<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
10 กุมภาพันธ์ 2555
 

ลาวโลด Day 5~




















วันที่ 16 สิงหาคม

ตั้งนากาปลุกตื่นกันแต่เช้า กะว่าจะออกเดินไม่ให้เกิน 7.00 น. แล้วก็ทำได้ตามนั้นเพราะไม่งั้นเรากลับมาไม่ทันรถเที่ยวกลับแน่ๆ

ทำอะไรเสร็จก็นั่งเก็บบรรยากาศกันแป๊บนึง อยากอยู่ต่อกันทั้งคู่อ่ะแหละ แต่ไม่สามารถแล้ว

กะว่าจะหาไรกินเล็กน้อยแต่ยังไม่มีบ้านไหนเปิดขายของเลย บ้านที่เราซื้อนมเมื่อคืนก็ยังปิดเงียบ ก็เอาวะ ไปตายดาบหน้าละกัน

เมื่อวานถามคุณป้าแล้วว่าต้องเดินไปทางไหน คุณป้าบอกว่าเลียบแม่น้ำก็ไปได้แต่ถนนแฉะเพราะน้ำเพิ่งลดให้เดินออกถนนลูกรังไปดีกว่า ทางนี้ๆๆๆ เดินๆไปซักพักก็เจอสะพาน อ่อ นี่เองสะพานเหล็กที่เค้าว่ากัน เหมือนว่าเค้าคงจะสร้างสะพานข้ามฟากล่ะมั้ง แต่สร้างได้นิดเดียวเองนะ งบคงมากเกินไป ละก็คงทำลายบรรยากาศละก็ทำลายวิถีชีวิตที่อยู่กับน้ำของคนที่นั่นด้วยแหละ





แสงไม่เป็นใจ รูปดำเชียว หุ หุ

เห็นรถนักท่องเที่ยวจอดเต็มเลย ยังไม่ถึงเวลาทัวร์มาอ่ะเนอะต้องเที่ยงๆบ่ายๆอ่ะแหละ แล้วนี่หน้าโลว์ด้วย

เดินย่ำต๊อกกันไป 2 คน แดดเปรี้ยงมาก ทุ่งนาเขียวอี๋กันเลยทีเดียว นานๆจะมีชาวบ้านสวนมา ส่วนนักท่องเที่ยวนี่ไม่เจอเลยเหอะ เราสตาร์ทเช้ามากเพราะเราไม่มีพาหนะ จริงๆเค้ามีมอไซค์เช่าแหละแต่ประเทศนี้มอไซค์เช่ามีแต่แบบมีเกียร์ซึ่งป้อขี่ไม่เป็น จักรยานก็มีแต่เราขี่ไม่เป็นไง ซวยน้องมันจริงๆต้องเดินสถานเดียว เดินคุยกันไป ถ่ายรูปนั่นนี่บ้างในช่วงแรกๆ แต่ช่วงหลังนี่เงียบเลยถึงกับแอบหอบ มันร้อนมากอ่ะ เหงื่อเป็นน้ำ





จนในที่สุดเราก็ถึงสะพานที่ข้ามไปดอนคอนจนได้ ที่พักชื่อกระฉ่อนก็อยู่ที่ตีนสะพานนี่เอง มันใกล้ดอนคอนทำให้ย่นระยะทางได้เยอะไงแต่มาถึงแบบเมื่อวานก็ไม่สามารถถ่อสังขารแบกเป้มาถึงนี่ได้หรอกนะ สะพานใหญ่นะ แต่เดินตรงกลางสะพานไม่ได้เพราะมันโคตรแฉะอ่ะ ต้องเดินขอบสะพาน ซึ่ง มันเสียวมากท่านผู้ชม เดินตัวเกร็งเลยทีเดียว น้ำข้างล่างก็โคตรไหลเชี่ยวแถมเต็มเปี่ยมเชียว แง้ แต่ก็ยังมีอารมณ์หยุดถ่ายรูป





บ้านกลางน้ำหลังนั้นของไผ ช่างอาจหาญยิ่งนัก จะว่ามันเคยเป็นแผ่นดินละโดนน้ำเซาะก็เกินไปหน่อยมั้ย กลางน้ำซะขนาดน้านนนนน ดูยังไงก็ตั้งใจอ่ะ

พอสุดสะพานเราก็ยืนหมุนๆกันไปไหนต่อล่ะเนี่ย ก็มีเสียงเรียกยูๆมาจ่ายตังค์ค่าผ่านทางก่อน 55555 แหมคิดว่ามาแต่เช้าจะรอดนะเนี่ย แต่ดูจากสภาพแล้วน่าจะนอนกันในป้อมนั่นเลยแหละ ก็ตะกายลงไปจ่ายตังค์เสร็จก็ทำหน้ามึนถามว่าไปทางไหนต่อง่ะต่ะเอง เค้าก็ชี้ๆ โอพระเจ้าจ๊อดมันยอดมาก ทางสุดยอดเลยว่ะเฮ้ย จะแฉะไปไหน ก็ก้มหน้าก้มตาเดินกันไป เห็นป้ายมือมีป้ายชี้ไปชมหัวรถจักร ก็ได้แต่กางี้ดกัน แต่เราต้องไปหลี่ผีกันก่อนนะ ทางขวามือเราซึ่งติดแม่น้ำมีที่พักหรูหราด้วยมีแอร์ด้วยอ๊ะ ตื่งเต้ง แต่ห้องเล็กมากอ่ะแมวดิ้นตาย เดินๆเม้าท์โน้นนี่ไปซักพักทางก็ดีขึ้น อารมณ์ว่ารถผ่านน้อยละไง เดินๆไปเจอแก๊งค์ลูกหมูด้วย กรี๊ดดดด น่ารักอ๊ะ

เดินๆไปก็มีป้ายนะ ป้ายไปชมโลมา มีตลอดทางอ่ะ จนเราแบบอารายเนี่ย

เดิน เดิน เดิน เดิน เดิน จนมีฝรั่งขี่จักรยานแซงหน้าไปเลี้ยววาบ อ๊า ถึงทางเข้าหลี่ผีแว้ววววววว

เริ่มลั้ลลากันอีกรอบ วู้ ฮู ฮุยเลฮุย

ไปถึงร้านค้ายังปิด 90 ปูเซ็ง เรามาเช้าเกินไปใช่ม้ายยยย คิดว่าถึงแล้วแต่ยังฮ่ะ ยังต้องเดินต่ออีก ข้ามสะพานอีก ได้ยินเสียงน้ำมาแต่ไกลเลย เสียงดังมากอ่ะ พอถึง โอ้ว น้ำมันแรงงี้นี่เองถึงได้เสียงดังขนาด ละฝรั่งหายไปไหนกันหมด มีแต่คนลาวมานั่งตกปลากันอยู่ ฮ่า





มีแต่ป้าย danger สารพัดภาษา เค้าบอกว่ามีคนตายทุกปี ปีละหลายๆคน

ก็ตามเคยว่า เห็นแต่น้ำ น้ำ น้ำ และน้ำ ไม่เห็นโขดหินไรแบบที่เค้าถ่ายรูปกันมาหรอก กร๊ากกกกกกก เก่งป่ะล่ะ unseen ลาวใต้นะเฟร้ย ใครจะได้เห็นแบบเรา ไม่มี้ (เสียงสูงกระจกแตก)

หลังจากพยายามถ่ายรูปหลายๆมุมและพบว่าไม่มีอะไรแตกต่าง เวลาก็พอสมควรละ ก็เลยชวนกันกลับ หันขวาเห็นละว่ามีดงไผ่ที่โค้งๆสวยดี ละเหมือนเป็นทางเดินด้วย

เห็นร้านค้าที่อยู่ท้ายแถวกำลังเปิด ก็เลยชวนป้อแวะกินน้ำ คุณป้าก็ชวนนั่งกิน ก็นั่งกินไปมองดงไผ่ไป อดรนทนไม่ได้ก็ถามป้าว่าทางนั้นไปได้อีกมั้ยคะ ป้าบอกได้หนู ไปสิข้างในมีตาดอีกอันด้วย คนไม่รู้กันหรอก รู้จักแต่ข้างนอกนี่แหละ กรี๊ดดดดด สองคนรีบดูดไวตามิลค์กันใหญ่ ไปเที่ยวกันต่อเต๊อะ





