วิตามินชะลอความแก่ มีอะไรบ้างน้าาา

ต่อจากบทความที่แล้วนะคะ ไม่อยากแก่ทำไงดี สาวๆอาจจะอยากรู้ว่ามีวิตามินอะไรบ้างที่จะช่วยคงความสาวของคุณเอาไว้ให้นานที่สุด Vitamins club จึงขอเอาใจสาวๆทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ที่สนใจและใส่ใจสุขภาพผิวได้มาดูกัน

          1.CoEnzyme Q10 หรือ เรียกสั้นๆ ว่า Q10 เป็นสารต้านออกซิเดชั่น (Antioxidant) และเป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง ดังนั้นจึงนำ Q10 มาใช้เป็นเครื่องสำอางสำหรับลดการเกิดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังจากแสงแดด (Photoaging)กล่าวคือ ผิวหนังจะมีหน้าที่ในการป้องกันสารพิษ เชื้อโรค และรังสีอุลตราไวโอเลต (Ultraviolet) จากแสงอาทิตย์ โดยรังสีอุลตราไวโอเลต (UV) มี 2 ชนิด คือ UVA และ UVB แต่ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดริ้วรอยจะเป็นรังสี UVA โดย UVA สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังถึงชั้นหนังแท้ และจะเริ่มต้นในการผลิตอนุมูลอิสระ (Free Radical) ซึ่งอนุมูลอิสระดังกล่าวนี้ผลิตจากกระบวนการออกซิเดชั่น (Oxidation) และอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นนี้ก็จะทำอันตรายต่อไขมัน โปรตีน และสารพันธุกรรม (DNA) ในเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอย หมองคล้ำได้ แต่ร่างกายก็จะมีกระบวนการป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระดังกล่าวโดยกระบวนการทางธรรมชาติ กล่าวคือ ที่ผิวหนังจะมีสารที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านออกซิเดชั่น (Antioxidant) เช่น วิตามินอี วิตามินซี โดยสารที่มีฤทธิ์ (Antioxidant) ดังกล่าวจะป้องกันไม่ให้เกิดกระบวนการออกซิเดชั่นที่จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำอันตรายต่อผิวหนัง มีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของ Q10 ต่อการลดริ้วรอยว่าสามารถทำให้ความลึกของริ้วรอยลดลง ซึ่งหมายถึง ทำให้ริ้วรอยนั้นตื้นขึ้นได้ โดยให้กลุ่มทดลองใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Q10 อยู่ 0.3% ทารอบดวงตาเป็นเวลานาน 6 เดือน พบว่า ความลึกของริ้วรอยลดลงถึง 27% เมื่อเปรียบเทียบกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุมซึ่งไม่ได้ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Q10 อยู่ ดังนั้น Q10 จึงมีส่วนช่วยลดริ้วรอยและชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้เป็นอย่างดี

          2.Vitamins E สถาบันโรคผิวหนังหลายแห่งมีการวิจัยพบว่าวิตามินอีช่วยป้องกันผิวจากการไหม้เกรียม ริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยแผลได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานหรือการทาที่ผิวหนังโดยตรง เนื่องจากการเกิดแผลหรือการอักเสบบนผิวหนัง หรือการถูกแสงแดดเผาไหม้จะทำให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระขึ้น วิตามินอีจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่ดูดซับสารอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ เสียหาย จึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังเซลล์ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น และช่วยให้ทนต่อรังสี UV ในแสงแดดได้ดีขึ้น ดังนั้นผู้ผลิตเครื่องสำอางจึงนิยมนำวิตามินอีมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ 

          3. Alpha Lipoic Acid (ALA) - อัลฟา ไลโปอิก แอซิด เป็นสารอาหารที่ทำหน้าที่คล้ายวิตามิน เป็น coenzyme ที่ช่วยให้การทำงานของวิตามินซี และ อี ให้ดีขึ้นโดยการแปลงรูปวิตามินซี และ อีที่จับตัวกับอนุมูลอิสระ (Free Radical) แล้วให้กลับมาเป็นวิตามินซี และอีเหมือนเดิม ถูกขนานนามว่า "Universal Antioxidant) พบได้ในผักขม บร็อกโคลี่ และยังพบในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ในเครื่องในได้จากตับและหัวใจ แต่ปริมาณน้อย ทั้งยังไปกระตุ้นการสร้างกลูตาไทโอนที่ตับให้เพิ่มขึ้นด้วย

