ขึ้นชื่อว่า forest (Sw. skog "สกู๊กก์") ก็ต้องนึกถึงป่ากันล่ะค่ะ มีต้นไม้เยอะสิ่งก่อสร้างจึงออกมาเป็นรูปเป็นร่างที่ค่อนข้างมั่นคงแข็งแรงมากขึ้น จึงเป็นที่อยู่ถาวร
อิอิ เพราะย้ายไปไม่ได้ ส่วนใหญ่จะอยู่ประจำในช่วงหน้าร้อน ในฤดูหนาวจะอยู่ในเต๊นท์แทนเพราะสะดวกเมื่อต้องย้ายที่บ่อยๆ
ในบริเวณวิสเต้น (visten) นอกจากจะมีเรือนคล้ายบ้านยกพื้นไว้เก็บของและอาหารแล้ว ใกล้ๆ กันก็ยังมีเพิงเล็กๆ เอาไว้ตากเนื้อ-ตากปลาให้แห้งเพื่อเป็นการถนอมอาหาร
คล้ายกับตากเนื้อแดดเดียวมั๊ยเนี่ย ทำยกพื้นขึ้นมาให้พ้นจากพวกแอบย่อง...อิอิ อยู่ป่าก็ต้องเป็นเจ้าสัตว์ป่าผู้หิวโหยล่ะค่ะ
เข้ามาด้านใน Sami forest camp รู้สึกไม่ค่อยอึดอัดเหมือนแคมป์ของ South Sami camp เพราะมีโครงสร้างเป็นกรอบไม้สี่เหลี่ยม อาจทำเป็นทรง 6 หรือ 8 เหลี่ยม อ้อ! ไม่มีตะปูในการก่อสร้างค่ะ และใช้เทคนิควิธีมุงทับหลังคาสำหรับกันความเย็นและความชื้นเช่นเดียวกันกับแคมป์แรก และเพื่อการระบายอากาศจึงต้องมีปล่องด้านบน มีคานไว้สำหรับแขวนภาชนะเวลาประกอบอาหารเช่นกันค่ะ
Nordsamiska vistet (North Sami camp)
=Torv kåta=
เป็นที่อยู่ถาวรเช่นกัน การก่อสร้าง kåta ก็คล้ายกันกับ South Sami camp เพียงแต่มีการวางซ้อนชั้นดิน torv คนละลักษณะกันและทำหน้าต่างยื่นออกมาจากโครงฐานทรงกลมกับมีปล่องควันเพิ่มเท่านั้นค่ะ
เพราะทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ภายใน kåta หลังนี้จึงเป็นแบบที่ทันสมัยขึ้น แต่ก็ยังคงรูปแบบเดิมคือ มีส่วนก่อไฟให้ความอบอุ่นและส่วนที่พักอาศัย ซึ่งได้ติดตั้งเตาผิงขึ้นมาแทนการก่อกองไฟ และมีปล่องควันต่อออกไปจึงไม่มีช่องเปิดด้านบน
แต่มีข้อเสียคือภายในห้องจะมืดทึบขาดแสงสว่าง ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องมีหน้าต่างเพิ่มขึ้นมาอีก 3 ด้าน มีที่นั่งแบบง่ายๆ ยกพื้นขึ้นมาใช้เป็นกล่องเก็บของและเป็นที่หลับนอนได้ด้วย
มองไม่เห็นโครงบ้านอีกแล้ว หิมะปิดหมดเลย
นอนๆ อยู่ ถ้าเกิดหิมะจะถล่มจากหลังคาลงมาแล้วทลักเข้าบ้าน จะทำไงกันล่ะเนี่ย
อีกด้านนึงของหน้าต่างค่ะ
ออกจากบ้านนู้นผ่านมาเห็นบ้านเสาเดี่ยวที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กันนี้ เลยเดินวนดูรอบๆ ด้วยความฉงน...อะไรหนอ?
ไม่ใช่รังนกค่ะ อย่างที่บอกไปแล้ว คน Sami เค้ามักจะมีที่ไว้สำหรับเก็บข้าวของ "Njalla" โดยเฉพาะอาหารที่ส่งกลิ่นยั่วยวนไปทั่วป่า ก็ต้องหาวิธีเก็บให้ปลอดภัยไร้กังวล หาต้นไม้ใกล้ๆ kåta ตัดให้ได้ความสูงจากพื้นดินพอประมาณ แล้วสร้างห้องน้อยๆ ไว้บนเสานี้ อิอิ เมื่อใดที่ต้องการของก็ใช้บันได (ที่ซ่อนไว้) พาดขึ้นไปได้อย่างง่ายดายค่ะ ... แต่ดูจากภาพ Njalla อ้างอิง คงต้องใช้ความสามารถพิเศษไต่บันไดแล้วล่ะค่ะ น้องๆ กายกรรมเปียงยางเลยเชียว
...มีซ่อนลูกสาวให้พ้นมือชายไว้บนนี้มั่งมั๊ยเนี่ย
หมดแล้วค่ะ visten เขตที่พักของชนซามี่ เราเดินออกมาตามทางกันก็มาเจอเข้ากับป้ายบอกทาง... ตามไปดูเขาอบขนมปังสูตรพื้นบ้านของชน Sami กันค่ะ
สาวน้อย Sami ยิ้มหวานคนนี้ กำลังนวดแป้งทำขนมปัง (ในภาษาซามี่เรียกว่า "Gáhkku") ขนมปังสูตรดั้งเดิมก็มีแต่แป้งสาลีกับน้ำและเกลือ ด้วยกรรมวิธีที่ง่ายที่สุดโดยทำเป็นแผ่นบางๆ แล้วย่างบนแผ่นหินหรือเหล็ก แต่ตอนนี้วัสดุหาง่ายขึ้นจึงใช้นมและยีสต์เข้ามาเป็นส่วนประกอบ แล้วพออบออกมาก็เป็นแผ่นนุ่มพอดีอย่างที่เห็นนี้แหล่ะค๊า
อย่างที่รู้กันในยุคแรกๆ ชน Sami ยังชีพด้วยอาหารจากธรรมชาติคือการล่าสัตว์และตกปลา วัฒนธรรมการกินจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ได้ถูกถ่ายทอดต่อๆ กันมา เทคนิคการถนอมอาหารก็มีความสำคัญมากเลยทีเดียว ถ้าพูดถึงการตากแห้ง (Torkning "ท่อร์ค-นิ่ง") การรมควันร้อน-รมควันเย็น (Rökning "เริ่ค-นิ่ง") การหมักดอง (Inläggning "อินแล๊กนิ่ง") ก็เหมือนๆ บ้านเราค่ะ แต่ทำมั๊ยยย...มันแพงจัง!
เรื่องแพงอธิบายไม่ยากค่ะ เพราะเจ้าชิ้นเนื้อคุณภาพสูงที่คุณกวางเรนเดียร์สรรหากิน กิน กินจากแหล่งธรรมชาตินี่แหละค่ะ จากที่เล่ามาตั้ง 4 ตอนยาวเหยียด (ยังมีที่กั๊กไว้อีกนะ) ว่าคุณกวางถูกเลี้ยงแบบตามใจมาเป็นปีๆ แถมเป็นโรคใจเสาะอีกถูกรบกวนก็ไม่ได้ คนเลี้ยงต้องคอยตามคอยต้อน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลายแหล่ ก็สรรหามาใช้เป็นเครื่องมือ ว่ากันตั้งแต่ใช้สกูตเตอร์หน้าหนาว ใช้มอเตอร์ไซด์หรือใช้รถเอทีวี (ATV: All-Terrain Vehicle)ในหน้าร้อน เครื่องบิน ฮ. คุมต้อนกันทางอากาศ จีพีเอสไว้บอกพิกัดแทนเข็มทิศ มือถือ อิอิ เอาไว้เรียกเพื่อนให้มาช่วยกัน อู๊ยยย..มีอีกเยอะค่ะ ดังนั้นราคาค่าตัวทั้งคนและกวางเลยทำให้ผลิตภัณฑ์ทำกับมือแพงพุ่งสูงลิบลิ่ว
และไม่ต้องแปลกใจเลยค่ะว่าของฝากจากสวีเดนที่ร้านขายของพื้นเมืองถึงมีราคาที่จำต้องหลับหูหลับตาซื้อ ไม่งั้นคงได้แต่ของฝากจากร้านแบรนด์แต่ทำมาจากแถวๆ ข้างบ้านเรานี่เอง อิอิ ชีช้ำ ช้ำ!