เดินไปแป๊บนึง เจอด่านฮ่ะ เค้าเอาควายมากินหญ้าง่ะ มันก็จ้อง เราก็กลัว เง้อ จ้องทามมาย แต่ก็แบบทำไม่รู้ไม่ชี้เดินฝ่าฝูงควายไปกัน จนถึงที่นึงมันมีทางแหวกๆอยู่ ก็เดินเข้าไปดู น้ำตกค่าน้ำตก เจอน้ำตกแว้วววววว ดีจาย ปอป้อถึงกับกรี๊ดดดด นั่งชื่มชมโสมนัสกัน 2 คน ละก็ลองเดินต่อไปอีก ก็มันมีทางไปต่อนี่นา เดินๆไปเจอป้ายห้ามลงเล่นน้ำ ก็เลยเดาว่าหน้าแล้งคงมีคนชอบแอบลงไปเล่นน้ำแถวนั้นมั้ง แต่นี่หน้าน้ำ มองไม่เห็นทางว่าจะลงไปยังไง แต่ก็ไม่แน่ คนบางคนก็ชอบเสี่ยงตาย เดินต่อกันไปอีกแป๊บรู้สึกว่ามันชักไปกันใหญ่ละ พอเหอะ ก็ชวนกันกลับ มาผจญฝูงควายอีกรอบ อย่าเข้ามานะเฟร้ย ชั้นหนังเหนียวย่ะ

เดินกลับออกมาเจอฝรั่งตรึม อ้าว เค้าเริ่มมากันละนิ

ขากลับเลยถ่ายรูปซะหน่อย





น้ำแรงมากอ่ะ ของสารพัดสิ่งลอยตามน้ำมาเพียบ กิ่งไม้ กระป๋อง ฯลฯ จริงๆมีป้ายห้ามรถข้ามสะพานด้วยนะ แต่เห็นคนแถวนั้นก็ขี่มอไซค์ข้ามไปมากัน ขนของด้วย หุ หุ อ่อ มีรถนักท่องเที่ยวจอดอยู่ด้วย รถแบบนี้แหละที่เวลามากะทัวร์ ทัวร์จะพานั่งมาจากดอนเดด ซึ่งเราสงสัยกันมากว่าเค้ามายังไงกัน จะลงจากสะพานข้ามเกาะทางไหน ยังไง แต่ไม่มีเวลาจะสำรวจละ จะทันเรือมั้ยเรา มัวแต่เที่ยวเล่น ง้ากกกกกก เดินจ้ำๆๆๆๆ กันมาจนถึงทางแยกที่เขียนว่าชมหัวรถจักร อิปร้าก็เริ่มเป็นนางมาร ป้อ ป้อ ไปดูกันมั้ย แบบว่าถ้าเดินซักพักรู้สึกว่าไกลเกินเราก็กลับไง ป้อก็ยอม ป๊าดดดด ใจง่ายนิ (เอิ้ก เอิ้ก อิปร้าก็ชวนน้องเถลไถลตลอดเว)





แต่เหมือนพระเจ้าแอบเข้าข้างคนผิด ตดไม่ทันหายเหม็นเราก็เจอหัวรถจักรกันละ ซึ่งป้อผิดหวังมาก เนื่องจากคุณหัวรถจักรไม่ได้ยืนเท่อยุ่ท่ามกลางท้องทุ่งแบบในรูป คุณเค้ายืนอยู่ในร่มมีผนังหลังคาเรียบร้อย มันไม่ได้อารมณ์นะซาร่า ไม่ได้คิดเล้ยว่าคุณเค้าผุมากแล้วถึงต้องเอาร่มมาครอบให้นี่น่ะ ยังไงๆก็มาถึงแล้วก็ถ่ายรูปกันไป อิชั้นถึงขั้นปีนป่ายขึ้นไปแบบไม่แคร์สื่อ(เพราะไม่มีสื่อน่ะจิ) ป้อก็เลยขอบ้าง 555 บิ้วท์ขึ้นนะนี่ แต่เสียใจด้วยรูปอยู่กล้องป้อ

ดูนาฬิกาแล้วแทบวิ่งกันออกมา เพื่อ..........

