|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สกุลกุหลาบ (Aerides)
ถิ่นกำเนิดในประเทศไทย
เราสามารถพบกล้วยไม้ไทยสกุลกุหลาบได้ในป่าของประเทศไทยทั่ว ๆ ไปโดยจะพบเกาะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ อาจพบเป็นต้นเดียวโดด ๆ หรือพบขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ บางต้นก็มียอดเดียว บางต้นก็แตกเป็นกอ มีหลายยอด เมื่อต้นสูงหรือยาวขึ้นจะห้อยย้อยลงมา แต่ปลายยอดยังคงชี้ขึ้นข้างบน ส่วนช่อดอกจะโค้งปลายช่อลงและส่วนใหญ่จะห้อยระย้าลงมากล้วยไม้สกุลกุหลาบมีการเจริญเติบโตแบบฐานเดี่ยว
การจำแนกชนิดตามหลักพฤกษศาสตร์ การจำแนกทางพฤกษศาสตร์ โดยหลักทางอนุกรมวิธาน ซึ่งอาศัยข้อแตกต่างของรูปร่าง ลักษณะและส่วนประกอบของดอกเป็นหลัก
ลักษณะเฉพาะของแต่ละชนิด
1.) กุหลาบกระเป๋าปิด (Aerides odorata Lour. - แอริดิส โอโดราตา) กุหลาบกระเป๋าปิดเป็นกล้วยไม้ชนิดเดียวในสกุลนี้ที่ส่วนปลายปากแคบกว่าหู และทั้ง 2 ส่วนจะพับขึ้นมาปิดเส้าเกสรไว้ พบขึ้นอยู่ทุกภาคของประเทศไทย นอกจากนั้นยังพบในลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า อินเดีย เนปาล และภูฎาน สำหรับในประเทศไทยนั้น กุหลาบกระเป๋าปิดจากป่าภาคใต้นะมีลักษณะแตกต่างจากป่าภาคเหนือเล็กน้อย กุหลาบกระเป๋าปิดมีลำต้นปิดเป็นเกลียวเล็กน้อย และต้นห้อยย้อยลงแต่ละต้นมักแตกแขนงเป็นหลายยอด ต้นอาจยาวถึง 1 เมตรครึ่ง ใบยาวประมาณ 25 เซนติเมตร กว้าง 3 เซนติเมตร ปลายใบหยักไม่เท่ากัน ใบค่อนข้างบางและไม่แข็งทื่อ ขอบใบบิดเล็กน้อย ออกดอกประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ช่อดอกยาวประมาณ 40 เซนติเมตร และห้อยลง แต่ละช่อมีประมาณ 30 ดอก แต่ละดอกกว้างประมาณ 3 เซนติเมตร กลีบดอกเป็นสีขาว ปลายกลีบเป็นสีม่วงอมแดงอ่อน ๆ ส่วนปลาบปากเป็นสีม่วง เดือยดอกโค้งงอนขึ้นคล้ายเขาดอกมีกลิ่นหอมและบานนานประมาณ 2 สัปดาห์ สำหรับกุหลาบกระเป๋าปิดที่พบทางภาคเหนือ จะมีลักษณะแตกต่างออกไปเล็กน้อย คือต้นจะตั้งตรงและปิดน้อยกว่า ใบสั้นกว่าและหนากว่า ก้านส่งช่อดอกแข็งทำให้ช่อดอกโค้งลงเพียงเล็กน้อย จากการตรวจนับจำนวนโครโมโซม พบว่ากุหลาบกระเป๋าปิดจากภาคเหนือจะมีโครโมโซมมากกว่าปกติเป็น 2 เท่า ในทางพันธุศาสตร์เรียกพวกนี้ว่า เตตราพลอยด์ (tetraploid-4N) ส่วนพวกที่มีโครโมโซมจำนวนปกติเช่นที่พบทางภาคใต้ เรียกว่า ดิพลอยด์ (diploid-2N)
2.) กุหลาบกระเป๋าเปิด (Aerides falcate Lindl.-แอริดิส ฟาลคาตา) กุหลาบกระเป๋าเปิดเป็นกล้วยไม้ที่มีปลายปากกว้าง ยื่นไปข้างหน้า มีเดือยดอกค่อนข้างตรง ซ่อนอยู่ใต้ปลายปาก อยู่ชิดขนานกับปลายปาก ใบยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร กว้าง 2-4 เซนติเมตร พบขึ้นอยู่ในทุกภาคของประเทศไทยและยังพบในแควันอัสสัม ประเทศอินเดีย พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนามชื่อกุหลาบกระเป๋าเปิด อาจจะทำให้สับสนเล็กน้อย เพราะกล้วยไม้ในสกุลกุหลาบนี้มีปลายปากเป็น 2 แบบ คือ กระเป๋าปิด หมายถึงปลายปากพับเข้ามาปิดเส้าเกสร กับกระเป๋าเปิด หมายถึงปลายปาเปิดอ้าออก ในขณะเดียวกันคำว่ากระเป๋าเปิดยังหมายถึงกล้วยไม้ชนิดหนึ่งที่กำลังกล่าวถึงนี้ด้วยส่วนกระเป๋าปิดนันั ก็หมายถึงกล้วยไม้ชนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน แต่จะไม่สับสนเพราะในประเทศไทยพบกุหลาบกระเป๋ปิดเพียงชนิดเดียว กุหลาบที่มีกระเป๋าปิดชนิดอื่น ๆ ไม่พบในประเทศไทยกุหลาบกระเป๋าเปิดออกดอกประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม มีกลิ่นหอม ช่อดอกห้อย พื้นกลีบดอกเป็นสีขาว มีแต้มสีม่วงอมชมพูที่ปลายกลีบ
