หนังที่ได้ดูในสัปดาห์ที่ #4 และ #5 ของปี 2008
สองอาทิตย์ดูหนังไปแค่ 3 เรื่อง แย่จัง ทั้งๆที่มีเวลาว่างมากมายนัก หนังโรงก็มีที่อยากดูเช่น Sweeney todd และ American gangster แต่ทั้งสองเรื่องก็โดนเซ็นเซอร์ซะงั้น จะหวังพึ่งหนังแผ่นโซนหนึ่งแถวสีลม ร้านประจำก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ชีวิตที่มันดูลักลั่น ดูครึ่งๆกลางๆนี่มันช่างน่าเบื่อดีแท้(รอบสอง) Cloverfield - พอกันทีกับกล้อง Hand HELL!!!!!หลังจากไปดูรอบแรกแบบไม่มีอาการมึนอยากอ้วกเหมือนที่บางคนประสบ ก็อยากดูอีกรอบ อยากดูฉากที่มีคนเห็นบางสิ่งตกลงทะเล ก็เลยอยากดูอีกรอบ ตอนแรกกะดู IMAX ให้สะใจกันไปเลยแต่ด้วยทุนทรัพย์ที่ค่อนข้างเบาบางเลยดูเมเจอร์ตรงเอกมัยละกัน เป็นครั้งแรกที่ดูที่นี่ นี่มันเมเจอร์รัชโยธินนี่หว่าก่อนดูหิวมากๆเลยซัดซิสเลอร์ไปเต็มคราบ อิ่มมากมาย ถือเป็นการทดลองว่าจะมีอาการคลื่นเหียนอาเจียนหรือไม่ผลการทดลองมีอาการพะอืดพะอมบ้างเป็นระยะๆ ต้องหันหน้าหนีจากจอดูเพื่อนร่วมโรงว่ามีอาการยังไงกันบ้าง พบว่านั่งดูกันนิ่งเฉย ไม่เหมือนรอบแรกที่มักมีคนเดินออกมาระหว่างดูหลายคน อาจสรุปได้ว่าคนเอกมัยอึดกว่าคนลาดพร้าว และการดูซับไตเติ้ลช่วยให้หายมึนได้เหมือนกัน ส่วนฉากที่มีอะไรพุ่งลงน้ำก็เห็นอยู่จิ๊ดนึงสรุปผลการทดลองคงไม่ดูเรื่องนี้อีกเป็นครั้งที่สาม และเรื่อง Side story ก็ไม่น่าติดตามอีกต่อไป คิดว่านี่เป็นหนังกระแสที่กำลังจะหายไปจากความทรงจำ ส่วนภาคต่อถ้าไอเดียแปลกใหม่ก็คงดู คะแนนลดเหลือ 6/1012. Eastern promises - มีอะไรแปลกๆเข้ามาในชีวิตมากมายวันที่ดูหนังเรื่องนี้ชีวิตผมเหมือนหนังอินดี้ มีอะไรแปลกๆเข้ามาในชีวิตมากมาย ตั้งแต่เช้าผม "มีโอกาส" ไปทำงาน แต่พบว่าเป็นการ "นั่งเฉยๆ" ซะมากกว่า และเป็นวันแรกของการทำงานและวันสุดท้าย??? ฟังดูงงๆแต่รายละเอียดผมคงบันทึกไว้ใน Blog group "Darth side" แทนละกัน หึๆๆๆพอ "งาน?" เลิก ผมก็ไปเดินสยามตามธรรมเนียมปฏิบัติ ระหว่างกินข้าวเย็นก็โทรไปเล่าเรื่องแปลกๆที่พบเจอในช่วงเช้าให้เพื่อนฟัง เลยรู้ว่ามันกำลังจะไปข้าวสารกัน (แอบไปไม่ชวน ) ตอนดึก ผมเลยมีเวลาว่าง 2 ชั่วโมง ซึ่งก็มีรอบหนังเรื่องนี้พอดิบพอดี ความจริงก็เฉยๆกับเรื่องนี้ แต่เห็นว่าไม่เซ็นเซอร์ และพี่วิกโก้อาราก้อนได้เข้าชิงนำชาย ก็เลยดูแน่นอนว่าผมต้องเจออะไรแปลกๆในโรง เริ่มจากหนังมัวมาก ดูไม่รู้เรื่อง มึนมากๆ มึนยิ่งกว่าดู Cloverfield