร่วมหอบทั้งหลาย ที่มันเป็นทริปที่เหนือความคาดหมาย แต่มันก็ได้อะไรๆ มาหลายๆ อย่างใช่ไหมเล่า


ถ้าเราไม่ไปทริปนี้ เราจะรู้จักกันมากขึ้นไหม
ถ้าเราไม่ไปทริปนี้ ดาวลอยจะอยู่ในใจคุณๆ กันไหม
ถ้าเราไม่ไปทริปนี้ เราจะได้เห็นฝนดาวตกเยอะขนาดนี้ไหม (อ่อรูปฝนดาวตกไม่มีมาอวดหล่ะนะ ยากส์จะถ่ายละเกิน หรืออีกหนึ่งนัยยะ มันดึกมากมาย มันมืดด้วย แล้วมันก็บรึ๋ยย!! ด้วย)
 
ถึงมันจะหาความโรแมนติกไม่เจอ เหนื่อยกันอย่างบ้าคลั่ง เจ็บช้ำจากการโดนน้องหลอก!! ให้ไปลำบาก และมันยิ่งทำให้เราได้รู้ว่า พระอาทิตย์ขึ้นที่ไหนก็เหมือนกัน  5555 (ช่างสรรหาความลำบากกันดีนัก)

พระอาทิตย์ตกบนถนนอาจสวยกว่า
พระอาทิตย์ที่กรุงเทพฯ หรือบนดอย ก็ดวงเดียวกัน


แต่ เพื่อนร่วมทาง เวลา โอกาส สถานที่ เหตุการณ์ และความเหนื่อยอย่างบ้า !! มันทำให้ลืม “การรอคอยพระอาทิตย์ผลุบๆ โผล่ๆ บนเหลี่ยมเขา” ด้วยกันไม่ลง


ขอบคุณพี่สุ ที่ทำให้รู้ว่าพี่อึดมากมาย และทำให้รู้สึกว่า พี่สนุกสุดๆ (อยู่คนเดียว) 555

ขอบคุณพี่วิลลี่อย่างซึ้ง ที่เต็มใจและเสียสละตัวเองให้หนูพาไปลำบาก ฮือฮือ เค้าขอโต้ดจิงๆ นะ

ขอบคุณพี่โจ ทริปไหนไม่มีพี่ มันไม่ได้หรอกนะ มันขาดขาด หายหาย พี่หน่ะเป็นผู้ชายตัวยืนที่ต้องคอยปกป้องน้องๆ ประจำแก๊งค์เชียวนะ (มันเป็นถ้อยคำที่ค่อนข้างผูกขาด ปฏิเสธทริปหน้าลำบากละนิ 555)

ขอบคุณลุงประสาน ที่เดินรั้งท้ายทั้งกะปีเพื่อเขี่ยซากกล้วยมากองรวมกัน ทั้งๆ ที่ตัวเองเดินเร็วมากมาย

ขอบคุณพี่เอก สำหรับการเกิดเนวิเกเตอร์คนใหม่แห่งวงการ “เนวิเกติ๋ม เจษฎาภา” เจอกันใหม่กับวันที่ยอมให้น้องมันหลอกไปอีกในครั้งหน้า สำหรับครั้งนี้ ติ๊กอยากจะเหวี่ยงมันนน..!! (ติ๊กก็ติ๊กเหอะว๊า ติ๋มหน่ะขาสั่นโชว์มาแล้วเฟ่ยยย!!)