3.) กุหลาบเหลืองโคราช (Aerides houlettiana Rchb.f. - แอริดิส ฮูเลทเทียนา) กุหลาบเหลืองโคราชมีลักษณะดอกคล้ายกุหลาบกระเป๋าเปิดแต่มักมีพื้นกลีบเป็นสีเหลืองแทนที่จะเป็นสีขาว ดอกมีกลิ่นคล้ายกลิ่นตะไคร้ ความยาวของใบและของช่อดอกจะสั้นกว่ากุหลาบกระเป๋าเปิด ในประเทศไทยพบเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพบในลาว กัมพูชา และเวียดนามด้วยกุหลาบเหลืองโคราชออกดอกประมาณเดือนเมษายนถึงกรกฎาคมจุดเด่นของกุหลาบเหลืองโคราช อยู่ตรงที่มีสีเหลือง แต่ก็มีความผิดเพี้ยนกันไปในแต่ละต้น คือ อาจมีสีเหลืองเข้ม เหลืองอ่อน หรือบางต้นมองไม่เห็นสีเหลืองเลย ในการคัดพันธุ์ควรเลือกสีเหลืองเข้มเป็นหลักเพราะกล้วยไม้สกุลนี้ในประเทศไทยมีชนิดนี้เพียงชนิดเดียวที่ดอกมีสีเหลือง
4.) กุหลาบแดง (Aerides crassifolia Parish ex Burbidge - แอริดิสคราสสิโฟเลีย) กุหลาบแดงเป็นกุหลาบที่มีเดือยดอกยาวเห็นได้ชัดเจน เดือยงอนขึ้นและไม่ซ่อนตัวอยู่ใต้ปลายปาก ใบมักจะสั้นกว่า 18 เซนติเมตร กว้าง 4-5 เซนติเมตร ใบหนา ผิวใบอาจย่นมากหรือน้อย โดยย่นตามขวางของใบ ในประเทศไทยพบที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งที่นครนายก และกาญจนบุรี นอกประเทศไทยพบในพม่า ลาว และเวียดนามกุหลาบแดงออกดอกในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม มีช่อดอกสั้นช่อหนึ่งมีประมาณ 10 ดอกเท่านั้น ดอกเป็นสีม่วงแดงการจัดระเบียบดอกในช่อไม่งดงามเหมือนชนิดอื่น ๆ
5.) กุหลาบอินทจักร (Aerides flabellate Rolfe ex Downie - อิริดิส ฟลาเบลลาตา) กุหลาบอินทจักรเป็นกุหลาบเดือยยาวชนิดเดียวที่ฝาครอบอับเรณูกว้างและมนซึ่งชนิดอื่นจะแหลมเป็นปากกา ในประเทศไทยพบเฉพาะทางภาคเหนือ และพบในพม่า ลาว และมณฑลยูนานของจีนกุหลาบอินทจักรมีสีดอกเขียวอมเหลือง และมีแต้มสีน้ำตาลอมม่วง ก้านช่อดอกค่อนข้างแข็ง ช่อดอกจึงมักขนานหรือโค้งลงเล็กน้อย แทนที่จะห้อยย้ายลงมาจุดเดนของกุหลาบชนิดนี้อยู่ที่มีเดือยยาวและงอน จนปลายเดือยชี้กลับเข้าไปหาตัวดอก อาจเรียกว่ากล้วยไม้เดือยงามก็ได้
6.) กุหลาบน่าน กุหลาบเอราวัณ กุหลาบไอยรา (Aerdes rosea Loddiges ex Lindl. & Paxt. - แอริดิส โรซี หรือ Aerodes fieldingii Lodd. Ex Morren) กุหลาบน่านเป็นพวกที่มีเดือยดอกสั้นมาก เห็นเป็นตุ่มขนาดใหญ่ มีปลายปากเป็นรูปสามเหลี่ยมชัดเจน ปลายใบหยักกลางแต่หยักไม่เท่ากันในประเทศไทยพบทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเท่านั้น และพบน้อยมากนอกจากนี้ยังพบในภูฏาน อินเดีย พม่า ลาว เวียดนาม และมณฑนยูนนานของจีนกุหลาบน่านช่อดอกมีก่านส่งแข็ง ชี้เฉียงลง แต่ส่วนช่อที่ติดดอกจะโค้งห้อยลง ถ้าต้นสมบูรณ์ช่อดอกจะแตกแขนงด้วย