เพื่อแวะที่ที่พักหรูหราที่เห็นตอนขามา กร๊ากกกกกกกกก สำนึกน่ะมีมั้ยเจ๊

ก็นะ มันค้างคาใจวัยอยากรู้อยากเห็นอย่างเรายิ่งนัก เดินเข้าไปมีหนุ่มสาวแต่งตัวมีชาติตระกูลนั่งเล่นโน้ตบุ๊คกันไม่สนใจโลก แต่ป้ามีความพยายามฮ่ะ ถามได้ความว่าห้องละ 900 บาทถ้วน คงเห็นสีหน้าเราเค้าเลยรีบบอกว่ามีอาหารเช้าด้วยนะ ถามว่าคืออะไร เค้าบอกผลไม้ อย่างวันนี้มีกล้วยกับลูกอะไรซักอย่างที่ตรูไม่รู้จัก อืมมมม จะว่ารักสุขภาพงั้นแล้วจะนอนห้องแอร์ทำไม นี่พาลซะเลย ตรูนอนห้องละ 120 นี่ พาลซะเลย วะฮ่ะฮ่า

จะถามว่าแพงมั้ย ก็ไม่หรอกนะ ถ้าเพียบกับค่าขนส่งค่าวัสดุที่ต้องขนมาจากฝั่ง สำหรับคนที่มีกำลังจ่ายขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก

สบายใจละก็ตะกายขึ้นสะพานกลับ สวนกับฝรั่งมากมายที่เริ่มมากันมากขึ้นละ แอบสงสารคนที่ขี่มอไซค์ ขี่จักรยานมาจริงๆ บนสะพานทางมันเละมากแทบจะต้องอุ้มข้ามมากันแถมต้องอุ้มลงสะพานมาอี๊ก ทางลงเป็นขั้นบันไดฮ่ะ เหอ เหอ ทุ่นแรงรึกินแรงเริ่มไม่แน่ใจล่ะสิ

ขากลับยังคงติดใจบ้านกลางน้ำนั่น บ้านใครฟระ

ขากลับนี่สวนทางเถื่อนมากมาย เราก็จ้ำกันสุดๆ จะทันม้ายยยยยยยยย โฮกกกกกกกกกกกกก

จากที่กะว่า 11 โมงจะลงเรือข้ามกลับไปขึ้นรถตอน 12.00 น. เวลาเหลือเฟือ

ปรากฎว่าไปถึงที่พัก 11.45 แม่เจ้า ผลัดกันเข้าห้องน้ำ คว้าเป้ ไปตะโกนเรียกป้าที่บ้าน จ่ายตังค์ ป้าถามรีบกลับไปไหน ง่า ก็อยากอยู่ต่อนะค้าแต่ไม่มีเวลาแล้ว แต่ก็ยังอุตส่าห์มีแก่ใจจะถ่ายรูปที่พัก 55 ก็มันประทับใจ แต่รูปมืดซะงั้น แสงไม่เป็นจายยยย





วิ่งไปตรงที่เราขึ้นจากเรือเมื่อวาน แต่ไม่มีเรือจอดอยู่ซักลำ หันรีหันขวางไม่เห็นใครเลยบอกป้อเอาตั๋วรถขากลับออกมาดูเบอร์โทสับบอสัดรถละโทรไปบอกเค้าว่าเราจะเลทรอด้วยยยยยยย ละเราก็วิ่งๆไปร้านค้าแถวนั้นถามเค้าเรื่องเรือ เค้าบอกรอแป๊บ สามีเค้าไม่อยู่ อ๊ากกกกกกส์ ป้อก็โทรไม่ติดอยู่นั่น คุณคนขับเรือกลับมาก็ต้องเติมน้ำมันอีก ง้ากกกกกกกกก พอโทรติดเค้าบอกเค้าไม่แน่ใจว่ารถออกมารึยังแต่จะโทรให้ ไอ้เบื๊อกแกไม่เช็คคนเลยเรอะ คนไม่ครบก็ออกงั้นเหรอ ทีขามาแกช้าชั้นต้องรอ พอขากลับชั้นช้าแกไม่แคร์ใช่ม้ายยย

พอเรื่องรถเสร็จ เรื่องเรือก็เข้าแทรก คุณเรือบอกว่าให้จ่ายค่าเรือก่อนซึ่งราคาไม่ใช่ราคาปกติซะแล้ว เค้าบอกแค่ 2 คน เค้าไม่คุ้มที่จะออกเรือ จีวิตตตตต