ขอบคุณพี่ป๊อบ สำหรับเรื่องเล่ามากมายที่พรั่งพรูมายามดาวลอยเต็มฟ้า (ตกลงแล้วเรื่องมันจบยังไงหล่ะพี่ ได้ยินภัทรซ่าให้เขียนบันทึกชี้แจงมาใหม่ เสร็จยังหล่ะท่าน) ถ้าใครเดินป่ากับพี่ เชื่อว่าคงไม่หลงเพราะความรู้ที่พี่บ่มเพาะสั่งสมมา และขอบคุณสำหรับเลนส์ถ่ายรูปที่เอื้อเฟื้อให้น้องนิ

ขอบคุณภัทรซ่า ในความระห่ำของพี่ที่ยังคงเดิม ถึงแม้จะเริ่มมีขีดจำกัดของร่างกายเข้ามาข้องแวะ ขอบคุณที่ร่วมเหนื่อย ร่วมหอบ ร่วมรั้งท้าย ร่วมเป็นเพื่อนเหนื่อยง่ายๆ ด้วยกัน

ขอบคุณพี่เอี่ยม สำหรับพลังในกายทั้งหมดที่มันมหาศาล และ ฯลฯ ไม่ต้องบรรยายนะ เชิงอรรถภัทรซ่าละกัน


และนี่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความกลมเกลียว ความเป็นแบบว่า ใช้ให้ทำอะไรก็ทำ ความคล้ายๆ เชื่อคนง่าย อร๊ายย...(ทีเดินหล่ะไม่เห็นแรงเยอะหยั่งงี่น่อ)



รูปนี้ช่วยตั้งใจดูที่ลุงประสานทีเท๊อะ...



เห็นมะ มันเป็นแกงค์ที่น่ารักขนาดไหน...!!

...ขอบคุณเนวิเกติ๋มทุกท่านที่ร่วมทาง...


งวดหน้า ถึงทีใครจะหลวมตัวโดนหลอก โปรดระวัง !!
ผุดโปรเจคใหม่ ..ชมทะเลฝั่งอันดามัน บนยอดเขาพนมเบญจา จ.กระบี่ (ณ เวลาอัพ blog นี้มันยังไม่ล่ม แต่มันร่อแร่ๆ เลื๊อเกินน..)
อีกด้านเป็นทะเล อีกด้านเป็นภูเขา ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง...
สำหรับผู้ที่โดนน้องหลอกเป็นประจำอยู่แล้ว ก็คิดซะว่า ปีนึงปีนเขากันแค่
2 ลูก ปลายปีลูก ต้นปีลูก น้อยจะตายนิ
มันช่วยบริหารเข่าน่า..







Free TextEditor




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553
8 comments
Last Update : 12 กรกฎาคม 2553 10:50:03 น.
Counter : 1138 Pageviews.

 
 
 
 
แวะมาตามชมภาพบรรยากาศด้วยคนครับ
 
 

โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:21:31 น.  

 
 
 
เก่งมากค่ะ
 
 

โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:19:30 น.  

 
 
 
ตามมาชมครับ สุด ๆ ไปเลยนะทริปนี้
 
 

โดย: นายหัวเด่น วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:45:49 น.  

 
 
 
โดยรวมแล้วก็เป็นทริปที่สนุกมากทริปนึงอ่ะนะ ผจญภัยดี
 
 

โดย: “เนวิเกติ๋ม เจษฎาภา” IP: 210.246.148.28 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:36:49 น.  

 
 
 
ทำไมไอ้สุนทรมันเป็นเนวิเกติ่มไปได้ว่ะ ทีในสนามบอลมันเป็นมิดฟิลด์พันธุ์ดุ ไล่เตะคนอื่น
 
 

โดย: สมาชิกชมรมฟุตบอล IP: 210.246.148.28 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:20:36 น.  

 
 
 
ทำไมไอ้สุนทรมันเป็นเนวิเกติ่มไปได้ว่ะ ทีในสนามบอลมันเป็นมิดฟิลด์พันธุ์ดุ ไล่เตะคนอื่น
 
 

โดย: สมาชิกชมรมฟุตบอล IP: 210.246.148.28 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:20:37 น.  

 
 
 
ก็นั่นมันทางเรียบน่อ..
 
 

โดย: คนพาไป IP: 210.246.148.28 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:54:46 น.  

 
 
 
อยากไป แต่ใจไม่สู้ขอตามไปดูแทนดีก่าเนอะ.....
 
 

โดย: สาวข้างบ้าน IP: 119.31.8.214 วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:18:13 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

KMyoungelite
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]








[Add KMyoungelite's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com