นพ.ดิสพงศ์
ผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยทอง จะมีสภาวะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ส่งผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจและการร่วงโรยของผิวพรรณ เพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเรา ควรทำความเข้าใจและเลือกวิธีการดูแลปรนนิบัติผิวอย่างถูกต้อง ซึ่ง ดร.โฮเวิร์ด มิวราด ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและผู้ก่อตั้งแบรนด์เวชสำอาง “มิวราด” ได้อธิบายว่า เมื่อเข้าสู่วัยทอง หรือที่เรียกว่า menopause สภาวะร่างกายที่ผลิตเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญต่อสุขภาพ ผลิตได้น้อยลง ปรากฏการณ์สภาวะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนนี้เรียกว่า Homonal Aging
ดร.โฮเวิร์ด
ดร.โฮเวิร์ดยังบอกอีกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะค่อยๆเกิดขึ้นต่อเนื่องตามระยะเวลา และแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ไม่ได้เกิดขึ้นในวันที่หมดประจำเดือน แต่ในความเป็นจริงแล้วเริ่มต้นก่อนหน้านานถึง 10 ปี โดยบางคนอาจประสบปัญหานี้ตั้งแต่ช่วงปลายอายุ 20 ปี แต่ส่วนมากจะเริ่มรู้สึกได้ตั้งแต่ช่วงปลายอายุ 30 ปี เป็นต้นไป ดังนั้น จึงควรดูแลสุขภาพร่างกายและผิวพรรณตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อบรรเทา
การเกิดปัญหาผิวร่วง โรยก่อนวัย
นอกจากนี้ นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์ แพทย์ด้านผิวหนัง ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนเริ่มลดลง ส่งผลให้ร่างกายมีอาการต่างๆ อาทิ รู้สึกร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท หรือที่รู้จักกันว่า อาการวัยทอง รวมถึงส่งผลไปถึงผิว ปัญหาหลักๆที่พบคือ ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ ผิวแห้งขาดน้ำ ผิวหม่นหมองไม่สดใส และบางรายอาจมีสิวขึ้นและมีขนขึ้นบริเวณใบหน้า เนื่องจากร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ จึงควรดูแลสุขภาพตัวเองจากภายในก่อน โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเอสโตรเจนจากธรรมชาติ ซึ่งพบในถั่วเหลือง จึงควรรับประทานน้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง และอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น ปลาทูน่า, ปลาแซลมอน, เมล็ดทานตะวัน สุดท้ายควรออกกำลังกายเพื่อลดอาการวูบวาบ และเลิกสูบบุหรี่ เพราะจะเร่งกระบวนการร่วงโรยมากขึ้นเป็น 2 เท่า.
ที่มา ไทยรัฐ
ศูนย์รวมอุปกรณ์เลี้ยงปลาสวยงามราคาถูก "บ้านปลา.คอม"