ไม่ว่าจะพัดผ่านมา... หรือพัดพาไปอีกกี่ฤดู สายลมของวันวานก็ยังคงมีเธอผู้นั้นยิ้มร่าอยู่ในความทรงจำเสมอ ทุกผู้คนที่เข้ามาในชีวิต ล้วนมีเหตุให้มา ล้วนมีเหตุให้ไป และบางครั้งเราก็ไม่อาจรู้ถึงเหตุของการมาและการไปของพวกเขาเลย และในยามที่สายลมของความคิดถึงกำลังจะผ่านไปอีกระลอก ผมก็แค่เจียดเวลา เพื่อนเขียนถึงเธอคนนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งแรกที่ผมพบเธอ คงนานมาแล้ว ยามที่ยังเด็ก ก็แค่รู้ว่าเธอยังเป็นเด็ก วันวานเหล่านั้นไม่ได้รังสรรค์เวลาให้ผมกับเธอได้มีความทรงจำร่วมกันนัก และมันก็ผ่านมาและเลยผ่านไป หลายครั้งต่อมา ผมมีโอกาสได้รู้จักเธอมากขึ้น แต่เป็นการรู้ในเพียงการรับรู้ของผม ผมรู้ว่าผมชอบเธอ และในยุคสมัยนั้น...ผมก็คงหาอะไรไปแกล้งเธอ แต่ผมก็ลืมเลือนมันไปเสียแล้ว เลือนรางอยู่บ้างก็แค่ผมไปขีดเขียนบนพื้นดินเป็นชื่อเธอ ‘ยัยฟันกระต่าย’ ผมเขียนมันริมกอไผ่ที่ใบไหวพลิ้ว เป็นวานวันที่ผ่านมา ผ่านไป ก้อนเมฆค่อยๆ ไหลไปบนท้องฟ้าพร้อมๆ กับกระแสธารของกาลเวลา ตอนนั้นผมอยู่ชั้นประถมแล้ว มารหัวใจของผมก็มีไม่น้อย พวกคนที่หมายปองยัยฟันกระต่ายมีหลายคนพอสมควร “พี่ขี้เบ้าแอบชอบพี่แพง” เด็กน้อยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นให้ผมได้ยิน วันนั้นผมไปท้าดวน ‘เกมส์ชนขี้เบ้า’ กับเขา เขา...ผู้ถูกขนานนามว่า ‘ไอ้ขี้เบ้า’ การปั้นก้อนดินเหนียวและเอามาชนกันโดยกลิ้งลงรางลาดที่พวกเขาขุดขึ้น เป็นกีฬาที่พวกเราฮิตกันมากในวัยเด็ก ทั้งสนามปั้นสนามทดสอบ และสนามประลอง ล้วนแล้วแต่อยู่ใต้ถุนอาคารเรียนไม้ทั้งสิ้น ผมไปท้าดวลแล้วก็พ่ายแพ้แก่เขามาในครั้งนั้น ไม่ว่าจะสนามประลองขี้เบ้าดินเหนียวหรือในสนามแห่งความรัก ผมมิอาจยอมได้ หากแต่สายลมวัยเยาว์ได้ผ่านกาลเหล่านั้นไปเสียสิ้น... มีพวกเด็กรุ่นใหม่ๆ เติบโตขึ้นมา พวกเรากลายมาเป็นรุ่นพี่ขึ้นทีละชั้นๆ จวบจนสนามรักนั้นราไปโดยปริยาย ราไปทั้งที่ไม่ทันได้สู้กันเสียด้วยซ้ำ ผมยังคงมองแพง ยัยฟันกระต่ายที่นั่งอยู่ในดวงใจผมมาหลายปี มองเธอปั่นจักรยานผันผ่านสายลม มองผมสั้นที่ระต้นคอ มองเรื่องราวต่างๆ ผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน “เป็นโสดทำไม อยู่ไปให้เศร้าเหงาทรวง” ผมร้องเพลงนั้นจีบเธอจริงๆ เป็นบทเพลงของสุรพล สมบัติเจริญ ที่วนอยู่ในหัวผมในช่วงเวลาเหล่านั้น “แหวะ” แพงกล่าว แล้วก็โลดลิ่วไปในสายลม หลังจากครั้งนั้น ผมก็มีเพียงรูปถ่ายที่กำลังง่วนทำการบ้านบนโต๊ะใหญ่กับเธอ มีเพื่อนหญิงของเธอรวมอยู่ในนั้นอีกคนเป็นสาม น่าจะเป็นพี่ที่เรียนพิเศษถ่ายเอาไว้ ‘แพบ พอล’ ถูกรุ่นน้องรังสรรค์แซวว่าเป็นแฟนแพงมาอีกระลอก ร่างสูงผอมที่ชอบทำหน้าเอ๋อ ซื่อๆ และดูไม่ประสากับคำแซวใดเลย ผมก็ยังเคยไปแกล้งเขา เพราะริอ่านเข้ามาอยู่ในสนามรักของผม วันเวลาได้ผ่านไปอย่างกรรโชก กระชากวันคืนทึ้งทิ้ง เพราะแพงย้ายโรงเรียน ผมเศร้า และเฝ้าดูมวลเมฆบนฟ้า ดูว์พงษ์ผ่านมา ยังทักว่าเป็นไดโนเสาร์ สายลมปัดเป่าหมู่เมฆ ให้ไหลไปพร้อมกับเวลาที่ราวกับถูกสูบ ผมลืมแพงไปแล้ว... และก็พบเธออีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไป 5 ปี สายลมหอบเอาฝนมาจากที่ไกลๆ โปรยลงให้ผืนแผ่นดินและหมู่ไม้ชุ่มฉ่ำ และผมก็ลืมเลือนความรู้สึกแอบรักไปเสียแล้ว วันคืนดังถูกเผาทำลาย ความทรงจำกร่อนจนเจียนจะหมด มันอาจเป็นเพียงความทรงจำดีๆ ในวัยเด็ก จากความรู้สึกดีๆ ในวัยเด็ก ซึ่งดูเหมือนว่าเราไม่ได้ยึดติดในมันอีกแล้ว ผมยังขี้อาย และยังคงมองเธอเสมอมา “ฉันชอบผู้ชายตัวสูง” แพงเปรยขึ้นกับเพื่อนๆ ผมนั่งเงี่ยหูฟัง แต่ผมก็ไม่อาจสูงได้เท่าคุณสมบัติที่เธอตั้งไว้ ผมเฝ้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลจักรวาลในช่วงเวลาหลายปี ภาวนาขอให้ผมสูงได้มากกว่านี้ ขณะที่ผมก็ไม่อาจรู้ตัวเลยว่าผมกลับไปหลงรักเธออีกแล้ว ในวันนั้น... วันศุกร์ที่เรานั่งรถโดยสารคันเดียวกันกลับหมู่บ้าน มีน้องชายของเธอและเด็กเพียงไม่กี่คนในรถคันนั้น ผมจำได้ว่าผมกระโดดลงจากรถ แล้วผมก็กลับไปชอบเธอทันที สายฝนของวานวันโปรยมาแล้ว และพอลมพัด ผมก็เย็นสบายไปถึงดวงใจ มันผันเปลี่ยนอีกระลอก เมื่อเธอย้ายรถโดยสาร ไม่อาจได้นั่งคันเดียวกับที่ผมเคยนั่งอีกต่อไป ผมเฝ้าแต่คิดถึงเธอ คิดถึงวานวันที่มีเธอนั่งแล้วยังไม่ได้กลับไปหลงรัก พอผมแอบรัก เธอก็ห่างผมออกไปอีก ผมหาวิธีของผมจนได้ หาของที่ผมคิดจะมอบให้เธอให้จงดี จำได้ว่าได้อีเมลของเธอมา นัดว่าจะเอาของไปให้ เป็นหนังสือนวนิยายแปลเกาหลีของควียอนนี ผมเสียบรูปถ่ายของเธอในวัยเด็กรูปหนึ่งที่ถ่ายตอนเรียนพิเศษไว้ในหนังสือเล่มนั้น แอบเสียดายเพราะมันอยู่กับผมมาเป็นขวบปี (หลังจากที่ผมไปเจอมันถูกทิ้งอยู่ในห้องเก็บของ) แต่ในวันนั้น...รูปที่มีเธอแย้มยิ้มเห็นฟันกระต่าย แม้จะไม่ชัดเจนมาก แต่ผมก็อยากมอบให้เธอ ผมปั่นจักรยานออกไปยังที่ๆ เธออยู่ ผ่านทางรถไฟ ผ่านท้องทุ่งนา วันนั้น...ราวกลับวันเวลาหมุนย้อนกลับ เธอสวยพริ้มแย้มยิ้มงดงาม อยู่ในวัยสิบหกในชุดนักเรียนที่ดูเก๋ ผมทำได้เพียงยิ้มอ่อนๆ ตื่นใจ และประหม่า ผมมอบหนังสือที่ผมเตรียมไว้ให้เธอ มอบให้เธอตรงนั้น ยามตะวันเช้ากำลังลอยสูงขึ้นในอีกวาระ แมกไม้ราวกับว่าร้องเพลง มันละมุนละไมดังมีดอกไม้บานเงียบๆ ในดวงใจผม เป็นเวลาเล็กๆ ที่แสนดี แม้วันข้างหน้าเธอจะไปพบเจอผู้คนที่แสนดีมากมายแล้ว เธอก็ยังเคยวิ่งเล่นในใจผมเสมอมาโดยที่เธอก็ไม่อาจรู้ตัว ผมไม่ได้เสียใจที่ผมกับเธอไม่อาจได้พบกันอีก ทั้งเรื่องหน้าที่การงานหรือเรื่องบุญพาวาสนาส่ง สายลมยังคงพัดผ่านไปดังที่ผมเคยเห็น สิ่งที่ดูเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย พอถึงเวลา...สายลมหนาวก็ยังมาในเวลาเดิม ลมร้อนหอบเอาความสุขมาแด่เธอหลายฤดู แม้ไม่มีผมเธอก็เป็นเธอคนเดิมที่ยังคงดูงดงามในกระแสธารของวันเวลา เธอไม่เปลี่ยน สายลมก็ไม่เคยเปลี่ยน เธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับผมเลย สายลมที่แสนงดงามก็พัดพาก้อนเมฆลอยลิ่วไปไกล เป็นผมเองที่เคยชอบเธอ เคยแอบรัก แม้จะรู้สึกเช่นนั้นในวานวันหลากปีหลายเวลา แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รักเธออีก แพงในความทรงจำของผม เป็นแพงคนนั้น ที่ผมคนโน้น เคยแอบรัก และไม่ว่าสายลมของความรักจะพัดพานการพบมากี่ฤดู สายลมก็มิเคยเปลี่ยน ยอดหญ้ายังคงพลิ้วไหว แมกไม้งอกงามโรยราตามวาระ เธอก็ยังคงเป็นเธอที่แสนงดงาม มีแต่ผมคนเดียวที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผมที่ไม่ได้รักเธอเลย ผมทำได้เพียงคิดถึงวันที่ผมปั่นจักรยานกลับ หลังจากนำหนังสือไปมอบให้เธอเป็นครั้งแรก...และครั้งสุดท้าย จดจำเพียงความรู้สึกอบอุ่นของสายลมที่พานพัดมาในวันนั้น ให้ผมได้พบเจอ และการเขียนถึงเธอในครั้งนี้ ก็คงเป็นบทอำลาแรก...ในครั้งสุดท้ายเฉกเช่นเดียวกัน ... ตุลย์ในสายลมหนาวเมื่อคราวที่อบอุ่น เขียนวานนั้นในห้วงฝันของพุทราเดี่ยว
Create Date : 25 ตุลาคม 2566 |
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2566 10:08:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 205 Pageviews. |
|
|