Let the Music Do the Talking

 
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
14 กันยายน 2549
 

My Bros' Day

เมื่อวันอังคารที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังการออกไปสัมภาษณ์ตามปกติ ผมได้ไปร่วมเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์สำคัญงานหนึ่ง โดยไม่ต้องสงสัย ว่ามันเป็นภาวะที่ค่อนข้างขัดกับวิสัยโดยปกติของผม ที่ถ้าไม่ได้ออกไปสัมภาษณ์ หาข้อมูลสำหรับงานหลักที่ผมรับผิดชอบอยู่ (รวมถึงแวะไปทำฝิ่นอีกประมาณหนึ่ง 555) ผมก็มักจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก ด้วยบรรดาปัญหาและภาระต่างๆ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน และแต่ละงาน ดังที่เจ้านายเขาได้คิดเอาไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เริ่มชวนผมเข้ามาทำงานที่นี่ เขาถึงกล้าแลกมันกับผมด้วยเงินจำนวนค่อนข้างมาก (สำหรับผม - คนอื่นอาจจะถือว่าน้อย)

แน่นอน - มันคงเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญไม่ใช่เล่นทีเดียว ที่สามารถงัดผมออกไปจากเก้าอี้ทำงานได้ ที่เกริ่นกันมาตั้งนานนี่ก็ไม่ใช่อะไรครับ เผื่อว่ามันจะทำให้เรื่องราวที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ดูมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะสำหรับผมมันเป็นงานที่สำคัญต่อความรู้สึกของเจ้าภาพและตัวผมมาก
มันเป็นงานเปิดตัวหนังสือ 7 เล่มจาก 7 นักเขียน ที่ตั้งชื่อได้เก๋สมราคา a day ว่า 7 write now โดย 3 ใน 7 ที่ได้ปรากฏตัวและสัมภาษณ์ในรอบแรกนั้น 2 พี่ชายที่ผมให้ความเคารพ และ 1 ศิลปินที่ผมสนิทด้วยเหตุผลของการทำงาน, ผลงาน และเป็นการส่วนตัว



พี่วิภว์ บูรพาเดชะ กับ 'ตื่นจนเช้า'
พี่ต๊ะ-จักรพันธ์ ขวัญมงคล กับ 'นิทานสันดานเสีย'
และ พี่ตุล ไวฑูรย์เกียรติ แห่ง อพาร์ตเมนต์คุณป้า และคอลัมน์ A Tul Red Line ในนิตยสาร DDT กับ 'หลบเวลา'
สำหรับพี่คนแรกนั้น ความทรงจำของผมยังคงจดจำถึงครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อของเขาได้ดี

.......

"แจ๊ค เดี๋ยวจะมีพี่คนหนึ่งจบถาปัตย์ จุฬาฯ มาอยู่ในทีมเรา ชื่อวิภว์ แจ๊คลองทายสิว่า ชื่อเขาเขียนยังไง" คำพูดนี้ผุดขึ้นในบ่ายวันหนึ่งของปี 2542 ที่ชั้น ตึกเพรสซิเดนท์ (ที่ทุกคน เว้นผม (ในตอนนั้น) ทราบกันดีว่าเคยเกิดเหตุไฟไหม้ จนกลายเป็นข่าวโด่งดังในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านั้น) จากพี่สาวร่วมจังหวัด ที่เป็นหัวหน้าทีมของผมในเวลานั้น พี่เพ็ญ-จันทร์เพ็ญ จันทนา

ด้วยศักดิ์ศรีของการเป็นหนึ่งในทีม Content Writer ที่น่าจะมีความรู้ภาษาไทยในระดับที่เกินกว่าอ่านออกเขียนได้ไปพอสมควร ผมก็ลองเขียนชื่อพี่เขาลงไปในกระดาษทันที หลังจากที่คิดอยู่หลายตลบว่า ชื่อเขาน่าจะเขียนว่าอะไร ระหว่าง "วิบ", "วิพ", "วิป" หรือ... เพราะหากมันเขียนกันง่ายๆ พี่เพ็ญคงไม่ทราบผมให้เมื่อยตุ้มเป็นแน่ ซึ่งในที่สุดผมก็จรดปากกาลงไปว่า

"วิภ"

หลายเสี้ยววินาทีจากนั้นคือ ช่วงเวลาที่กลั้นอกกลั้นใจฟังคำเฉลยจากพี่ผู้ถาม ก่อนที่จะทุกอย่างจะคลี่คลาย ด้วย...

