<<
กันยายน 2548
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
2 กันยายน 2548

***แม่***

ณ มุมหนึ่งของกรุงเทพฯ ภายใต้แสงไฟจากหลอดไส้ ๓๐ แรงเทียน ซึ่งนับวันจะกลายเป็นของหายากเต็มทนในเมืองหลวงของเรานี้ “อารี” หยิบบะหมี่สำเร็จรูปซองสุท้ายออกจากถุง บรรจงแกะมันออก สายตาก็เหลือบดูนาฬิกาปลุกเรือนเล็กที่วางอยู่ข้างฟูกนอนสีตุ่น ๆ ซึ่งวางอยู่บนพื้นห้อง

“สามทุ่มแล้ว” อารีรำพึงในใจ มิน่าเล่าท้องของหล่อนถึงร้องจ๊อก ๆ ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่อาหารที่โรงงานเขาจัดให้ตอนกลางวัน อารีก็กินเต็มที่แล้วเพื่อให้ยังท้องมื้อเย็นได้นานที่สุด แต่..ก็ไม่วาย

“เฮ้อ ! คนเราทำไมต้องกินด้วยนะ” อารีรำพึงอีกก่อนที่จะหย่อนบะหมี่ลงในชาม เสียงบะหมี่หล่นกระทบชามกระเบื้องดัง กริ๊ก ทำให้อารีสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วหยิบบะหมี่ก้อนนั้นขึ้นมาใหม่

“เดี๋ยวกลับมาร้องหิว จะพาลโมโหแม่อีก” อารีพึมพำกับตัวเอง แล้วแบ่งบะหมี่ออกเป็นสองส่วน เก็บส่วนหนึ่งกลับเข้าถุง แล้วเทอีกส่วนหนึ่งกลับลงไปในชาม หล่อนเทน้ำร้อนใส่แล้วทำการปิดฝา

ระหว่างรอบะหมี่สุก อารีหยิบรูปลูกสาวคนเดียวของหล่อนขึ้นมาดู แล้วยิ้ม ลูกสาวของอารีสวยจนอดภูมิใจไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าคนหน้าตาขี้ริ้วอย่างหล่อนจะมีลูกสาวสวยถึงเพียงนี้

“มันได้แบบจากพ่อมาเยอะ” อารีหวนนึกถึงชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตที่หล่อนเคยมอบกายและใจให้…

…ตอนนั้นอารีเพิ่งอายุ ๒๐ ปี รู้จักกับเขาตอนไปเที่ยวงานวัดกับเพื่อน ๆ เป็นแฟนกันได้ ๓ เดือน อารีก็ท้อง พอเขาทราบว่าหล่อนท้องก็ไม่เคยเห็นหน้ากันอีกเลย

อารีหลบหนีออกจากบ้านเพราะกลัวว่าพ่อแม่จะหาว่า ‘ท้องไม่มีพ่อ’ ดั้นด้นเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ โดยอาศัยอยู่กับเพื่อนสาว อารีได้งานเป็นกระเป๋ารถสองแถว มีรายได้วันละประมาณ ๑๒๐ บาท พอแค่อาหารประทังท้องเท่านั้น ตอนนั้น อารียังไม่ได้นึกรักลูกเท่าไรนัก ดูจะเป็นภาระให้อารีต้องลำบากในการหาเลี้ยงด้วยซ้ำ บ้านช่องก็กลับไม่ได้ ท้องก็เริ่มโต อารีเคยหาทางที่จะเอาเด็กออก แต่เมื่อทราบถึงค่าใช้จ่ายทำให้หล่อนต้องเลิกล้มความตั้งใจ จนเมื่อลูกเริ่มดิ้น.. อารีก็เริ่มรู้สึกถึงชีวิตอีกชีวิตหนึ่งในท้องของหล่อน

“เขามีความรู้สึกนะ ..เขาดิ้นรน”

