Group Blog All Blog |
เมื่อหาญกล้าจะไปเที่ยว Osaka ด้วยตัวเอง day 3 (ไป Kyoto) Kyoto หลังจากมโนที่เที่ยว 2 วันแรกไปแบบคร่าวๆแล้ว แอบมาสำนึกได้ทีหลังว่าต้องทำการบ้านหนักกว่านี้ เพราะลืมศึกษาในเรื่องของทางออกของสถานีที่ไป และเรื่องระยะทางจากสถานีไปยังจุดหมาย ดูแล้ว เดิน เดิน เดิน ลูกเดียว แต่ละที่ก็ไม่ได้ใกล้อย่างที่คิด 😭 แต่นั่นแหละค่า ก็ไปเที่ยวนี่เนอะ ต้องออกแรงกันหน่อย ยังไงก็ต้องขอบคุณเทคโนโลยียุคนี้ที่ทำให้เราเห็นภาพที่มโนไว้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง วันที่ 3 นี้ที่วางแพลนไว้จะไปเกียวโต ก็เลยเริ่มหาข้อมูลว่าจะไปเกียวโตยังไงแบบประหยัดทั้งค่าเดินทางและเวลา จากการอ่านและสอบถามกูรูมาได้ข้อสรุปว่าต้องซื้อตั๋ว JR west pass 1 day 2,200 เยน ถึงจะสะดวกและประหยัด ( ตัดการเดินทางโดยรถบัสของเกียวโตออก เนื่องจากรถจะแน่นแล้วยังเจอรถติดมากมายเหมือนกรุงเทพ😅 ) เคยนั่งจากป่าไผ่ไปวัดน้ำใส ใช้เวลาไปประมาณ ชม.เศษๆเข็ดเลยค่ะ กว่าจะไปถึงวัดเกือบๆ 5 โมงเย็นเดินได้แป๊บเดียวปิดทำการ 😂 คราวนี้พาลูกทัวร์กระเหรี่ยงไปเลยมองหาเส้นทางที่เร็วสุดมาเจอรถไฟ JR นี่แหละค่ะที่ตอบโจทย์ให้ได้ การเดินทางสำหรับวันนี้ที่คิดไว้คือนั่งรถไฟจาก Namba ไปที่ Shin-osaka ( ที่เลือกสถานีนี้เพราะระยะทางใกล้ที่สุดสำหรับการเดินทางไป Kyoto ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ) เพื่อไปขึ้นรถไฟ JR Sanin (Sagano) Line ไปลงที่สถานี Kyoto จากนั้นเปลี่ยนขบวนรถเพื่อไปป่าไผ่ โดยให้ลงที่ Saga-Arashiyama station พอออกจากสถานีให้เดินเข้าซอยเล็กด้านข้างตรงไปจนสุดทาง ก็จะเจอปากทางเข้า Bamboo Grove พอดี (จำได้ว่าที่ปากทางเข้ามีร้านขายไทยากิ 😁 ของกินนี่จะจำแม่นมาก 55 ) < สถานีสวยมาก 😄 ป่าไผ่ ของจริงก็สวยมากนะคะ ( แต่แอบเดินไกลสักนิดนึง ) เดินชมป่าเรียบร้อยสบายใจ กลับมาขึ้นรถไฟไปสถานี Kyoto เหมือนเดิมเพื่อไปเดินเล่นที่หอคอย Kyoto ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับสถานีรถไฟ (ห่างกันแค่ข้ามถนนจริงๆ แต่คราวที่แล้วรีบมากเลยไม่เห็น 😭) กะไว้ว่าไปหาข้าวกลางวันกินกันที่นั่น เนื่องจากในหอคอยมีทั้งร้านค้าและร้านอาหาร ที่หมายต่อไปของเราก็คือ ศาลเจ้า ฟูชิมิอินาริ ที่รู้จักกันในชื่อศาลจิ้งจอกแดง ว่ามีเสาแดงโทริอินับหมื่นต้นนั่นเอง ดูแล้วคงเดินจนสุดทางไม่ไหว ระยะทาง 1 กม.ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม ในการเดินไป-กลับ 😱 ถ่ายรูปแค่ศาลข้างหน้าก็พอมั้งเนอะ...คงไม่บังอาจเดินขึ้นเขาแบบคนอื่น 55 (ยอมค่ะยอม) ส่วนการเดินทางไปศาลเจ้านี้เราจะไปขึ้นรถไฟ JR Nara Line ไปลงที่สถานี Inari station ดูแล้วใช้ JR West pass ในการเดินทาง (คุ้มมาก) 😁 คราวที่แล้วพลาดอย่างแรง รอบนี้เลยต้องมาเก็บให้ได้ ทางขึ้นภูเขา 😱 ถ้าเวลาเหลือตัวเลือกที่ดีที่สุดคือวัดน้ำใส (นั่งรถเมล์สาย 100 จากสถานี Kyoto ไป 15 นาที *ถ้ารถไม่ติด) แต่คงต้องรีบไปรีบกลับด้วยเข็ดจากครั้งที่แล้วไปช้าพอวัดปิดทุกคนกลับเกิดการแย่ง taxi ใครว่าคนญี่ปุ่นไม่แซงคิว เถียงขาดใจเลยค่า สุดท้าย taxi ข้างบนไม่มี ต้องเดินลงมาหาข้างล่าง รถเมล์ก็ไม่มากว่าจะได้รถ taxi ยืนหนาวอยู่ข้างถนนเกือบ ชม.เข็ดมาก ดังนั้นทริปนี้ถ้าเวลาเหลือกลับก่อน 4 โมงเย็นถึงจะโอเคว่าไป หึ หึ 😏 Kyoto เท่าที่ศึกษาเส้นทางมา ส่วนใหญ่สถานที่ท่องเที่ยวจะเป็นวัด ซะมากกว่า ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่ไปวัดทอง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งของ Kyoto วัดนี้ต้องถามกระเหรี่ยงลูกทัวร์ก่อนว่าอยากจะไปรึเปล่า เพราะส่วนตัวเคยไปมาแล้ว ไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่ คนเยอะ เดินไกล แถมทางเดินเป็นหินคลุก ทำให้เวลาเดินฝุ่นจะฟุ้งขึ้นมา เดินกินฝุ่นอยู่หลายนาทีพอถึง ตัววัดอยู่ไกลลิบ ( ดูในรูปถ่ายยังจะเห็นชัดกว่า ) แถมต้องแย่งมุมกันถ่ายรูป แล้วก็เดินกลับออกมา แต่วัดนี้มีสิ่งประทับใจที่จำได้อยู่อย่างนึงคือ ตู้หยอดเหรียญไอศกรีม ซึ่งไอศกรีมอร่อยมากกก 😁 จากนั้นอาจจะไปเดินเล่นแถว Gion หรือนั่งรถไฟกลับ ไปเดิน โดทงโบริ เพื่อเก็บรายละเอียดที่ย่านนี้อีกรอบ จบทริปที่มโนไว้ในวันที่ 3 เท่านี้ค่ะ 🚎 |
สมาชิกหมายเลข 3119111
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |