มกราคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
19 มกราคม 2551

บทนำ: ณญาดา

ใคร ๆ ก็คิดว่าฉันเหมือนเจ้าหญิงผู้เพียบพร้อมแต่แสนบอบบาง ตลอดชีวิตที่ผ่านมารอบกายของฉันมีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลังคอยดูแลเอาใจตลอดเวลา ชีวิตของฉันสมบูรณ์แบบเหมือนถูกเสกขึ้นจากเทพนิยาย ฉันมีทั้งครอบครัวที่อบอุ่น เพื่อนฝูงที่มากมาย แฟนที่สมบูรณ์แบบและแสนใจดี แต่จะมีใครรู้บ้างว่าฉันอยู่กับชีวิตอย่างนี้ด้วยความรู้สึกอย่างไร
ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่ชีวิตของฉันเพียบพร้อมขนาดนี้ แต่ทำไมฉันจึงรู้สึกเคว้งคว้าง อ้างว้างขนาดนี้
ฉันรู้ว่าพ่อกับแม่รักฉันมาก ฉันเองก็รักท่านมากเช่นกัน แต่อย่างไรดีละ เหมือนนาฬิกาชีวิตของเราเดินไม่เคยตรงกัน วัน ๆ หนึ่งเราเจอหน้ากันแทบนับครั้งได้ เพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง ตรงนี้ฉันเข้าใจ...ความจริงแล้วมันเป็นแค่การปลอบใจตัวเองเท่านั้นแหละ เพราะลึก ๆ แล้วฉันยังคงต้องการพ่อกับแม่ในวันสำคัญที่โรงเรียนเชิญ เมื่อวันที่คุณยายซึ่งเลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เด็กจากไปตอนที่ฉันเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่สาม ฉันก็เหมือนมีชีวิตอยู่คนเดียวในบ้านกับข้าวของที่ไม่มีชีวิต สิ่งที่เข้ามาทดแทนความโดดเดี่ยวในเวลานั้นคือเพื่อน อาจเป็นเพราะฉันอยู่ในจุดที่ใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้ รอบกายของฉันจึงมีแต่เพื่อนรายล้อมตลอดเวลา หากเมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องการร้องไห้ขึ้นมาฉันกลับไม่รู้จะโทรหาใคร จนกระทั่งวันที่ฉันได้เจอปกเกล้า เด็กหนุ่มหน้าตาดี แสนสุภาพอ่อนโยน และใจดี เรารู้จักกันเพราะเขาช่วยฉันไว้จากเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาตื้อชวนฉันไปเที่ยวไว้ ตั้งแต่นั้นฉันก็ปลื้มเขาเป็นอย่างมาก เมื่อบรรดาเพื่อน ๆ ของฉันรู้เรื่อง พวกนั้นจึงช่วยจับคู่ฉันกับปกเกล้าจนได้เป็นแฟนกันในที่สุด
ฉันพาเขามารู้จักพ่อกับแม่เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งดูเหมือนพ่อกับแม่จะถูกใจเขามากทั้งยังไว้ใจให้เขาพาฉันไปไหนมาไหนแต่ต้องมีคนติดตามไปด้วยห่าง ๆ ตั้งแต่นั้นฉันจึงรู้สึกเหมือนชีวิตนี้จะขาดเขาไม่ได้และพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาเขาไว้ แต่ใครจะรู้บ้างว่าลึก ๆ แล้วฉันหวั่นไหวขนาดไหน จะมีใครรู้บ้างว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มนี้แอบซ้อนความความรู้สึกหวาดกลัวการสูญเสียเขาไปตลอดเวลา