ซะอีก รอบที่ดูมีฝรั่งอยู่มากซึ่งทำให้ผมอุ่นใจว่าจะต้องมีโวย ผมเห็นมีสองคนลุกขึ้นไปแจ้งเจ้าหน้าที่ หนังกลับมาชัดขึ้นแต่ไม่นานก็มัวเหมือนเดิม มีทอมคนหนึ่งเริ่มโวยวาย เฮียแกลุกไปอีกครั้ง ผมเห็นความพยายามของคนฉายที่จะปรับโฟกัสแต่แต่แทนที่มันจะชัดจอหนังกลับมืดดับไปซะงั้น มีพนักงานเข้ามาแจ้งว่าหนังจะกลับมาในอีกสักครู่ พี่ทอมแกก็โวยวายใส่ ผมนั้นจะที่หงุดหงิดหนังกลายเป็นกลัวพี่ทอมคนนี้แทน กลัวว่าเธอจะลุกขึ้นมาเอามีดเชือดคอพนักงานแบบในหนัง เหตุการณ์บ้าบอนี้กินเวลาไปประมาณ 40 นาที จากนั้นหนังก็ปกติ มาวิจารณ์หนังกันดีกว่า เรื่องก็มีอยู่ว่านางเอกเธอเป็นหมอทำคลอดให้เด็กหญิงชาวรัสเซีย แต่เธอตายตอนคลอดทิ้งลูกและไดอารี่เอาไว้หนึ่งเล่ม ซึ่งไดอารี่เล่มนี้เองทำให้นางเอกต้องไปเจอกับเรื่องเลวร้ายของพวกมาเฟียชาวรัสเซียที่อาศัยในอังกฤษ โดยพระเอกเป็นลูกสมุนของมาเฟียกลุ่มนี้ ชอบครับ ความโหดกำลังดี พี่วิโก้ก็แสดงดีจนกลบนาโอมิ วัตต์ นางเอกในเรื่อง และตอนหลังที่มีหักมุมยิ่งทำให้ตัวพระเอกดูมีมิติมากๆ แต่ไม่ชอบที่นางเอกเธอช่างกล้าเกินคนปกติไม่มีความกลัวอะไรซะเลย และตอนจบที่ดู feel good ไปนิดเมื่อเทียบกับโทนในเรื่องฉากเด็ดฉากต่อสู้ตัวเปล่า(เล่าเปลือย)ที่ไม่เคยเห็นในเรื่องไหนมาก่อน!!!! เชือดกันสดๆ แทงกันเห็นๆ!!!!!!7/10ออกจากโรงก็คุยกะพนักงานได้ดูฟรีหนึ่งเรื่องครั้งต่อไป เฮ้อ พารากอนซีนีเพล็กดูหนังจบก็มาเจอเพื่อน ระหว่างเรียกแท๊กซี่ไปข้าวสารเกิดเหตุกาณ์แปลกๆอีกแล้ว แต่แปลกแบบน่ารักๆ คือพอเราเรียกแท๊กซี่ได้ ก็มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาขอติดรถไปด้วย เธอกำลังไปข้าวสารอยู่พอดิบพอดี!!!! ส่วนข้าวสารนั้นไม่มีเรื่องแปลกเกิดขึ้น มีแต่ความเซ็งกับบรรยากาศที่ไม่ค่อยจะดีนัก เปลี่ยนเป็นทองหล่อ อาร์ซีเอ แทนดีมั๊ยคราวหน้า13. Enchanted - หนังใสๆที่ไม่เหมาะกับชีวิตผมนักผมใช้สิทธิ์ดูฟรีที่ได้มากับเรื่องนี้ ก็ดูได้เพลินๆ น่ารักๆ ขำๆ นางเอกเล่นได้ฮาดี เนื่อเรื่องก็ตามหนังตัวอย่างนั่นแหละ ชอบตัวชิพมั๊งด้วย น่าร๊ากกกก เป็นพระเอกตัวจริงเลยนะเจ้าเนี่ยส่วนเรื่องที่หนังนำเสนอเรื่องของชีวิตจริงกับนิยายนั้นก็โอเคอยู่ บางทีการใช้ชีวิตที่ดู "จริง" มากเกินไปก็ทำให้ชีวิตเรามีสีที่จืดจางลง บางทีเราต้องหมั่นเติมความเพ้อฝัน ความเป็นนิยาย หรือสีสันเข้าไปในชีวิตบ้าง