"เกือบถูกจ้ะ ชื่อพี่วิภว์ เขาต้องมี วอแหวน การันต์ ด้วย" พี่เพ็ญอธิบายด้วยรอยยิ้มของผู้มีชัย ก่อนที่จะขยายความว่า "พี่เขาเคยเป็นนักแต่งเพลงอยู่มิวสิคบั๊กส์ด้วย น่าจะเข้ากับแจ๊คได้ดีนะ"
นักแต่งเพลง?

อืม...น่าสนใจ

หลายวันต่อมา ก็ถึงวาระที่พนักงานใหม่ทั้งหลายจะเข้ามาจับจองที่ทางในบริษัทใหม่ของพวกเขา รวมถึงพี่วิภว์คนนี้ด้วย ซึ่งผมได้จินตนาการรูปร่างลักษณะของพี่เขาเอาไว้ล่วงหน้าจากข้อมูลคร่าวๆ ที่ได้รับรู้ว่า น่าจะสูงยาวเข่าดี หน้าตาดูภูมิฐาน สมกับที่จบถาปัตย์ และน่าจะดูติสต์ๆ (ถ้าปัจจุบันน่าจะใช้คำว่า "แนว" จะเห็นภาพกว่า) สักหน่อย เพราะเป็นถึงนักแต่งเพลงค่ายเล็กแต่ใหญ่อย่างมิวสิคบั๊กส์ซะด้วยนา

แต่เชื่อไหมครับ ว่าหลังจากที่กองทัพพนักงานใหม่เข้ามาจนครบแล้ว ผมยังไม่เห็นพี่วิภว์ในมโนภาพของผมเลย

สงสัยพี่เขาจะยังไม่ได้มาล็อตนี้

แต่ผิดถนัดครับ พี่เขานั่งโต๊ะถัดจากผมไปบล็อกเดียวเท่านั้นเอง และมีลักษณะภายนอกที่ขัดแย้งกับจินตนาการของผมอย่างแทบจะโดยสิ้นเชิง เพราะพี่วิภว์ บูรพาเดชะ ตามที่พี่เพ็ญแนะนำหลังจากนั้นเนี่ย เป็นผู้ชายร่างเล็ก (ประมาณผม) ผมทรงรองทรง ใส่แหวนกรอบบางอย่างคนคงแก่เรียน และมีพฤติกรรมเรียบร้อย (กว่าผมมาก)

อย่างไรก็ตาม พี่วิภว์คนนี้ก็ทำให้ผมเริ่มตระหนักถึงคำกล่าวที่ว่า "อย่าตัดสินใครจากเพียงภายนอก" นั้นเป็นจริงขนาดไหน เพราะจากการที่ได้ร่วมงานกัน พี่วิภว์เป็นคนที่เก่งมากครับ เขาเป็นคนที่มีไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ พร่างพรูออกมาอยู่เสมอ เช่น วลีโปรโมตกิจกรรมหนึ่ง ikazz.com อย่าง "น้ำขึ้นให้รีบคลิก" การประชุมงานแต่ละครั้งของทีมเราเป็นไปด้วยความสนุกสนาน และไอเดียที่ลอยฟุ้งเต็มอากาศอยู่เสมอ

และเว็บไซต์ ikazz.com ที่บัดนี้ได้กลายเป็นอดีตไปแล้วนี่เอง ที่ทำให้เราสนิทกันมากยิ่งขึ้น

เรา ที่ประกอบไปด้วย - พี่วิภว์, วัน-วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, เบียร์-อภิศักดิ์ เจือจาน, โน้ต-รติรส สุภาพร และผม

และด้วยเหตุผลกลใดก็เหลือจะเดาและจดจำ ที่ทำให้เรา ที่มี พี่วิภว์, วัน และผม ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ในช่วงหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นทานข้าวเย็น, ดูหนัง หรือว่าดูคอนเสิร์ตก็ตาม