ด้วยความที่ฉันเป็นผู้หญิงขี้ขลาด ฉันจึงทำให้ผู้ชายดี ๆ คนหนึ่งต้องเสียใจ กับผู้ชายคนนั้น...ที่ไม่เคยรักฉันแม้แต่วันเดียวต้องลำบากใจมานานแสนนาน
การคบกันระหว่างฉันกับปกเกล้านั้นดูราบรื่นและสมบูรณ์แบบ ภาพเขาในความทรงจำของฉันมีแต่รอยยิ้มอบอุ่นและคำพูดหวานหู หากลึก ๆ แล้วเขาจะรู้ตัวเปล่าว่าการที่เขาไม่เคยมีสีหน้ากังวล โกรธ เครียด หรือเศร้าให้ฉันเห็นเลยนั้นทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าหัวใจของเขากำลังมีความสุขอย่างที่รอยยิ้มของเขาประกาศออกมาอยู่หรือเปล่า เวลาที่เขาต้องการใครสักคนยามอ่อนล้า...คน ๆ นั้นคือฉันใช่ไหม ฉันเข้าใจดี บาทีเขาอาจไม่อยากให้ฉันคิดมาก ฉันเข้าใจถูกใช่ไหม...ไม่เลย ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าเขาแค่แกล้งทำเป็นมีความสุขและอยู่กับฉันด้วยความสงสาร แต่ฉันก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะฉันรู้ดีว่าผู้ชายแบบเขาไม่มีทางทิ้งผู้หญิงบอบบางและอ่อนแอได้ ฉันกลัวการสูญเสียเขาไป ก็ได้แต่ให้สัญญากับตัวเองว่าฉันจะปล่อยเขาไป ถ้าสักวันหนึ่งปกเกล้าเจอใครคนนั้น ระหว่างนั้นก็ได้แต่หวังว่าวันเวลาจะเปิดใจของเขาออกและรับฉันคนนี้ไว้ในใจเสียที แต่ดูเหมือนเวลายิ่งผ่านความสัมพันธ์ของเรายิ่งแย่ เขาพยายามพาตัวเองออกห่างฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออยู่ด้วยกันเขามักดูขรึมหรือเหม่อลอยทุกครั้งที่เขาเผลอ จนกระทั่งวันนั้นมาถึง ฉันกลัวการปรากฏตัวของผู้หญิงคนนั้นมาตลอด ผู้หญิงคนที่ฉันเคยให้สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะปล่อยเขาไป
ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน และเธอคนนั้นจะรู้ไหมว่าปกเกล้ามีฉันอยู่ตรงนี้ ฉันจึงแอบไปสังเกตดูความเป็นไปของทั้งคู่ที่มหาวิทยาลัยของปกเกล้า ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลยแม้แต่น้อย เธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะกล้าแย่งแฟนของใครได้อย่างหน้าด้าน ๆ เธอเป็นเพียงผู้หญิงเรียบ ๆ ไร้การปรุงแต่งติดจะห้าวด้วยซ้ำ หากปกเกล้าที่อยู่กับเธอคนนั้นกลับดูเป็นธรรมชาติ เขากลายเป็นผู้ชายธรรมดาเดินดินคนหนึ่งที่ฉันไม่เคยรู้จัก แวบหนึ่งในความรู้สึกฉันอิจฉาเธอจนแทบอยากจะตรงเข้าไปหาเรื่อง แต่ก็ช่วยไม่ได้ ปกเกล้าดูมีความสุขมากจนฉันไม่อยากทำลายลงไป อีกอย่าง...ตราบใดที่ฉันไม่รับรู้ถึงเรื่องราวเหล่านี้ ความสัมพันธ์ของเราย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลง และต่อให้ต้องอยู่ไปแบบนี้ตลอดไปก็ดีกว่าอยู่ไปอย่างไม่มีปกเกล้าเคียงข้าง

ฉันยังจำเรื่องในวันนั้นได้ดี วันที่ฉันได้คุยกับกุญแจใจเป็นครั้งแรก วันนั้นเป็นอีกวันที่ฉันไปแอบสืบเรื่องปกเกล้าและกุญแจใจ ทว่าในวันนั้นรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ของฉันกลับทำพิษ มันกัดเท้าของฉันทั้งสองข้างจนระบม หากฉันกลับไม่ยอมถอดมันทิ้งเพราะรู้สึกว่ามันจะทำให้ดูสวยและสง่า ดังนั้นฉันจึงฝืนใส่เดินต่อไปเรื่อย ๆ และในที่สุดฉันก็พลาดล้มจนได้ ฉันพยายามลุกขึ้นยืนแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้ามากเท่าไหร่ก็ตาม และในขณะที่ฉันกำลังพยุงตัวเองลุกขึ้นอยู่นั้น ก็มีเสียงกองอะไรบางอย่างตกลงข้างตัวดังโครมก่อนที่จะมีมือใครคนหนึ่งมาช่วยประคองร่างฉันให้ลุกไปนั่งที่เก้าอี้หินอ่อน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ปรากฏว่าเป็นเธอ...
“เป็นอะไรมากไหมคะน้อง” ร่างเล็กกว่าฉันอย่างเห็นได้ชัดถามฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย “พี่เห็นน้องเดินกะเผลก ๆ ตั้งแต่พี่อยู่ข้างบนแล้ว”
ฉ...ฉันพูดอะไรไม่ออก ฉันไม่คิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเธอ แถมสีหน้าของเธอยังดูห่วงฉันมากราวกับเป็นคนรู้จักมักจี่กันมานมนาน ความรู้สึกของฉัน...มันสับสนจนบอกไม่ถูก
“ข้อเท้าแพลงใช่ไหมคะ” กุญแจใจถามอีกครั้งหลังจากที่ฉันนั่งเรียบร้อยแล้ว ฉันไม่ตอบเพราะพูดไม่ออก แล้วเธอจึงทำท่าจะถอดรองเท้าให้ฉันอย่างไม่รังเกียจ แต่ด้วยความกระดากอายฉันจึงชักเท้าหลบ “ไม่เจ็บหรอกคะ พี่แค่จะดูข้อเท้าให้เท่านั้นเอง”
ฉันอยากจะบอกเธอว่าไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ความเจ็บที่ข้อเท้ามันไม่ได้ครึ่งของความเจ็บปวดที่หัวใจเลยสักนี้ ยิ่งเห็นเธอดีขนาดนี้ ฉันยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
“ขอโทษค่ะขอโทษ พี่จับแรงไปใช่ไหมคะ” เธอปล่อยเท้าฉันออกอย่างเบามือ พลางหันรีหันขวาง “งั้นเดี๋ยวพี่พาน้องไปโรงพยาบาลดีกว่านะ ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ”
ฉันส่ายหน้าปฏิเสธพลางร้องไห้เป็นการใหญ่ กุญแจใจจึงตกใจมากขึ้นกว่าเดิม “ใจเย็น ๆ นะคะน้อง ทนเจ็บอีกนิดเดียว เดี๋ยวพี่ขอเอาของไปไว้ที่ชมรมแป๊บเดียว แล้วจะรีบกลับมา...”
“ดา!” เสียงหนึ่งดังมาจากตัวอาคารด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งมาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว “พี่ใจ!”
อัฑฒ์มองหน้าเราสองคนลอกแลกอยู่พักหนึ่ง คงเป็นเพราะคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตกำลังนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้และคนที่กำลังเป็นปัจจุบันกำลังนั่งอยู่ที่พื้นใกล้ ๆ กัน
“ไม่มีอะไรหรอกอัฑฒ์ พอดีเราล้ม แล้วพี่คนนี้ก็ช่วยเราไว้” ฉันพยายามพูดด้วยสีหน้าปกติพลางเช็ดน้ำตา
“ละ ๆ ๆ แล้วดาร้องไห้ทำไม!?” อัฑฒ์ถามด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจไม่คลาย
“อะไรวะอัฑฒ์! นี่แกคิดว่าฉันแกล้งน้องคนนี้จนร้องไห้หรือไง” กุญแจใจลุกขึ้นเท้าเอวมองหน้าอัฑฒ์
