วิสาขปุรณมีเวียนบรรจบ น้อมเกศนบสืบทอดพระศาสนา ดำเนินรอยตามบาทพระศาสดา ใช้ธรรมมาพาตัวมิมัวเมา เพ็ญสิบห้าเดือนหกตกวสันต์ คืนแห่งจันทร์เจิดจ้าละขลาดเขลา เตรียมธูปเทียนบูชาเพื่อขัดเกลา แล้วยึดเอาคำสอนขององค์พระสัมมา จิตพิษฐานลานสงบร่มพระพุทธ เพ็ญพิสุทธิ์ดุจแก้วกลางเวหา ประณตน้อมพร้อมมนัสฯด้วย ศรัทธา ทักษิณาพรั่งพร้อมฉลองวัน หนึ่งประสูติพระเมตไตรยสู่โลกหล้า สองมหุดิฤกษ์ล่วงสรวงสวรรค์ ตรัสรู้มุญจนะได้โดยพลัน กิเลสหมดล่วงวันปัจฉิมยาม บรรลุสู่พุทธองค์ผู้ทรงเดช ตัดกิเลสผ่านพ้นซึ่งขวากหนาม ได้ปรากฏอาสวักขยญาฌ สง่างามนามมุนิกุญชร ทรงเผยแผ่พระปัจฉิมพุทธพจน์ ไตรปิฎกธรรมคำสั่งสอน โปรดเวไนยไม่ประมาททุกบทตอน สายธรรมชโลทรพรพระองค์ ถึงเพลาพระองค์ทรงดับขันธ์ เป็นอีกวันจันทร์เพ็ญสิบห้าตามประสงค์ เพ็ญเดือนหกตกตามเหมือนบรรจง ทั้งพระสงฆ์คฤหัสถ์จัดบูชา วิสาขปุรณมีเวียนบรรจบ น้อมเกศนบสืบทอดพระศาสนา ดำเนินรอยตามบาทพระศาสดา ใช้ธรรมมาพาตัวมิมัวเมา แสงธรรมนำส่องหล้า..........มานาน สืบต่อจวบถึงกาล.............ด่านนี้ ตามรอยท่องตำนาน..........อันเนิ่น ภพเฮย ธารหลั่งธรรมาชี้..............ผ่านพ้นภัยพาล ปณิธานหลั่งท่วมท้น..........ดวงจิต สงบนิ่งอัญชลิต..............ดับร้อน จรรโลงแผ่ชีวิต..............หันสู่ สุขนอ ทุกสิ่งมองสะท้อน..........แก่นแท้เป็นไฉน ธารธรรมไหลหล่อเลี้ยง......ตามกระแส วัฏจักรค่อยผันแปร..........เร่งเร้า เพียงพินิจเพ่งตาแล.........พิศทั่ว ถึงนา คิดชั่วนำตัวเข้า..............สู่ข้องกักกรรม หลักธรรมนำสู่รู้.............แยบยล ปฏิบัติบ่อยฝึกตน...........แกร่งได้ ทุกขังชั่งบัดดล............ จิตหม่น เจ็บเอย ปลดปล่อยละวางไว้...... .ห่างร้อนหยุดแสวง แรงกรรมดุจไกว่ล้อ.........หมุนวน เป็นดั่งใบไม้วน..............ร่วงพื้น ชีพวายไป่รอดชนม์..........คืนฝั่ง เดิมนา ทุกอย่างวางเห็นครื้น........สิ่งล้วนสมมุติ
|
เจิม เจิม เจิม ครับ