          4.สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) สามารถถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงแค่ 20-30 นาที เท่านั้น ซึ่งกระแสเลือดจะทำหน้าที่ในการนำสารสกัดจากเมล็ดองุ่นให้เกิดการกระจายไปทั่วร่างกาย ตามอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ นอกจากนี้ เมล็ดองุ่น ยังสามารถคงอยู่ภายในร่างกายได้อย่างยาวนานถึง 72 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งคุณสมบัติของเมล็ดองุ่นที่ช่วยส่งผลต่อความงาม มีดังต่อไปนี้

  • ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น โดยช่วยลดความเข้มของสีผิวบริเวณที่ดำคล้ำ
  • ช่วยสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องฝ้า หรือ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินซี 20 เท่าและแรงกว่าวิตามินอี 50 เท่า 
  • ช่วยต่อต้านการทำลายเส้นใย คอลลาเจน และอีลาสตินในผิวหนังที่เกิดจากอนุมูลอิสระ หากถูกทำลายจะปรากฏรอยแห้งกร้าน  
  • ช่วยรักษาความกระชับ เต่งตึงของผิว ขณะเดียวกันก็ป้องกันริ้วรอยหยาบกร้านได้ 

5. Hyaluronic acid คือ กรดที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นมา มีอยู่ทั่วไปตามร่างกาย เป็นส่วนผสมหลักในการรักษาริ้วรอยแห่งวัย  ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นโดยการกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวและทำหน้าที่เสมือนเป็นตัว หล่อลื่นผิวจากการการถูกทำลายจากสารเคมี เป็นสารที่ใช้กันมานานกว่า 10 ปี และนิยมใช้ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิว ปัจจุบันนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมมาตลอด เป็นเพราะว่ามันออกฤทธิ์ได้ผลดี โดยเฉพาะช่วยในการลดริ้วรอย

  • ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น โดยช่วยลดความเข้มของสีผิวบริเวณที่ดำคล้ำ
  • ช่วยสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องฝ้า หรือ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินซี 20 เท่าและแรงกว่าวิตามินอี 50 เท่า 
  • ช่วยต่อต้านการทำลายเส้นใย คอลลาเจน และอีลาสตินในผิวหนังที่เกิดจากอนุมูลอิสระ หากถูกทำลายจะปรากฏรอยแห้งกร้าน  
  • ช่วยรักษาความกระชับ เต่งตึงของผิว ขณะเดียวกันก็ป้องกันริ้วรอยหยาบกร้านได้ 

6.Royal Jelly (นมผึ้ง) ช่วยเพิ่มอัตราการดูดซับอาหารและออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง กระตุ้นการใช้อาหารและเผาผลาญให้พลังงานที่สมบูรณ์ กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงและชายให้ได้สมดุล  และเพิ่มสรรถภาพการสร้างสเปริม์และช่วยให้การสุกของไข่ในสตรีจะมีประจำเดือน มาไวและหมดประจำเดือนช้า  ผลคือ  คงความสาวหนุ่มได้นานกว่าปกติถึง 20% ในผู้ชายจะเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้คงอยู่ได้นาน  ช่วยให้หัวใจเต้นสม่ำเสมอ  ทำให้สูบฉีดโลหิตหมุนเวียน  ผ่านสมอง  ปอด  ตับ  ไต  และแขนขา  ดีแบบตามธรรมชาติของมัน คนสูงอายุหรือผู้ป่วยจะรู้สึกอบอุ่นและสดชื่นทันที ภายในระยะเวลา  20-30  นาที เพิ่มความต้านทานและขจัดพิษหรือทำลายเชื้อโรคได้ดี ควบคุมการเก็บและการใช้น้ำตาล  โปรตีนและไขมันในเลือดให้ปกติ  ควบคุมการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อที่ฉีกขาด  สึกหรอให้ฟื้นคืนสภาพได้รวดเร็ว มีคุณสมบัติ  มีคุณภาพ  มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุด  น่าอัศจรรย์  สารอาหารพลังโดยธรรมชาติอุดมด้วยคุณค่าสารอาหารครบถ้วนที่จำเป็นและสำคัญต่อ สุขภาพร่างกายประจำทุกวัน ซึ่งให้ผลต่อการทำให้ชีวิตยืนยาว

