เมษายน 2563

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
เมื่อพรุ่งนี้คุณถูกเลิกจ้าง
จะเป็นอย่างไรถ้าพรุ่งนี้คุณถูกเลิกจ้าง ???  ฉันเชื่อว่ามันคงเป็นคำถามที่หลายๆท่านก็อาจจะยังนึกคำตอบไม่ออก หรือ อาจจะคิดว่ามันอาจไม่เกิดขึ้น   ใช่คะ ทุกท่านก็คงเป็นเหมือนกันกับฉัน คือ ไม่รู้สิคิดไม่ออก และ ก็คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเรา  ถ้างั้นวันนี้ฉันจะขอมาเล่าประสบการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับฉัน ให้เพื่อนๆ ได้ฟังนะคะ 

ฉันก็เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ที่ต้องตื่นเช้าเพื่อไปทำงานให้ทันเวลาเข้างาน 8 โมง และเลิกงานตอน 5 โมง ฉันเป็นคนที่เคยผ่านประสบการณ์การทำงานในส่วนของแผนกบุคคลมาแล้ว เคยต้องสัมภาษณ์งาน ฝึกอบรมพนักงาน พูดคุย ตักเตือนพนักงาน รวมไปถึงเชิญพนักงานออกมาแล้วก็มี ด้วยประสบการณ์ที่ต้องสัมผัส พูดคุยกับคนในช่วงอายุที่แตกต่างกัน มันทำให้ฉันมีประสบการณ์กับพฤติกรรมการแสดงออกของคนได้ในระดับหนึ่ง  ซึ่งที่ผ่านมา มันไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง

และครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉันรู้สึกสัมผัสได้ถึงพฤติกรรมหลายๆอย่างที่เปลี่ยนไปในบริษัทฯ ตลอดช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับแผนกของฉัน  แต่...ฉันก็พยามยามมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ว่า มันอาจไม่มีอะไร คงเป็นเพราะสถานการณ์ต่างๆทั่วโลกหรือในประเทศไทยตอนนี้ ทุกคนต่างวิตกกังวัลในเรื่องของไวรัส โควิด-19 มันเลยอาจทำให้สถานการณ์ดูแปลกๆ ตึงๆ ก็เป็นไปได้

แต่แล้ว เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้ ในเช้าวันอังคารที่ 31 มี.ค. 2563 ฉันก็ยังคงไปทำงานตามปกติเหมือนเคย จนกระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน ฉันถูกเชิญเข้าไปพบในห้องประชุม โดยมีหัวหน้างานและฝ่ายบุคคลนั่งรออยู่ เมื่อเปิดประตูเข้าไป ความรู้สึกแรกคือ รู้สึกได้ว่าตัวเองมีอาการชาไปทั้งตัวแปลกๆ  และเมื่อมองเห็นซองสีขาวและเอกสารวางอยู่บนโต๊ะในมือของฝ่ายบุคคล ฉันรับรู้ได้ทันทีถึงอาการที่เกิดขึ้นของตัวเอง ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับฝ่ายบุคคล ฉันเห็นสีหน้าและแววตาอันตึกเครียดได้เป็นอย่างดี มันทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีว่า เหตุการณ์ทีฉันหรือคุณอาจไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น มันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ฉันรับรู้ได้ในทันทีว่า หลังจากวันนี้ฉันคงหมดโอกาสที่จะได้ทำงานที่นี่อีกต่อไป

หลังจากนั้น หัวหน้างานฉัน และฝ่ายบุคคล พลัดกันพูดไปพูดมาอยู่หลายประโยค แต่เชื่อไหม  ฉันรู้สึกอื้ออึง สับสน เหมือนร่างกายมันไม่มีเลือดไหลเวียนอยู่เลย มันชา มันหวิวไปหมด ฟังไปโดยที่ไม่รู้ว่าเข้าใจสิ่งที่เค้าพูดรึเปล่าด้วยซ้ำ จนกระทั่งบทสนทนาเงียบลง ฉันลุกขึ้นและก้าวออกมาจากห้องนั้นด้วยขาที่สั่นเทา เดินตรงออกยังโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วลงมือเก็บของที่อยู่บนโต๊ะ ด้วยมือที่สั่นเทา รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเย็นเฉียบ และในหัวสมองยังคงมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน  ฉันเก็บข้าวของและเดินออกลงบันไดไปยังชั้นล่างด้วยขาที่มันยังสั่นไม่หยุด  ฉันเดินผ่านประตูทางออกของบริษัทฯไปขึ้นรถที่แฟนฉันจอดรอรับอยู่เป็นประจำ  เค้าเห็นฉันหอบข้าวของมาเยอะแยะ ก็เลยถามว่าขนอะไรมาเยอะจัง  ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งว่า ก็ของใช้ทั้งหมดของฉันนั่นแหละ บริษัทฯเค้าเลิกจ้างฉันแล้ว ฉันก็เลยต้องเก็บของกลับบ้าน แฟนฉันตอบกลับมาว่าพูดอะไร ฉันตอบกลับไปว่า มันเป็นเรื่องจริง บริษัทฯเลิกจ้างฉันแล้ว 