7.) กุหลาบมาลัยแดง (Aerides multiflora Roxb. - แอริดิส มัลติฟลอรา) กุหลาบมาลัยแดงเป็นกล้วยไม้ที่มีดอกคล้ายกุหลาบน่าน ต่างกันตรงที่ปลาบปากแทนที่จะเป็นรูปสามเหลี่ยม กลับเป็นรูปหัวใจปลายสุดของปากป้านและหยักกลาง ในประเทศไทยพบในภาคเหนือ อีสาน และที่นครนายก ชลบุรี และกาญจนบุรี นอกประเทศไทยพบในเนปาล สิกขิม ภูฏาน อินเดีย พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนามโดยทั่วไปจะมีกลีบดอกสีม่วงแดงมักจะมีสีจางจนถึงขาวที่โคนกลีบ และสีจะเข้มขึ้น ๆ จนเข้มที่สุดที่ปลายกลีบช่อดอกจะแตกแขนงถ้าเลี้ยงให้สมบูรณ์และอากาศเย็นออกดอกในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม เคยพบต้นที่ดอกมีสีขาวล้วน จึงเรียกว่า "มาลัยเผือก"กุหลาบมาลัยแดงมีลำต้นแข็งแรง ล่ำสัน ใบหนาและโค้ง ใบซ้อนกันถี่ ใบกว้างประมาณ 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 15-25 เซนติเมตร ช่อดอกโค้งห้อยยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร ก้านช่อมักมีสีคล้ำเกือบดำ ออกดอกเบียดชิดกันแน่นช่อ
8.) กุหลาบชมพูกระบี่หรือพวงชมพู (Aerides krabiense Seidenf. - แอริดิส กระบี่เอนเซ) กุหลาบชมพูกระบี่หรือพวงชมพูเป็นพวกที่มีเดือยดอกสั้นมาก ใบแคบ หนา และห่อเป็นรูปตัววี หลายใบแหลม ปลายปากกว้าง มน ต้นมักแตกเป็นกอ พบครั้งแรกที่จังหวัดกระบี่ ต่อมาพบในจังหวัดใกล้เคียงกันด้วย เช่นที่พังงา รวมทั้งตามเกาะต่าง ๆ ในบริเวณนั้น และพบที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซียด้วย โดยจะพบขึ้นอยู่ตามหน้าผาริมทะเลที่ได้ราบแสงแดดเต็มที่กุหลาบชมพูกระบี่มีขนาดเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับกล้วยไม้ชนิดอื่น ๆ ในสกุลกุหลาบด้วยกัน ที่พบในประเทศไทยมีใบแคบหนา ปลายใบโค้งงอใบกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ยาว 6-12 เซนติเมตร ผิวใบมักจะมีจุดประสีม่วงแดงอยู่ทั่วไป จุดประจะปรากฏมากขึ้นเมื่อถูกแดดจัด และอากาศแห้งแล้งซึ่งเป็นไปเช่นเดียวกับใบเข็มแดง กุหลาบชมพูกระบี่ออกดอกระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ช่อดอกยาวประมาณ 15-25 เซนติเมตร ช่อเอนขนานไปกับใบ ปลายช่อโค้งลง บางต้นพบช่อดอกแตกแขนงด้วย ดอกมีพื้นขาว มีจุดประสีม่วงแดง หรือชมพูเข้มกลางแผ่นปากมีสีแดงเข้ม ดอกคล้ายกุหลาบมาลัยแดง หรือกุหลาบน่าน จุดสังเกตที่เด่นชัดคือลักษณะของปลายปากที่แตกต่างกัน คือ กุหลาบน่านปลายปากเป็นรูปสามเหลี่ยมชัดเจน กุหลาบมาลัยแดงปลายปากป้านและหยักกลาง ส่วนกุหลาบชมพูกระบี่ปลายปากกว้างและมน
Create Date : 14 เมษายน 2549 |
|
4 comments |
Last Update : 16 พฤษภาคม 2549 17:36:53 น. |
Counter : 1040 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: jumppy 20 เมษายน 2549 17:34:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: นายเคนชิโร่ (นายเคนชิโร่ ) 21 เมษายน 2549 17:50:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: xxxxxxx IP: 202.28.77.32 25 มีนาคม 2550 19:43:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: กล้าท่าหลวง ลพบุรี โรงน้ำตาล IP: 203.113.41.8 26 พฤษภาคม 2550 19:22:33 น. |
|
|
|
|
|
|