คืนหนึ่งเราเคยได้ไปชมการแสดงของวงเอกรงค์ ที่ลานข้างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (ปัจจุบันเซ็นทรัลเวิลด์) ที่ครบครันทั้งภาพและเสียงอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะมีบุญได้ชม
(หลาย) วันหนึ่ง เราทั้งหมด ได้ริอาจทำหนังสือทำมือขึ้นมาเล่มหนึ่ง ในช่วงเวลาที่หนังสือทำมือได้รับความนิยมสูงสุด เพื่อนำไปขายในงานหนังสือทำมือ ที่ถนนพระอาทิตย์ ด้วยธีมหลักของหนังสือคือ "ความรัก" โดยไม่ต้องสงสัย - พี่วิภว์ เป็นโต้โผ, บรรณาธิการ และผู้ให้ชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า "โป้งเจ็ดที ดีเจ็ดหน" (ปัจจุบันหายไปจากความครอบครองของผมแล้ว...เศร้า)

(สอง) วันหนึ่ง ผมได้ติดสอยห้อยตามพี่วิภว์ไปงานแฟตเฟสติวัลครั้งที่หนึ่ง ที่โรงงานยาสูบเก่า เพราะพี่วิภว์ไปเปิดแผงขายหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มแรกในชีวิตของเขาคือ "หนึ่งปีในเมืองหนึ่ง" (ปัจจุบันผมมีในครอบครองสองเล่มถ้วน) และขายเทปวงสาธรของเขา ในขณะที่ผมนั้นหากไม่ผุดลุกไปชมคอนเสิร์ตและซื้อซีดีอย่างตื่นตาตื่นใจ ก็จะผุดนั่งเป็นตุ๊กตาหลังร้านให้กับพี่วิภว์ (แม้ว่าจริงๆ เขาอาจจะไม่ต้องการเลยก็ตาม)

อีกคืนหนึ่ง ท่ามกลางสภาวะที่มีคนลาออกไปเริ่มชีวิตใหม่กันมากมาย เราก็ได้ไปทานข้าวมันไก่ ประตูน้ำด้วยกัน ประเด็นหนึ่งในบทสนทนาจึงหนีไม่พ้นเรื่อง อนาคตและความฝันของเรา พี่วิภว์บอกผมว่า เขาอยากเปิดสำนักพิมพ์ขึ้นมา เพื่อออกหนังสือดีๆ ที่เขาชอบ ซึ่งในฐานะเด็กที่ไม่เคยคิดหน้าคิดหลัง (แม้ทุกวันนี้) ผมก็รีบฝากตัวไว้กับพี่เขาทันที เพียงแต่ "ขอเป็นหุ้นแรงสักหลายๆ ปีแรกแล้วกันนะครับพี่" (แม้ทุกวันนี้เหมือนกัน)

แต่ก็เฉกเช่นที่พี่โหน่ง วงศ์ทนง เคยบอกเอาไว้ว่า "ความสุขไม่เคยอยู่กับเรานาน" ทีมของเราที่เข้ากันได้ดี ชนิดไปไหนไปกันก็ต้องกลายเป็นอดีต ด้วยปลายทางของแต่ละคนที่เริ่มแตกต่างกัน



เริ่มจาก เบียร์ (ออกไปอยู่ eotoday.com), พี่นุ้ย-วัฒนาวดี เอื้อารักษ์ (พี่สาวมุขเยอะของเรา - ใกล้เป็นเจ้าสาวแล้ว), พี่โจ-ยศยอด คลังสมบัติ (พี่ชายสุดหล่อของเรา - ปัจจุบันบรรณาธิการบริหาร Esquire), พี่วิภว์ (ตามเบียร์ไปติดๆ), โน้ต, วัน, พี่เพ็ญ จนกระทั่งมาถึงผม

ทุกคนต่างก็ออกไปไขว่คว้าอนาคตของตัวเอง

กระนั้นพี่วิภว์ก็ยังคงให้โอกาสสำหรับการร่วมงานกับผมอยู่เสมอ เหมือนที่เขาได้เขียนบนปกมินิซีดีตอนที่พี่เขาลาออกเอาไว้ว่า "ขอให้รักษาความรู้ลึกเรื่องเพลงของแจ๊คเอาไว้ เราคงได้ร่วมงานกันอีก"