นั่งเรือไปฝนก็ตกพรำๆ น้ำตาฟ้า ฮึก ฮึก

จากเรือมองเห็นที่พักเราด้วยนะ หลังคาขาวๆนั่งไง เห็นกันมั้ยยยย บายบาย จุ๊บุ จุ๊บุ

ไปถึงวิ่งแท่ดๆไปที่ท่ารถไม่เห็นแม้เงารถตู้ เจ๊อะ ให้ป้อโทรหาบอสัดรถอีกรอบเค้าบอกรถออกมาก่อนที่เราจะโทรไปบอกให้รอ แหมละมันจะกลับมารับหน่อยก็ไม่ได้เนอะ หันไปหันมาเห็นเคาน์เตอร์มีราคาค่ารถไปโน่นไปนี่ติดอยู่ก็เลยเดินเข้าไป เค้าก็ถามเราก็บอกไปว่าเรามีตั๋วเที่ยวเที่ยงแต่งี้ๆๆๆๆ ป้อบอกบอสัดรถให้ไปหาคนชื่อ ชื่อไรหว่าลืม อิหนุ่มขี้เก๊กที่คุยกะเราก็บอกว่าคือมานเนี่ยแหละ อืม ละไงล่ะ ฮีก็แบบรอก่อน ก็รอกันไป ซักพักอ่ะ ฮีก็บอกเดี๋ยวไปรถคนนี้นะ ก็อือๆได้ ก้อรออออออ อิคนขับเข้าห้องน้ำนานมาก ท้องเสีย??? สรุปทั้งรถมีกัน 3 คน มีสาวลาวคนนึงนั่งหน้าคู่คนขับ เรากะป้อนั่งข้างหลัง เหนื่อยและง่วงและร้อนแต่หลับไม่ลงฮ่ะ ก็ได้แต่นั่งเงียบๆกันไป พอมีไรน่าสนใจผ่านตาก็คุยกันที ละก็นั่งหงอยกันต่อ ซักพักป้อหลับ 555 สงสารน้องมากอ่ะ ต้องมาตกระกำลำบาก สาวลาวลงกลางทาง ชีกลับบ้านน่ะ

พอถึงดอนตลาดก็ลงกัน มีฝรั่งจะขึ้นไปปากเซแต่รถไม่ไป เค้าจะกลับไปดอนเดด ยังคิดอยู่ว่ามันต้องมาส่งคน 3 คนนี่คุ้มเหรอฟระ แต่ดูเหมือนว่ารถที่นี่จะเป็นเครือข่ายเดียวกันหมดนะ คือถ้าเราซื้อตั๋วแล้ว คันไหนก็มาส่งได้ประมาณนั้น แล้วเค้าก็จะได้เงินจากบอสัด ไม่มีสิทธิรับลูกค้าเอง ถ้าไม่มีตั๋วมันก็ไม่รับเหมือนฝรั่งที่จะไปปากเซนั่นแหละ

เดินแบกเป้กันไป 2 คน เจอสภาพวังเวงอีกละ ที่เคยอ่านมาดอนตลาดจะเป็นท่าเรือที่คึกคักมากนะ มีทั้งเรือโดยสารข้ามฟาก มีทั้งแพขนานยนต์ แต่เราแบกเป้ขนาดนี้เค้าก็รู้แหละว่าจะข้ามฟาก ก็โดนราคาเหมาอีกตามเคย จะมีโอกาสจ่ายราคาปกติกี่หนเนี่ย ทริปนี้





ฟ้าครึ้มตามมาถึงนี่เลย เง้อ อย่าจิ เค้าจาไปปราสาทวัดพู ถ้าไปไม่ได้นี่โปรแกรมรวนเลยนะเฮ้ย

ถึงท่าเรือฝั่งจำปาสัก อา เป็นท่าเรือนะคราวเน้ 5555 แต่สภาพก็กริบมากมาย เดินทำหน้าเด๋อด๋ากันออกไปที่ถนน เจอ 4 แยก ทีแรกตัดสินใจเดินตรงไปละ เห็นถนนมันใหญ่ดี แต่ดูๆแล้วมันไม่มีสภาพเมืองเลยแฮะ (แหงล่ะ มันเป็นเส้นตัดใหม่ออกนอกเมืองแบบไม่ต้องข้ามเรือไงเธอว์) ก็เลยเดินย้อนกลับมาละก็เลี้ยวขวา ซึ่งคือเลี้ยวซ้ายถ้ามาจากท่าเรือ เดินๆไปได้ซักแป๊บ มีคนตะโกนเรียกหาที่พักเหรอหนู หันไปป๊ะคุณลุงคนนึงขับตุ๊กๆมา ไปพักบ้านลุงมั้ยยยยย ไปค่าาาาาาาา ว่าแล้วก็โดดขึ้นรถลุงไปแบบใจง่ายสุดชีวิต ไปถึงลุงก็พาดูห้อง มีห้องแอร์ด้วยแต่เต็มนะ เหลือแต่พัดลม 400 มั้งถ้าจำไม่ผิด ก็เอาค่า ละก็ถามลุงหนูจะไปวัดพูค่า ลุงบอกได้ๆเดี๋ยวจัดให้ 350 บาท โอเคค่าราคานี้เลยที่เคยอ่านมา ลุงคะหนูจะไปตอนนี้เลยค่ะ มัน 15.30 น. แล้วค่า ลุงก็แบบโอ้เดี๋ยวไม่ทันเนอะ แล้วลุงก็ไปจัดการ เราก็เอาของไปเก็บ ออกมารอแป๊บนึงลูกชายลุงก็มา ซิ่งโลดดดดด