          7.Vitamins C ประโยชน์ของวิตามินซีน่าจะเป็นที่รู้จักกันดี หากใครที่ยังไม่รู้เราจะสรุปคร่าวๆได้ดังนี้ค่ะ อ่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ กินวิตามินซีดีอย่างไร นะคะ

  • วิตามินซีจำเป็นอย่างยิ่งต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจนโดยเฉพาะในชั้นผิวหนังที่เรียกว่า Dermis และ Epidermis จะพบปริมาณวิตามินในเนิ้อเยื่อสูง เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณวิตามินซีในเนื้อเยื่อเหล่านี้ก็จะลดลงด้วย ยิ่งถ้าผิวเจอกับมลพิษต่างๆ เช่น แสงแดด ควันบุหรี่ หรือควันเสียจากรถยนต์แล้ว ปริมาณวิตามินซีก็จะยิ่งลดลง มีงานวิจัยพบว่าปรืมาณวิตามินซีที่รับประทานเข้าไปจะทำให้วิตามินซีในชั้นผิวเพิ่มขึ้นด้วย
  • วิตามินซีมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์สร้างเม็ดสี ทำให้ผิวขาวและกระจ่างใสขึ้น
  • การรับประทานเป็นประจำจะช่วยให้ผิวใส เนียน นุ่มลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

          8.สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส (Pycnogenol)  Pycnogenol ที่ได้จากสารสกัดจากเปลือกสน จะช่วยประสานและปกป้องคอลลาเจน (คอลลาเจนเป็นโปรตีนในผิวหนังที่ช่วยให้ผิวตึงกระชับไม่เหี่ยวย่น) โดย Pycnogenol จะจัดการกับเอนไซม์และสารอนุมูลอิสระไม่ให้มาทำลายลงเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติ จึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย

      ช่วยให้ทนต่อรังสี UV จากแสงแดดมากขึ้นกว่าปกติ ช่วยต่อต้านความเสื่อมของผิวพรรณจากแสงแดด Pycnogenol ยังช่วยต่อต้านการผลิตเม็ดสีเมลานิน แก้ไขปัญหาฝ้ากระอย่างได้ผล ผิวจะกระจ่างขาวใสมากขึ้น

       ช่วยแก้ปัญหาฝ้า เเละผิวหมองคล้ำ ริ้วรอยก่อนวัย โดยจะเข้าไปช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เเละไปยับยั้งการทำงานของเม็ดสีผิวที่ผิด ปรกติ ทำให้ผิวเนียนเรียบเเข็งเเรงเเละยืดหยุ่นได้ดีขึ้น สีผิวสม่ำเสมอ นอกจากนี้การได้รับ Pycnogenol เป็นประจำยังส่งผลให้ลดภาวะความสเยงต่อการเป็น มะเร็งที่ผิวหนัง เนื่องจากเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง

          9.Rose Hips ประโยชน์มีดังนี้คะ

  • ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และชะลอผิวให้อ่อนวัย
  • มี Retinoic acid ช่วยยับยั้งไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัย และช่วยทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น
  • ช่วยบรรเทารอยแผลเป็นและรอยเหี่ยวย่น
  • ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากหลุมสิว
  • ช่วยลดรอยสิว ทำให้ผิวหนังชุ่มชืน
  • ช่วยปรับผิวให้เนียนขาวกระจ่างใสขึ้น
  • ช่วยเรื่องของผิวแตกลาย

         ขอยกตัวอย่างแค่เท่านี้ก่อนนะคะ จริงๆแล้ววิตามินที่ช่วยชะลอความแก่ ลดริ้วรอย ต้านอนุมูลอิสระยังมีอีกมากมาย จะอย่างไรก็ตามการรับประทานวิตามินเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาสุขภาพเท่านั้น เราควรดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่นๆควบคู่ไปด้วยเช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ รักษาจิตใจให้สงบ เป็นต้น 

อ่านบทความอื่น

กินวิตามินซี ดีอย่างไร

ไม่อยากแก่ทำไงดี





Create Date : 09 มิถุนายน 2558
Last Update : 9 มิถุนายน 2558 12:57:40 น.
Counter : 1492 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 1421342
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มิถุนายน 2558

 
1
2
3
4
5
6
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
23
24
26
28
29