อารียิ่งทำงานหนัก เขาก็ยิ่งดิ้นหนักขึ้น อารีอึดอัดท้องที่โตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานเป็นกระเป๋ารถ เมื่อท้องได้ ๕ เดือน อารีก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าหล่อนคงไม่สามารถยืนเกาะราวบันไดรถนาน ๆ ได้อีกต่อไป
พี่เอก คนขับรถก็เข้าใจ เขาบอกให้อารีทำงานอีก ๑ เดือนแล้วหยุดพักได้แล้ว ..เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของแม่และลูก
เวลานั้น อารีมีเงินเก็บอยู่ ๙๐๐ กว่าบาท หากทำงานอีก ๑ เดือน โดยแทบไม่กินอะไรเลยก็คงเก็บเงินได้อีกสัก ๑,๐๐๐ บาท อาจจะอยู่ได้สัก ๒-๓ เดือนจนคลอด อารีคิดในใจว่า เมื่อคลอดลูกแล้วหล่อนจะทิ้งลูกไว้ที่โรงพยาบาลแล้วหนีออกมา
‘คงมีผู้ใจบุญหรือมิฉะนั้นก็ทางโรงพยาบาลรับเลี้ยงไป’
ลาก่อนเด็กน้อย หล่อนจะได้กลับไปทำงานเป็นกระเป๋ารถต่อ โดยไม่ต้องมีภาระอีก

อารีอดมื้อกินมื้อกัดฟันทำงานต่อจนท้องได้ ๖ เดือน คืนหนึ่งฝนตกหนักมาก อารียืนเกาะบันไดรถด้านท้าย ปากคอสั่นด้วยความหนาว หมดเที่ยวนี้แล้ว หล่อนคงต้องบอกพี่เอกขอกลับไปพักผ่อน เพราะหล่อนรู้สึกหนาวคล้ายจะไม่สบาย ลูกในท้องก็ดิ้นมากขึ้นทุกที..มากกว่าทุกครั้ง

จากการที่อารีได้รับอาหารน้อยลงกว่าปกติทำให้อารีหมดเรี่ยวแรง ตาของอารีเริ่มหนัก และเริ่มบังคับได้ยาก ชั่ววูบเดียว มือที่จับราวบันไดก็คลายออก อารีตกจากรถในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออก หล่อนได้ยินเสียงผู้โดยสารร้องเอะอะโวยวาย หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย..

มารู้สึกตัวอีกครั้ง ลืมตาขึ้นท่ามกลางหมอและพยาบาลที่ยืนรายล้อม สัมปชัญญะแรก อารีเอามือคลำท้องแล้วอุทานเบา ๆ

“ลูก” นับเป็นครั้งแรกที่อารีสื่อสารกับเขาด้วยการเรียกหา

หมอที่ตรวจอารีอยู่บอกกับอารีว่า

“เด็กอาจได้รับความกระทบกระเทือนถึงชีวิต แต่ขณะนี้หัวใจยังเต้นอยู่ หากรักลูก คุณจะต้องไม่ขยับเขยื้อนตัวบ่อย ๆ”

‘หากรักลูก’ ทำไมคุณหมอจึงคิดเช่นนั้นเล่า..หรือที่ผ่านมา หล่อนไม่เคยมอบสิ่งนั้นให้กับเขา

อารีซึ่งมีรอยฟกช้ำไปทั่วตามร่างกายหลับตาลงอีกครั้ง น้ำตาของหล่อนเอ่อท้นเบ้าตาทั้งสองข้าง ความรู้สึกต่อทารกในท้อง ที่ไม่เคยเกิดกับหล่อนมาก่อนเลย เริ่มเกิดขึ้น อารีไม่ต้องการสูญเสียเขาไป อารีพยายามทุกวิถีทางที่จะสื่อความรู้สึกนี้กลับไปสู่ทารก

“ดิ้นสิ..ลูก ทำไมเงียบไป” อารีพึมพำกับตัวเอง ..การดิ้นที่ทำให้หล่อนหงุดหงิดรำคาญตลอดเวลา แต่ถึงวินาทีนี้อารีต้องการเห็น ต้องการรู้สึกมากที่สุด เมื่อลูกไม่ดิ้น อารีก็ยิ่งร้องไห้ อารีปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายหมอและพยาบาล ปากก็พร่ำรำพันถึงความทุกข์ยากต่าง ๆ นานา ..จนกรทั่งม่อยหลับไป

