|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
คุยกันเรื่องพื้นฐานหุ้นพลังงาน
ราคาหุ้นตามพื้นฐานที่เปลี่ยนไปเนื่องจาก Product to Feed Margin ที่ลดลงในไตรมาสที่แล้วเหลือเพียง 77เหรียญต่อตันทำให้ส่วนที่เป็นปิโตรเคมีมีผลขาดทุนจำนวนมาก ขณะที่ส่วนของโรงกลั่นยังมีกำไรดีอยู่แต่ก็ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 309 ล้านบาททำให้โรงกลั่นเองก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ แต่ที่ช่วยได้จริงๆคือกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1,200 ล้านบาท เท่ากับว่ากำไรปรกติเพียง 500 ล้านบาทหรือ 0.20 บาทต่อหุ้นเท่านั้น หากไตรมาสต่อไปไม่มีส่วนนี้มาช่วยอีกโดยค่าเงินบาททรงตัว ก็จะทำให้ไตรมาสต่อไปน่าเป็นห่วงมากกว่าไตรมาสนี้นะครับ
โดยเฉลี่ยแล้ว4-5ปีที่ผ่านมาหากแยกสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 บริษัทออกเป็นของ ATC และ RRC จะพบว่ากำไรของ ATC โดยเฉลี่ยค่อนข้างผันผวนมากในรอบ 4-5 ปีมีตั้งแต่ 3,000 ล้าน จนถึง 10,000 ล้าน โดยปีที่แล้ว กำไรอยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านบาท เป็นที่น่าสังเกตว่า Product to Feed Margin ในรอบ 5 ปีไม่เคยตกต่ำถึงไตรมาสที่แล้วมาก่อนโดยเคยต่ำสุดเมื่อปี 2003 ที่ 82 เหรียญต่อตัน แต่ปีนั้นก็ยังทำกำไรได้ถึง 3,200 ล้านบาท ส่วนไตรมาสที่ผ่านมา เหลือเพียง 77 เหรียญ / ตัน และเป็นที่แน่ชัดว่าไตรมาสนี้ คงต่ำกว่าไตรมาสที่แล้วค่อนข้างแน่เพราะราคาวัตถุดิบ(condendate)วิ่งแรงเฉลี่ย 10-20 % แต่Productกลับไม่ไปไหน ซึ่งคงจะทำให้ขาดทุนมากขึ้นอีก ส่วน RRC นั้นกำไรจะค่อนข้างทรงตัวกว่าอยู่ที่ 7,000-9,000 ล้านบาท และแนวโน้มน่าจะยังดีขึ้นแต่ปัญหาของโรงกลั่นยังคงมีอยู่นั่นคือครึ่งไตรมาสหลังของปีจะมี Product ออกมาสู่ตลาดมากทั้งจากอินเดียและจีน ทำให้กดดันค่าการกลั่นลงไปอีก
สรุปนะครับ ผมเชื่อว่าไตรมาสที่ 1/2551 ยังไม่ใช่ผลประกอบการที่ต่ำสุดของปีอย่างแน่นอนครับ โดยผมคาดว่าไตรมาสที่ 2 น่าจะได้กำไรจากโรงกลั่นอีกประมาณ 2,000 ล้าน ส่วนผลขาดทุนจาก ATC คาดว่าจะประมาณ 1,000 ล้าน รวมแล้วไตรมาส 2 คงเหลือกำไรเพียง 1,000 ล้าน หรือคิดเป็น 0.30 บาท/หุ้น ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าหากน้ำมันลงมาที่ 85 เหรียญบวกลบ จะทำให้ Product to Feed Margin กลับมาฟื้นตัวทำให้กำไรเฉลี่ยต่อไตรมาสอยู่ที่ 3,000 ล้านบาทคิดเป็น 1 บาทต่อหุ้นได้ และหากเป็นเช่นนี้ กำไรปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 8,500-9,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 2.87-3.00 บาทต่อหุ้น และหากคิดที่ราคาเหมาะสม PE 8.5 เท่าแล้ว ราคาปีนี้น่าจะลงมาหาฐานใหม่ที่ 24-26 บาทครับ ส่วนเรื่อง Synergy และ การขยายกำลังการผลิตต้องรอ Upgrading Unit ซึ่งอย่างเร็วก็คงเป็นปีหน้านะครับ ผมคิดแบบตรงไปตรงมานะครับ ไม่ต้องการชี้นำแต่มองตามเหตุผลเป็นหลักครับ และหากท่านใดมีแนวคิดแตกต่างออกไปให้ช่วยกันคอมเม้นท์ได้ครับ
อีกนิดนะครับ ส่วนตัวคิดว่าด้วยการทีราคาตกต่ำเปรียบเหมือนยามค่ำคืนแบบนี้ซึ่งหากวันใดที่พระอาทิตย์กลับมาทอแสงใหม่โดย Spread กลับมาที่ 200 เหรียญต่อตันไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามพร้อมขยายกำลังการผลิตและ Synergy ได้แล้วส่วนของ ATC จะทำกำไรได้มหาศาลเฉพาะส่วนนี้ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบวกกับโรงกลั่นที่ขยายกำลังการผลิตแล้วจะทำให้กำไรรวมมีสิทธิ์ไปแตะที่ 25,000-27,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 8-9 บาท ซึ่งมีสิทธิ์ที่อนาคตหุ้นตัวนี้จะไปถึง 50-60 บาทได้ครับ
Create Date : 11 พฤษภาคม 2551 |
|
11 comments |
Last Update : 11 พฤษภาคม 2551 11:01:04 น. |
Counter : 3055 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ริว IP: 117.47.98.34 11 พฤษภาคม 2551 19:58:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนติดหุ้น IP: 58.9.177.194 11 พฤษภาคม 2551 22:15:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: Bigpooh IP: 124.121.95.142 11 พฤษภาคม 2551 22:29:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตันก๋ง IP: 125.24.39.130 12 พฤษภาคม 2551 1:33:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้นฝน IP: 203.149.16.32 12 พฤษภาคม 2551 9:40:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: insider IP: 61.91.188.92 13 พฤษภาคม 2551 9:12:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: onlooker IP: 202.91.18.192 15 พฤษภาคม 2551 16:01:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: เมลอน IP: 118.172.61.52 13 มิถุนายน 2551 7:21:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: Thewind IP: 192.165.213.18 16 มิถุนายน 2551 17:33:19 น. |
|
|
|
| |
|
|
สรุปการซื้อขายตลาดหุ้นไทยประจำวัน
สรุปการซื้อขายตลาดหุ้นไทยประจำวัน-รายหุ้น
ตลาดซื้อขายฟิวเจอร์ TFEX
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์2
Newzealand
Australia-All Ordinaries
Seoul Composite
Taiwan Weighted
Japan NIKEI
Hong Kong HSI
China-Shanghai Composite
Singapore STI
Indonesia-Jakarta Composite
India BSE30
Germany DAX
France CAC 40
London FTSE
กราฟราคาทองคำ
ราคาทองคำ-บาท
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท
ราคาน้ำมัน ปตท.
|
|
|
|
|
|
|
มีความสุขกับการลงทุนนะครับผม