“จริง ๆ อัฑฒ์ เราก็แค่ล้ม แล้วพี่คนนี้ก็ช่วยเราไว้ แต่เราเจ็บ...เจ็บมาก” พูดถึงตรงนี้ฉันก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง หากก็กลั้นใจยิ้มต่อพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่ายโล่งใจ “นี่พี่คนนี้ก็กำลังจะพาเราไปโรงพยาบาลด้วย”
“งั้นเดี๋ยวเราพาเองไปดีกว่านะ” อัฑฒ์บอกด้วยสีหน้าที่ดูสงบลง แต่ฉันก็อ่านออกอยู่ดีว่าเขาคิดอะไรอยู่ “นะพี่ใจ เดี๋ยวผมพาเพื่อนผมไปเองก็ได้ พี่ใจจะเอาของทำฉากไปชมรมใช่ไหมละ”
อัฑฒ์ให้เหตุผลที่พอฟังขึ้น พลางเดินเข้ามาประคองร่างฉันโดยไม่รอฟังเสียงคัดค้านจากใคร ด้านกุญแจใจก็มองหน้าอัฑฒ์อย่างเข้าใจพักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาว่า
“ตามใจแก ระวังที่เท้าน้องเขาหน่อยแล้วกัน รู้สึกว่าจะเป็นแผลรองเท้ากัดด้วย” พูดจบเธอก็เดินไปหยิบกองข้าวของเข้าสู่อ้อมกอดโดยมีอัฑฒ์วิ่งเข้าไปช่วยเก็บ ก่อนจะเดินจากไปจนลับตา แล้วอัฑฒ์จึงรีบกลับมาหาฉันด้วยสีหน้าตกใจอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น!? นี่คงไม่ได้มีเรื่องกันหรอกใช่ไหม”
ฉันส่ายหน้าปฏิเสธพลางจ้องลึกเข้าไปในตาคู่นั้น “แล้วอะไรทำให้อัฑฒ์คิดว่าเราจะต้องมีเรื่องกับพี่คนนั้นด้วยละ”
ฉันแกล้งซื่อ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ นั่นจึงทำให้อัฑฒ์เริ่มรู้สึกตัวและทำตัวให้ดูเป็นปกติที่สุด พลางส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่า ๆ ก็...ก็เราเห็นดาร้องไห้ไง เราก็นึกว่าดากับพี่ใจมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”
ฉันมองไปจุดที่เกิดเหตุเมื่อครู่ ก่อนจะพูดออกไปว่า “ไม่มีทางหรอก คนอย่างพี่คนนั้นไม่มีทางทำร้ายใครได้ลงคอหรอก”
เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้การตัดสินใจของฉันมีทางออกที่ชัดเจนมากขึ้น คงถึงเวลาที่ฉันต้องตัดใจแล้วจริง ๆ และจากการที่ฉันตัดสินใจแบบนี้ ฉันจึงเป็นฝ่ายบอกเลิกปกเกล้า...และหันไปคบกับผู้ชายอีกคน ความอ่อนแอทำให้ฉันเผลอใจไปรับปากคบกับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กับเรื่องรักช้ำ ๆ ของฉันเลย
การอยู่ด้วยกันของฉันและอัฑฒ์ ทำให้ฉันเข้าใจความรู้สึกของปกเกล้ามากขึ้น การกระทำของอัฑฒ์สะท้อนภาพของฉันในอดีตเหมือนเป็นเงา แต่สุดท้ายเราก็ได้แต่งงานกันเพราะทางบ้านเราทั้งสองคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันและตกลงกันเองทันทีที่ฉันเรียนจบ ฉันจึงเหมือนคนตกกระไดพลอยโจน และไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะระหว่างเราก็ไม่เคยมีเรื่องให้ขุ่นข้องหมองใจ ความสัมพันธ์ของเราดำเนินมาอย่างราบรื่น อัฑฒ์ดูแลฉันเป็นอย่างดีเสียจนฉันรู้สึกผิด ดังนั้นฉันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธการแต่งงาน และได้แต่หวังว่าวันเวลาจะทำให้ฉันรักอัฑฒ์ได้ในวันหนึ่ง

โปรดติดตามตอนต่อไป

ณ จันทร์




 

Create Date : 19 มกราคม 2551
0 comments
Last Update : 19 มกราคม 2551 16:12:14 น.
Counter : 527 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ป้าตูน
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นางสาวกลัวฝน: ถึงจะกลัวเปียกฝนแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ชอบเวลาฝนตก
[Add ป้าตูน's blog to your web]