ระหว่างทางมีฝรั่งขี่จักรยานเพียบบบ

ไปถึงคุณพี่ก็พาไปจอดที่ขายตั๋ว วิ่งดุ๊กๆๆๆกันลงไป ละก็วิ่งกลับมาคุณพี่กวักมือหยอยๆให้ขึ้นรถต่อ อ้าวก็นึกว่าถึงแล้ว ปรากฎนั่งรถต่อเข้าไปอี๊ก





ลงรถก็ต้องเดินเข้าไปอี๊ก ภูเขาเมฆเรี่ยลูกนั้นแหละที่เราหมายปองงงงงง

ระหว่างทางเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา อิชั้นก็ self portrait ไปเรื่อยๆ เดือดร้อนปอป้อต้องพยายาม self บ้างโดยกล้องมีชาติตระกูล ฮา พยายามเข้า

วัดพูเป็นมรดกโลก ตอนนี้กำลังบูรณะเลย ด้านหน้านี่ปิดบูรณะล้วนๆ





อิปร้าก็พยายามปีนป่ายไปเรื่อย สาระเป็นที่สุด

ด้วยเวลาจำกัด(เค้าปิด 18.00) และฝนที่ตกพรำไม่รู้จะเทลงมาเมื่อไหร่ พี่เมฆพุงย้อยซะขนาดนั้น ก็เลยถ่ายรูปๆๆๆ ละก็จ้ำๆๆๆๆต่อ แฮ่ก

จากภูมิประเทศเป็นเขา ก็ต้องต้านแรงโน้มถ่วงกันไปเรื่อยๆ เริ่มจากแบบเบาเบาก่อน ทางยังลาดอยู่ ยังไม่ชัน ก็อู๊ยยย สวย ถ่ายรูปกันงั้นงี้ (เป็นการประชันกันระหว่างกล้องมือตื๋อกะกล้องชาติตระกูล กร๊ากกก ช่างกล้า) ซักพักคุณพี่เงียบไป คุณน้องก็สงสัยคุณพี่ทำไร อ่อ……….





กำลัง self portrait อย่างเมามันนี่เอง กร๊ากกกกกกกกกกก

อ่ะ ไปต่อ ไปต่อ

บึ้ดจ้ำบึ้ด กันขึ้นไปเรื่อยๆ ทำไมมันชันขึ้นเรื่อยๆว้า แหงนคอตั้งบ่าอ๊ะ





จะสโลว์มากก็เกรงว่าจะไม่ทันเวลา เฮือก

ก็เลยพยายามเดินให้สังขารไหวที่สุดและทำเวลาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดมันอยู่ตรงไหนนี่นา จนแบบถึงจุดนึงที่แบบไม่ไหวแล้วเห๊อะ ตรงจุดนั้นก็มีร้านขายน้ำพอดี เหมือนรู้ว่าพอถึงตรงนี้ทุกคนจะไม่ไหวละ ก็พักกันกินไวตามิลค์คนละขวด สวรรค์รำไร

พักแป๊บ มีฝรั่งเดินมาเห็นสภาพเราละขำๆ ไรยะ เช้าเค้าก็เดินไปหลี่ผีตั้งกี่โล มาเดินที่นี่ต่ออีกนะ ชริ

พอไหวก็ไปต่อ เดี๋ยวไม่ทันเวลา

คราวนี้ไม่นานแล้วจ๊ะ ถึงแล้ว ยาฮู้






ดูรูปละอนาถ หัวลีบได้ขนาดนั้น ทั้งเหงื่อทั้งฝน เง้อ ที่ใส่หมวกนี่กันฝนนะไม่ได้กันแดด