โดยเริ่มจากคอลัมน์ Indy Review ในนิตยสาร a day ที่เริ่มเล่มแรกด้วยบทวิจารณ์ วง Free และ โอ๋ ศรุตยา ซึ่งผมจำได้ดีว่า ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไรมากนัก เพราะผมก็เขียนลงใน ikazz อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว (ซึ่งตรง Music Review ใน ikazz นี้เองที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมกับพี่วิภว์สนิทกันมากขึ้น เพราะ

1. วันหนึ่งพี่วิภว์ทักทายผมมาทาง ICQ ว่า ก่อนหน้านั้นเขาเคยเขียนวิจารณ์เพลงลงในหนังสือเล่มโน้นเล่มนี้มาบ้าง เลยอยากจะเขียนลงใน Ikazz บ้างจะได้ไหม (เอ่อ เด็กน้อยหัดเดินจะปฏิเสธวัยรุ่นขับรถสปอร์ตได้ยังไงละครับ)

2. อีกวันหนึ่ง พี่วิภว์มาบอกว่าชอบใจที่ผมเขียนวิจารณ์อัลบั้ม Love Boat ของวงสี่เต่าเธอมาก เลยอยากให้เขียนวิจารณ์ให้กับวงของเขา คือ วงสาธรด้วย (ถือเป็นงานที่ผมภาคภูมิใจมากที่สุด ตลอดกาลชิ้นหนึ่งเลยนะครับ ด้วยเหตุผลที่ว่าพี่วิภว์ปรินต์มันไปโปรโมตตอนขายเทปในวาระต่างๆ เคียงข้างงานเขียนวิจารณ์ของพี่เอ้-ปรารถนา รัตนะสิทธิ์) แต่คนที่ตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้ากลับเป็นพี่วิภว์ที่รอวันที่ a day ฉบับนั้นจะออกวางตลาด

นับจากนั้น พี่วิภว์ก็ได้ให้โอกาสผมร่วมงานในอีกหลายๆ วาระ โดยมีหลักๆ อยู่ที่นิตยสารที่พี่วิภว์ได้รับความไว้วางใจจากพี่โหน่ง วงศ์ทนง ให้ไปดูแล - Hamburger ไม่ว่าจะเป็นคอลัมน์วิจารณ์เพลง (Bite!) ข่าวต่างประเทศ (World) หรือ สกู๊ปหลัก (Cream) ก็ตามที และนิตยสาร a day ฉบับพิเศษ Music Issue ที่ทำให้ผมได้กลายเป็น "กองบรรณาธิการ" เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งจนทุกวันนี้ผมก็ยังเก็บ a day ฉบับพิเศษนั้นไว้เป็นอย่างดี

จนกระทั่งผมได้ตกร่องปล่องคล้ายๆ อย่างนี้อีกครั้ง เมื่อพี่วิภว์ถามผมว่า "a day กำลังจะทำหนังสือให้ เบเกอรี่มิวสิค แจ๊คอยากทำไหม"

สำหรับคนที่เคยหมดความมั่นใจในตัวเองไปจนเหือดแห้งเช่นผม กับการขอความช่วยเหลือที่พอช่วยได้สำหรับหนึ่งในคนที่ช่วยประคอง พร้อมทั้งให้น้ำจนกระทั่งผมสามารถยืนขึ้นได้อย่างเต็มสองขา ผมจึงไม่เคยที่จะบอกปัด ปฏิเสธ หรือกระทั่งขอคิดดูก่อนเลย แม้สักครั้ง ถ้าเป็นคำขอของพี่ชายของผมคนนี้

ในที่สุด ผมก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของ นิตยสารเฉพาะกิจที่ชื่อ 375F

