ในยุคที่แฟชั่นแขนกุด โชว์ต้นแขน ยังอยู่ในกระแส แน่นอนว่าสาวๆ หลายคนย่อมอยากมีใต้วงแขนขาวใส เรียบเนียน เพื่ออวดวงแขนอย่างมั่นใจ หลายคนจึงให้ความสนใจเลือกการกำจัดขนถาวร แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่ากำจัดแล้ว จะหมดไม่เหลือตอ จะต้องทำกี่ครั้งจึงจะหมดจดเบ็ดเสร็จ จะว่าไปแล้วเรื่องประสิทธิภาพในการกำจัดขน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก นอกจากเรื่องเครื่องมือ หรือเทคโนโลยีแล้วก็ยังเกี่ยวข้องกับ วัย สีผิว สีขน และฮอร์โมนอีกด้วย
ข้อสังเกตเล็กๆ สำหรับสีผิว สีขน และการกำจัดขน ที่ควรรู้
– คนที่มีสีผิวขาว และเส้นขนดำ จะเป็นผู้ที่ทำการกำจัดขนแล้วเห็นผลมากที่สุด แถมระยะเวลาในการดูแลรักษายังเร็วกว่าคนผิวสีอื่น
- สำหรับคนผิวดำ เช่น นิโกร ไม่เหมาะในการทำเลเซอร์กำจัดขน แต่ก็สามารถทำได้ค่ะแต่ต้องใช้เครื่องที่มีเทคโนโลยีสูง สอบถามกับผู้ให้บริการดูก่อนค่ะว่าเครื่องที่ให้บริการสามารถทำได้ไหม
- สำหรับคนที่มีขนสีบลอนด์ เทา หรือแดง จะทำการกำจัดขนได้ค่อนข้างยากกว่าสีขนเข้ม เช่นเดียวกันค่ะต้องใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีระดับสูง และมีประสิทธิภาพสูง จึงต้องสอบถามผู้ให้บริการก่อนเช่นกัน
น่ายินดีกับสาวชาวเอเชียนะคะ ที่การกำจัดขนสำหรับสีผิวและผมอย่างเราๆ ทำได้ง่ายที่สุด
นอกจากเรื่องสีผิวแล้วเรามาทำความรู้จักกับวงจรชีวิตของขนสักหน่อย เพื่อจะได้เข้าใจว่าการกำจัดขนถาวรนี่มีวิธีการอย่างไร และทำอย่างไรจึงจะกำจัดขนได้หมดไม่เหลือตอ
วงจรชีวิตของขน มี 3 ระยะคือ Anagen, Catagen และ Telogen ขนในแต่ละระยะมีอายุไม่เท่ากัน ตลอดจนขนในแต่ละส่วนของผิวก็มีอายุไม่เท่ากัน เช่น บนศีรษะก็จะมีอายุประมาณ 3-4 ปี ใต้วงแขน ก็ประมาณ 1-3 เดือน นอกจากนี้ยังขึ้นกับเชื้อชาติอีกด้วย ระยะ Anagen เป็นช่วงเจริญวัยของขน ในระยะนี้ต่อมขนอยู่ลึกในชั้น dermis มีเส้นเลือดมาเลี้ยง มีลักษณะเป็นกระเปาะ เป็นระยะที่ประกอบด้วยเซลล์เม็ดสี และมีรากที่พร้อมจะสร้างขนใหม่ พอครบอายุของมันแล้ว เส้นขนจะไม่โตขึ้นอีก จากระยะนี้ต่อมขนจะเลื่อนสูงขึ้น สีเริ่มจางลง แยกตัวจากเส้นเลือดที่มาเลี้ยง และหลุดไปในที่สุด จากนี้ ร่างกายก็จะสร้างขนระยะ Anagen ให้เกิดขึ้นมาใหม่แทนที่ เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
ในการกำจัดขนถาวรด้วยเลเซอร์ จะใช้เลเซอร์ความยาวคลื่นที่เหมาะสม เพื่อไปทำลายเซลล์เม็ดสีในชั้นรากขน ทำให้เลเซอร์กำจัดขนมีผลกับขนในระยะ Anangen เท่านั้น โดยการส่งพลังงานความร้อน ผ่านแสงเลเซอร์ไปที่รากขน ตัวเซลล์เม็ดสีจะดูดซับพลังงาน ทำให้รากขนถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือ วงจรการเกิดขนเส้นใหม่จะช้าออกไป โดยเส้นขนที่เกิดจากนี้จะมีขนาดที่เล็กลง สีอ่อนลง และจะค่อยๆ ขึ้นน้อยลง จนหมดไปในที่สุด นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงต้องทำเลเซอร์หลายครั้ง เพราะแต่ละครั้งที่ยิงเลเซอร์ก็จะกำจัดขนที่อยู่ในระยะ Anangen ให้หลุดไป และต้องรอให้ขนที่อยู่ในระยะอื่นๆ เข้าสู่ระยะ Anangen แล้วจึงกำจัดออกไปได้ แต่ละครั้งที่ยิงเลเซอร์จึงจำเป็นต้องทิ้งระยะห่างประมาณ 1 เดือน ในบางพื้นที่เช่น หนวด อาจยิงซ้ำทุก 2-3 สัปดาห์ เพราะอายุของขนในบริเวณนั้นสั้นกว่า และต้องทำซ้ำประมาณ 5 – 8 ครั้ง โดยปกติเมื่อทำไป 4- 5 ครั้ง ก็จะเหลือแต่ขนอ่อนๆ และค่อยๆ หมดไปในที่สุด
ผลการสำรวจผู้ที่ทำการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ใต้วงแขน ส่วนใหญ่พบว่า ผิวใต้วงแขนดูขาว และเนียนขึ้น นั่นเป็นผลมาจากการไม่ไปรบกวนรากขน เพราะการโกนอาจเกิดแผลเล็กๆ ที่ผิวหนัง หรือใครที่เลือกการถอนอาจทำให้รูขุนขนกว้างขึ้น หรือนูนคล้ายหนังไก่ เกิดการระคายเคือง หรือผิวคล้ำด้านได้ แต่การกำจัดขนด้วยเลเซอร์บางกรณีอาจจะมีขนอ่อนๆขึ้นมาใหม่บ้าง เพราะตราบใดที่เซลล์ยังมีการเจริญเติบโตก็อาจมีขนอ่อนเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ฮอร์โมนตามธรรมชาติ ก็ยังมีผลกับการสร้างเส้นขนใหม่ๆ อีกด้วย
เส้นขนที่กำจัดได้ยากที่สุด คือขนสีอ่อน ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาเครื่องมือให้ทันสมัย สามารถจัดการได้หมดแม้เส้นขนสีอ่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร หรือผิวสีแบบไหน การกำจัดขนให้ได้ประสิทธิภาพ จำเป็นต้องเลือกเครื่องมือให้เหมาะกับสีผิว และชนิดของเส้นขน การเลือกผู้ให้บริการ ที่มีเครื่องมือหลากหลาย และมีประสบการณ์ที่ยาวนาน ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะรับมือกับขนในแต่ละแบบได้อยู่หมัดแบบไม่เหลือตอ ก็เล่นมีอาวุธครบมือ ยังไงก็ต้องรับมือดีกว่าอยู่แล้วค่ะ ลองศึกษาหาข้อมูล สอบถามผู้ให้บริการก่อนตัดสินใจ เท่านี้ก็น่าจะวางใจ ได้อวดวงแขนเนียนไร้ขนอย่างสบายใจได้แน่นอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก //www.apexprofoundbeauty.com
ที่มา ไทยรัฐ