มาด้อมๆ มองๆ (ราคา) กันซักหน่อยก่อนค่ะ
คนที่นี่น่ารักค่ะ เค้ากลัวลูกค้าไม่รู้จะทำยังไงกับเจ้าห่อเนื้อทั้งหลายเหล่านี้ แนะนำซะเลยว่าหั่นๆ เฉือนๆ แต่อย่าหนาล่ะ ของเค้าแพง! อิอิ...เปล่าค่ะ คนน่ะไม่เหนียวแต่เนื้อจะเคี้ยวยาก อ่ะ ทีนี้ก็จัดลงจานทานกับสลัดแล้วทำซอสครีมผสมผลไม้ป่า เกลือกะพริกไทยตบท้ายเพิ่มรสชาด อร่อยคุ้มราคาหรือไม่ ซื้อเอาไปลองชิมก่อนค่อยว่ากันใหม่คราวหน้า...หาป้าให้เจอ!
...อิอิ ล้อเล่นค่ะ สูตรนี้ดูแล้วก็ OK ค่ะ บ้านๆ ป่าๆ แนวหรูแบบชนซามี่ทานเป็นมื้อทานเล่นก่อนมื้อหลักค่ะ เข้ากันกับเบียร์ดำ หรือไวน์แดง (full-bodied wine) ก็ดีไปอีกอารมณ์นึง
ส่วนน้ำเปล่าและน้ำดื่มอัดลมก็เป็นข้อเลือกสำหรับเด็กและเยาวชนค่ะ
แต่ยังไงพอดีไม่พลาดหรอกค่ะ มาเที่ยวทั้งทีไม่มีของติดมือกลับบ้านได้ไง ...ได้มาห่อเดียวค่ะ (อันนี้ถ่ายด้านหน้ากับถ่ายด้านหลังอีกทีนึงค่ะ จะได้เห็นสีเนื้อดิบๆ ยึ๊ยย...) เป็นเนื้อของกวางเรนเดียร์ส่วนเนื้อสันในหมักกับวิสกี้และรมควันเย็น ปกติจะชอบทานรมควันเย็นแบบนี้แหละค่ะ ส่วนตัวแล้ว (หากทานเนื้อดิบได้) คิดว่ารสสัมผัสดิบๆ แห้งๆ จะดีกว่ารมควันร้อนที่มันจะสุกแบบเนื้อฉ่ำน้ำค่ะ เอามาทำเสริฟแบบที่ป้าเค้าบอกเมื่อกี๊ หรือเรียกว่า Carpaccio ...มื้อเบาๆ นี้เป็นสุดยอดของฝากได้ไม่แพ้อย่างอื่นเลยค่ะ
อิอิ อาหารขึ้นเหลา แต่ทราบมั๊ยว่า ชนซามี่ทานกันเหมือนเราทานข้าวเหนียวหมูปิ้งค่ะ น้ำพริก-หมูย่างจิ้มแจ่ว แหมจะว่าไปแล้วเจ้ากวางพวกนี้ก็เหมือนตู้กับข้าวมีชีวิตล่ะค่ะ เลี้ยงมันก็มีกินแต่ไม่เลี้ยงเองก็ต้องไปซื้อเขากิน ทำไงได้อ่ะ แม๊...ยังไงก็แล้วแต่ อยู่บ้านเรา กิน-ใช้ของบ้านเราเจริญดีกว่าเยอะ...ทั้งคนทั้งกระเป๋าค่ะ แต่ถ้าเงินล้นกระเป๋าก็เอามาแบ่งกัน อิอิ เป็นค่าอาหารน้องกวางในบางครั้งบางคราก็ยินดีจ๊า
ปิดท้ายกันด้วยภาพ...ก่อนหิมะกองสุดท้ายจะละลาย
แล้วคงได้เจอกันที่นี่คราวหน้า ถ้ามีโอกาสมาอีกตอนงานฉลอง Midsummer (Sw. Midsommar "มิดซอมม่าร์")
ขอปิดฉากเรื่อง (เกริ่น) วิถีธรรมชาติ Sami...วิถีชนพื้นเมืองในสวีเดน ไว้แค่ตอนที่ 4 นี้ให้เป็นที่คุ้นเคยกันพอหอมปากหอมคอค่ะ แล้วคราวหน้าอีก 3 ปีข้างหน้าหรือถ้ามีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกัน พอดีก็จะนำมาเล่าสู่กันอีกค่ะ
และหวังว่าเนื้อหาทั้ง 4 ตอน คงจะให้ข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ใช่แค่ชีวิตอีกแง่มุมหนึ่งในต่างแดน แต่เป็นชีวิตของทุกคนที่ถูกวางอยู่ภายใต้กฏเกณ์ของธรรมชาติ ...ให้ความเครพซึ่งกันและกัน แล้วทุกสิ่ง...แล้วทุกชีวิต...ก็จะดำเนินต่อไปได้อย่างดีมีสมดุลย์...