นิตยสารที่ทำให้ผมได้ร่วมงาน พี่ชายที่ชื่อ พี่โจ้-วชิรา รุธิรกนก น้องสาวที่ชื่อ ตุ๊ก-พัสวรรณ ศรีลาน, อัน-อัญรัตน์ จรัสมาธสร, ปิ๋ม-พัชรวรรณ จุลสุคนธ์ และคุณหมอที่เปลี่ยนทัศนคติของผมที่มีต่อหมอไปจนตลอดกาลที่ชื่อ แอน-ปัณฑ์ธีรา เอื้อรักสกุล รวมถึงสองน้องฝ่ายทำและตรวจ ต่อ-ต่อพงษ์ เสถียรกานนท์กับเปิ้ล-เบญจวรรณ แก้วสว่าง และสองฝ่ายอาร์ตที่ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้รู้จักและร่วมงานกัน หากเทียบชื่อชั้นของพวกเขาในฐานะดีไซเนอร์ระดับประเทศ กับนักเขียนต๊อกต๋อยอย่างผมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น โต๋-นุติ์ นิ่มสมบูรณ์ หรือ กิ๊บ-รักกิจ ควรหาเวช ก็ตาม

นิตยสารที่ทำให้ผมได้ลงสนามจริงถึงการทำนิตยสารอย่างเต็มตัว ที่ไม่ใช่เพียงฟรีแลนซ์ที่ทำส่วนของตัวเอง และปล่อยเป็นหน้าที่ของทีมงานจะนำมันไปจัดสรรลงกลายเป็นรูปเล่ม ผมได้เริ่มเข้าใจถึงภาวะ "ตื่นจนเช้า" ก็ตอนนี้เอง


นิตยสารที่เคี่ยวกรำจนผมถึงพร้อมในระดับหนึ่งสำหรับอนาคตที่กำลังรอผมอยู่ในคืนวันอันใกล้ แม้ในขณะนั้นผมจะยังไม่คาดฝันถึงขนาดนั้นก็ตามที

นิตยสารที่ทำให้ผมได้ใช้ร่างกายหนักหน่วงที่สุดในชีวิตเป็นครั้งแรก คือ ตื่นเจ็ดโมงเช้าไปทำงานออฟฟิศที่พญาไทให้ทันแปดโมงครึ่ง ทำไล่ยาวไปจนถึงหนึ่งทุ่ม ก่อนที่ย้ายร่างกายไปยังเอกมัยซอย 10 และทำเรื่อยไปจนกระทั่งเช้า

เป็นอย่างนั้นในวันแล้ววันเล่า

ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชาว a team ซึ่งถือเป็นเกียรติที่ผมยังคงเก็บเอาไว้ในใจจนกระทั่งทุกวันนี้ ไมตรีจิตของพี่โหน่ง, พี่ปิงปอง-นิติพัฒน์ สุขสวย, เพ็ญ-จันทร์เพ็ญ, พี่ออย, ก้อง-ทรงกลด บางยี่ขัน (ผู้ช่วย บก.บห.ในตอนนั้น บก.บห. a day ในวันนี้), พี่ต๊ะ, น้องโบ-สุรเกตุ เรืองแสงระวี, ดก-กิตติศักดิ์ ทวีกิจภิญโญ และ แป๋ว... ยังคงล้ำค่าสำหรับผมเสมอ

และเมื่อเล่มที่สิบที่มาบรรจบในเดือนธันวาคม 2547 ก็ถึงเวลาที่ผมจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเอง ด้วยประสบการณ์และมรดกที่ทุกคนได้สั่งสอนและถ่ายทอดให้กับผม ไม่ว่าแต่ละคนจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม...

ทั้งหมดจะเกิดขึ้นและเป็นไปไม่ได้เลย หากผมไม่ได้พบกับพี่เพ็ญ ที่ชักพาให้ผมได้พบกับพี่ชายของผมคนนี้
ขอบคุณมากจริงๆ ครับ

.......

หลังจากที่ความทรงจำได้ทำหน้าที่ของมันจนเสร็จสรรพ สมองของผม - ที่เดินเบียดคนจากโต๊ะลงทะเบียน พร้อมกับหนังสือ 4เล่ม ที่ติดมือมา เบี่ยงมายืนข้างๆ ก้อง - ก็เริ่มขับเคลื่อนเลื่อนไหวอีกครั้ง

กับพี่ชายคนที่สอง...

(อ่านต่อใน My Bros' Day part 2)


Create Date : 14 กันยายน 2549
Last Update : 14 กันยายน 2549 11:14:46 น. 1 comments
Counter : 480 Pageviews.  
 
 
 
 
 
 

โดย: pp (lady_icy ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:49:32 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Jackpot Sparrow
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Jackpot Sparrow's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com