ไหว้พระเสร็จก็เดินสำรวจกัน








ถ่ายรูปหนุกหนาน เสียดายไม่มีแดด

เจอก้อนหินที่ตัดเป็นสี่เหลี่ยมละมีตะไคร่จับวางเต็มพื้น เห็นปุ๊บเราก็อุ๊ย Royce รสชาเขียว ป้อส่ายหัว คิดได้ไง ก็คิดแบบคนตะกละอ่ะป้อ ฮี่ ฮี่

มีอีกจุดนึงเป็นหน้าต่างๆ คือเหลือแต่หน้าต่างไม่มีไรรอบๆเลย 555 เราก็แบบ อ๊ะ กรอบรูป ไปยืนแป้นแล้นให้ป้อถ่ายรูปให้ ป้อก็แบบคิดได้ไง 555555 สมใจอยากละก็สำรวจต่อ เดินลุยขึ้นไปเรื่อยๆ เห็นหินก้อนใหญ่เหมือนเป็นปากถ้ำ ก็เลยเดินไปดูกัน ข้างในมีพระพุทธรูปมีของไหว้ด้วย แต่ไม่ได้เข้าไปหรอกนะ ไม่รู้เข้าได้ป่าว





ละก็ไปชมวิวกัน ฝนเริ่มตกหนาเม็ดขึ้นละตอนนั้น แต่อย่าได้แคร์ ถ่ายรูปไปเช็ดฝนไปกันเมามัน

อ้อ มลโทรหาด้วยตอนอยู่บนเขานั่นน่ะ ถามว่าเป็นไงมั่ง เราก็เลยเปรยๆไปว่าตังค์หมดสงสัยจะไม่ได้กลับไทยแล้วล่ะ มันตกใจใหญ่บอกให้โอนตังค์ให้มั้ย แกจะโอนยังไงฟระ แต่ก็ซาบซึ้งมากเพื่อน กาซิก กาซิก

ยืนชื่นชมโสมนัสกะวัดพู และเริ่มจะโทมนัสละว่าตรูจะกลับถึงไทยมั้ยเนี่ย

สุขแบบหน่วงๆ (กร๊ากกกกก) กันจน 17.30 ก็ตะกายกลับกันลงมา ยังมีคณะทัวร์สวนทางขึ้นไปอีก งงง่ะ จะปิดละยังมากันอีกเหรอ ป้อบอกเค้าปิดขายตั๋วแต่คนที่เข้ามาแล้วก็อยู่ต่อได้ไรงี้ป่ะ เหรอ อืมมม





ขนาดหน่วงๆ ยังมีแก่ใจจะถ่ายรูปต่อ คือมันติดใจตั้งแต่ขามาไง แต่อันนี้ถ่ายไปปัดฝุ่นไปด้วย ฮ่า

ตั้งใจว่าชั้นจะถ่ายสะพานให้ได้ (ยังคงโรคจิตกับสะพานไม่เลิก) เลยได้พระพุทธรูปมาด้วย ขามาเราไม่เห็น พอเห็นขากลับนี่ถ่ายเกือบไม่ทัน แง่ม

กลับมาถึงที่พักจ่ายค่ารถ ค่าที่พัก ละก็ถามถึงรถที่จะกลับไปปากเซด้วย ลุงก็จัดให้เป็นรถที่ไปปากเซโดยทางตัดใหม่ไม่ต้องข้ามเรือละ ก้อเอาจ่ายให้หมดทุกสิ่ง ละก็สั่งข้าวผัดมากินคนละจาน ระหว่างรอข้าวซึ่งนานมากตามสไตล์ ก็นั่งสังคยนาชีวิตกัน บอกป้อเอาตังค์ออกมากองรวมกันแล้วนับดิ๊ เสร็จละอ่ะเอาโพยมากางว่าพรุ่งนี้เรามีค่าใช้จ่ายอะไรอีกบ้าง อันไหนเป็น the must ซึ่งทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่เราควรจะทำก่อนมาใช่มั้ยเนี่ย แป่วววว

คำนวณละพบว่าเราไม่มีค่ารถกลับกรุงเทพกันล่ะ

นั่งคิดกันว่าจะทำไงดี คือไม่ได้เอา ATM มาทั้งคู่ ซึ่งถ้าเอามาเนี่ย กลับไปกดที่ฝั่งไทยได้ไง มลก็โทรมาอีกก็บอกมันไปว่าไม่มีค่ารถกลับกรุงเทพว่ะ แต่ค่ารถกลับไทยอ่ะมี มันก็แบบโอนให้มั้ย มลแกเข้าใจมั้ยว่าชั้นไม่มีบัตรไปกดเงินเฟร้ย แต่ก็ซาบซึ้งจริงๆที่มันพยายามสุดๆ มันบอกเดี๋ยวโทรปรึกษาป้าอ้วนอีกที พอวางไปเราก็แบบโทรหาพี่ตุ๋มดีกว่ามั้ย พี่ตุ๋มบ้านอยู่อุบล เราต้องไปขึ้นรถที่อุบลนี่นา แกต้องมีเพื่อนมีญาติบ้างแหละ ป้อบอกพี่พูดนะ 5555 ได้ป้อ นาทีชีวิตพี่ยอม ฮา ก็โทรไป พี่ตุ๋มบอกป้าอ้วนโทรหาแล้วล่ะว่าเด็กบ้า2คนติดอยู่ที่ลาว อร๊ายยยยย อายง่า สรุปคือพอไปถึงไทยให้โทรหาพี่ตุ๋มอีกทีนึงแล้วพี่ตุ๋มจะโทรบอกพี่ชายให้เอาตังค์ไปให้เราที่ขนส่ง เย้ วู้ปี้ ยัปป้า จะได้กลับบ้านแร้ววววววววว เจ้าค่าเอ๊ย คุยกะพี่ตุ๋มเสร็จ มลโทรมาอีก บอกไปว่าเรียบร้อยแล้วจ้า จุ๊บุมากเพื่อน





พอโล่งใจละ ข้าวผัดก็มาพอดี ก็โซ้ยกันแบบปอบลง ข้าวผัดอร่อยมากกกก เยอะมากด้วย กินอิ่มโคตรสบายพุงสุดๆ สบายใจ สบายตัว โอยยยยยย มีฟามฉุก มานั่งคิดแผนพรุ่งนี้กันแบบ ถ้าไม่ได้แบบนี้จะเอาแบบโน้นอะไรยังไง ดีมาก มามีแผนกันวันสุดท้ายเนี่ย ประเสริฐเจรงๆ

ระหว่างเราคุย คุณพ่อครัวก็พยายามจะมาคุยด้วย ซึ่ง ณ อารมณ์นั้น มันไม่ใช่นะกิ๊บ เค้าก็เลยต้องล่าถอยไปแบบจ๋อยหงอยก๋อยมาก ขออภัยมา ณ ที่นี้ (เค้าจะรู้กะแกมั้ย)

พบสรุปลงตัว ก้อนั่งทอดหุ่ยกัน มีหมามานอนเฝ้าด้วย 2 ตัว กลัวลูกค้าหาย 5555

นั่งดูแขนตัวเองแล้วอนาถจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้ ตัวเกรียมสุดยอด เฮ้อ

สักพักยุงกัดทนไม่ไหวก็เลยลุกไปจ่ายค่าข้าว ละก็ไปเดินหาซื้อบัตรเติมเงินกัน เจอที่พักไฮโซชื่ออินทิราถ้าจำไม่ผิด มีไวไฟด้วยล่ะ มีอาหารอิตาเลียนด้วยล่ะ วุ เชิดใส่

กลับมาอาบน้ำ ชาร์ตแบตโทสับ แบตกล้อง

ป้อนั่งท่องโปรแกรมทัวร์ เพราะกลับมาต้องไปออกบูทที่ศูนย์สิริกิตติ์ ส่วนเรานั่งถ่ายรูปหนังสือ ABC ชอบอ๊ะ อยากได้





นอนฟังเสียงฝนจนหลับไป


ไนท์ ไนท์






















































 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2555
2 comments
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 14:07:27 น.
Counter : 768 Pageviews.

 
 
 
 
วัดพูนั่นต้องเหมือนพิมายก่อนบูรณะแน่เลยอ่ะ

ปล. หนังสือ abc นั่น เห็นเหมือนพวกอสด.ตามหาอยู่นะ
 
 

โดย: ฝนเน่ IP: 68.230.64.133 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:38:09 น.  

 
 
 
น้ำน่ากลัวมากกกกก จะไม่ไปเที่ยวหน้าน้ำเด็ดขาด กลั๊ววว

ปล.ดีใจที่เพื่อนรอดมาได้
 
 

โดย: สาวโรงงาน IP: 223.204.157.175 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:26:15 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

vanever
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add vanever's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com