เหมือนกับหนุ่มทนายความชาวนิวยอร์กกับสาวในเทพนิยายในเรื่องที่การได้มาเจอกันทำให้ทั้งคู่ได้หาความสมดุลในชีวิตได้ในตอนจบเนื่องจากหนังมัน feel good ทั้งเรื่องจึงแอบหาวเป็นระยะๆ เพราะไม่ชินกับหนังประเภทนี้เท่าใดนัก 6/10กรรมลืมอีกเรื่องที่ดูไปซะนี่ มาเพิ่มเติม(รอบที่?) รักแห่งสยาม Director's cut - หนังอะไร ดูกี่รอบไม่เคยเบื่อหลังจากที่เล่าบรรยากาศการซื้อตั๋วสองชั่วโมงที่เฮ้าส์เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ก็ได้ดูซักที ควงเพื่อนสาวไปดูด้วยอีกคนเป็นเครื่องป้องกันเก้งกวาง บรรยากาศในโรงคนเต็มเลย คึกคักมากๆ พบว่าประชากรประมาณกว่า 90% เป็นเพศชาย มีชะนีร่วมดูไม่ถึงสิบคน หึๆๆๆ ไม่รู้ว่ารอบอื่นเป็นแบบนี้รึเปล่า เลยคิดไปได้ว่ารึนี่เป็นการรวมพลคนซอยสอง?!?!?เจอชายสูงวัยคนหนึ่งเดินเข้าโรงมาก็นึกดีใจว่าคุณลุงท่านนี้แนวดีจังมาดูเรื่องนี้ด้วย แต่พอท่านได้ทักทายกับ gay power สามสาวด้านหน้า ก็ถึงบางอ้อ อ้าวนี่มัน ดร.เสรี นี่หว่า มากับหนุ่มอีกคนด้วยล่ะ (ทำตัวเป็นซ้อเจ็ดไปได้นะเรา)ตัวหนังฉายแบบดีวีดีผ่านโปรเจคเตอร์จึงมีขนาดเล็กกว่าปกติ เสียดายน่าจะเลือกที่นั่งให้ใกล้ๆจอมากกว่านี้ ส่วนฉากที่เพิ่มเติมเข้ามา บางฉากก็ฮาได้ใจ บางฉากก็โคตรจะวาย ทำไมมันต้องทำตาหวานกันซะขนาดนั้น แล้วพบว่ามันดูจะวายกันตั้งกะเด็กเลยทีเดียว ส่วนที่เพิ่มมามิว มิวดูสาวแตกมากกว่าเวอร์ชั่นปกติมากๆ และเหมือนเป็น "เจ๊" ของวงออกัสซะงั้น ชอบมุก gay power 4 มากๆ ไม่น่าตัดออกเล๊ยฉากนี้โต้ง โต้งไม่ค่อยมีส่วนที่เพิ่มมา แต่ฉากสกาล่าทำให้เรารู้ว่าโต้งรู้ว่ามิวเป็นอะไรมาตั้งแต่เด็กแล้ว และโต้งตอนเด็กที่เพิ่มมาทำให้รู้ว่าโต้งเจ็บปวดมากกับการจากไปของพี่สาว แต่ที่ชอบคือฉากเพื่อนๆโต้งกับ "สุนีย์!!!" ที่ฮามากๆ และอีกอย่างฉากโต้งอาบน้ำ เอ่อ สนองความต้องการของผู้กำกับอ๊ะป่าวครับ หญิง ส่วนแอ๊บแบ้วที่เพิ่มขึ้นมาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเดิม แต่ส่วนป๋าในตอนหลังนี่สุดยอด เธอเป็นคนที่แมนที่สุดแล้วในเรื่อง โดนัท ดีแล้วที่ตัดเหลือแค่นั้น ไม่งั้นเธอจะกลายเป็นนางร้ายช่องเจ็ดไปซะส่วนเดิมๆก็ยังน้ำตาซึมกับฉากความเหงาของมิวเช่นเคย ส่วนฉากม้านั่งเร้นรักทั้งโรงเงียบกริบ ผมสังเกตุดูเหมือนจะตั้งใจดูกันมากเลย โดยเฉพาะเจ๊ๆทั้งสามคนข้างหน้าผม ส่วนเพื่อนสาวผมนั่งกระสับกระส่ายสงสัยอยากกรี๊ดดดดดตอนนี้ก็รอไปอีกเดือนที่ DVD จะออกแล้วเราก็จะได้มาดูกันอีกหลายๆรอบให้เบื่อกันไปข้างนึงคะแนนเท่าเดิมครับ