ฉันปิดประตูรถและบอกให้แฟนขับรถออกไป กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน ฉันได้เล่ารายละเอียดต่างๆ ให้แฟนฟัง สิ่งที่เค้าทำได้ก็คือ คำปลอบใจและคำให้กำลังใจ ที่มีส่งมาให้เรื่อยๆ  แต่เชื่อไหม ฉันฟังมันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เหมือนสมองหยุดพัฒนาการยังไงยังงั้น  จนกระทั่งมาถึงบ้าน ฉันเรียกพ่อ และพี่สาวให้ลงมาบ้าน มารวมตัวกันที่ห้องรับแขก ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก หลังจากนั้นฉันก็เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้น น้ำตาค่อยๆไหลออกมา ฉันยืนเล่าด้วยน้ำตานองหน้าความอัดอั้นทั้งหมด มันพรั่งพรูออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลไม่หยุด ทุกคนในครอบครัวต่างก็พูดปลอบโยนและให้กำลังใจ มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลยทีเดียว เมื่อฉันเล่าจบ มันก็เหมือนทุกอย่างได้จบลงตรงนั้นเช่นกัน ฉันเลิกร้องไห้ ร่างกายฉันกลับมาเป็นปกติ ไม่มีอาการสั่นเหมือนก่อนหน้านี้ อาจเป็นเพราะฉันได้ระบายสิ่งต่างๆ ออกมาหมดแล้ว ฉันรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน

คืนนั้น ฉันสวดมนต์ก่อนเข้านอน ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ฉันทำเป็นประจำอยู่แล้ว หลังจากสวดมนต์เสร็จ ฉันรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากๆ เริ่มกลับมาทบทวนและเริ่มคิดวางแผนต่ออนาคตของตัวเองในวันพรุ่งนี้  ฉันรู้สึกว่าตัวเองสามารถนอนหลับได้อย่างปกติ โดยไม่รู้สึกกังวลต่อสิ่งใดๆที่เกิดขึ้น เพราะการสวดมนต์สร้างสมาธิให้กับจิตใจได้เป็นอย่างดี คำสอนหรือธรรมะหลายๆอย่างผุดขึ้นมามากมาย ให้ฉันได้นำไปคิดและเสริมสร้างต่อจิตใจตัวเองให้กลับมาเข้มแข็ง

"สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นย่อมดีเสมอ" เป็นคำพูดที่ผุดขึ้นมาในสมองของฉันตอนนั้น ฉันบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร วันนี้มันอาจเลวร้าย แต่ไม่ได้แปลว่าทุกๆวันมันจะเลวร้ายไปทั้งหมด  สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ มันทำให้ฉันได้มุมมองหลายๆ อย่างในชีวิต  มันทำให้ฉันเข้าใจได้ว่า "บนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรแน่นอนเลย" ดังนั้น หลังจากนี้การวางแผนให้กับชีวิตของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญและมีผลต่อการวางแผนในอนาคตต่อไปอีกด้วย

ฉันอยากจะบอกเพื่อนๆว่า ถ้าตอนนี้สิ่งที่คุณเคยคิดว่ามันอาจไม่เกิด ขอให้คิดซะใหม่ว่า ทุกๆสิ่งเกิดขึ้นได้เสมอ ก็เหมือนสถานการณ์ไวรัส โควิด-19 ตอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่จะเป็นคำตอบได้ดีกับคำพูดที่ว่า "บนโลกนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน"  จริงไหม  ใครบ้างจะคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นและสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลก นักบินไม่ได้ทำงาน ร้านเสริมสวยถูกสั่งปิด ร้านอาหารห้ามเปิดให้นั่ง ให้แค่สั่งกลับบ้าน ฯลฯ อีกมากมาย 

ไม่ว่าตอนนี้เพื่อนๆ จะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ฉันขอเป็นกำลังใจให้คะ เราจะสู้ไปด้วยกัน เราจะผ่านมันไปให้ได้ และเราจะต้องเริ่มคิดทบทวนในการวางแผนชีวิตของตัวเองใหม่นับตั้งแต่นี้ เราอาจควบคุมสถานการณ์อะไรไม่ได้ แต่เราควบคุมจิตใจเราได้ และเราต้องสร้างความไม่ประมาทให้แก่ชีวิตของเราต่อไปได้คะ 

ถึงตอนนี้จะยังไม่มีงานทำ แต่ตารางกิจกรรมของฉันแน่นเอียดเลย ช่วงเช้าก็ส่งใบสมัครงาน ช่วงสายก็เรียนทำขนมออนไลน์ ตกบ่ายก็เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ พวกออนไลน์มีแบบฟรีๆเยอะนะคะลองหาดูคะ  ตอนเย็นก็วิ่งออกกำลังกายหน้าบ้าน  ค่ำๆก็ดูหนังให้ผ่อนคลาย สวดมนต์และเข้านอน  เพื่อนๆ ลองดูนะคะ ถือซะว่าเป็นช่วงกอบโกยความรู้และสุขภาพให้ตัวเองก็แล้วกัน 

It' just a bad day, not a bad life.

See you a later ka.




 



Create Date : 10 เมษายน 2563
Last Update : 10 เมษายน 2563 15:07:22 น.
Counter : 777 Pageviews.

3 comments
  
น้องก้อย Strong
โดย: Nakarin Timwong IP: 171.96.39.216 วันที่: 10 เมษายน 2563 เวลา:15:41:44 น.
  
ข้อความดีๆ เป็นกำลังใจให้จ้ะก้อย
โดย: Toom Sukumalchan IP: 159.192.221.94 วันที่: 10 เมษายน 2563 เวลา:16:41:38 น.
  
โลกใบนี้ยังมีกัลยาณมิตร​อีกมากมายที่คอยsupport และลูกเกดจะเป็นหนึ่งในนั้นนะคะ บางครั้งการที่ต้องหยุดเดินในทางเดิมๆ มันอาจจะเป็นจุดเริ่มใหม่ที่ดีกว่าเดิม และในทางเฉพาะของเรา ที่ยั่งยืนกว่าเดิมนะคะ เชื่อว่ามันจะมีของขวัญพิเศษ​สำหรับคนที่ดีเสมอค่ะ
โดย: ลูกเกด IP: 110.169.222.44 วันที่: 11 เมษายน 2563 เวลา:9:51:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาดามกิม
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]