อารีนอนอยู่โรงพยาบาล ๑ สัปดาห์ โดยมีพี่เอกและชาวรถสองแถวบริจาคเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลให้ หล่อนกลับมายังบ้านเช่า ลูกของหล่อนปลอดภัย อารีใช้เงินที่หล่อนเก็บหอมรอมริบมาใช้จ่ายจนถึงวันคลอด หล่อนเดินทางไปโรงพยาบาลคนเดียว นอนรอหมอด้วยความกระวนกระวาย เจ็บท้องอยู่หลายชั่วโมง หมอจะไม่ทำการคลอดให้ถ้าหากไม่มีคำยินยอมจากสามี อารีโกหก! หล่อนบอกว่าพี่เอกเป็นสามีและกำลังขับรถอยู่มาไม่ได้ หมอรับทราบแต่ไม่ยอมลงมือ จนเห็นว่าอารีร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจนทนไม่ไหวแล้ว จรรยาแพทย์ทำให้หมอสั่งให้เข็นเข้าห้องผ่าตัดด่วน อารีกำมือแน่น หล่อนหายใจแรงและได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นทะลุออกมานอกอก หมอและพยาบาลให้กำลังใจและคอยเชียร์ให้เบ่ง.. แต่อนิจจา เบ่งอย่างไร เบ่งเท่าไร ก็ไม่สัมฤทธิ์ผลโดยง่าย ความอัดอั้นใต้ท้องน้อยที่เหมือนจะโผล่แต่แล้วก็ผลุบหายเข้าไปอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..

“หัวโผล่แล้ว” พยาบาลร้อง อารีเหมือนคนหมดแรง หล่อนไม่มีแรงเบ่งอีกต่อไปแล้ว

“ถ้าคุณไม่เบ่งเด็กจะไม่ออก และหายใจไม่ได้ เราอาจจำเป็นต้องผ่าออก” ได้ยินดังนั้น อารีก็กลั้นหายใจรวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย หล่อนกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดซิบ เบ่งเต็มที่..
มันเหมือนมีอวัยวะบางอย่างกำลังจะหลุดออกมาจากตัวหล่อนจริง ๆ..
แววตาของหมอทำให้หล่อนรู้ว่า..หล่อนทำสำเร็จแล้ว หมอพยักหน้าช้า ๆ ให้กับอารี พร้อมกับชูเด็กที่ร้องไห้เสียงดังขึ้นตรงหน้าอารี

“ลูกสาวครับ” แล้วอารีก็หมดสติไป

“น้องเอ๋” ทำให้อารีต้องทำงานหนักเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่มีคนเลี้ยงตอนกลางวัน ทำให้หล่อนทำงานที่เคยทำไม่ได้ อารียึดอาชีพเร่ขายล็อตเตอรี่ตามข้างถนนเรื่อยไป เพื่อที่จะสามารถกระเตงลูกไปกับตัวได้ หล่อนเช่าห้องเล็ก ๆ หลังนี้อยู่กับลูกตั้งแต่น้องเอ๋ อายุได้ ๓ ขวบ จนน้องเอ๋เข้าโรงเรียน อารีจึงเริ่มหางานงานประจำ และก็ได้งานที่โรงงานทอผ้า หล่อนเก็บเงินเดือนไว้เป็นค่าเล่าเรียนและให้น้องเอ๋ได้ใช้สอยจนหมด ตัวเองประทังชีวิตไปวัน ๆ กับอาหารขาด ๆ เกิน ๆ มื้อต่อมื้อ

อารีไม่คิดแต่งงานใหม่แม้จะมีคนมาชอบ เพราะกลัวว่าพ่อใหม่จะไม่รักลูก ซ้ำจะเป็นภัยแก่ลูกของหล่อนในภายหลัง ปีนี้น้องเอ๋อายุ ๑๗ ปีแล้ว เรียนอยู่โรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่ง อารีหวังว่าลูกจะเรียนจบ มีงานทำดี ๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนหล่อน

น้องเอ๋ เริ่มเที่ยวตามประสาเด็กวัยรุ่น คบเพื่อนชายและเริ่มกลับดึก อารีไม่เคยตีลูก กลัวว่าจะทำให้เขาเสียใจและเตลิดไปจากหล่อน น้องเอ๋เริ่มใช้จ่ายมากขึ้น นอกเหนือจากค่าเล่าเรียน อารีเริ่มเป็นกังวล แต่หล่อนยังเชื่อว่า ‘แม้หล่อนจะเป็นคนไม่มีอนาคต แต่หล่อนสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกได้’

“เด็กวัยรุ่นก็เป็นอย่างนี้แหละ เรียนจบแล้วก็รู้คุณค่าของเงินเอง” อารียังยิ้มอยู่ เอื้อมมือไปเปิดฝาชามกระเบื้องออก ควันและกลิ่นบะหมี่ฉุยจนอารีแทบอดใจไว้ไม่อยู่ หล่อนยกชามบะหมี่มาตั้งบนโต๊ะเล็ก ๆ เตี้ย ๆ แล้วนั่งพับเพียบลงกับพื้นกำลังจะลงมือทาน
ทันใดนั้น! เสียงเดินกึ่งวิ่งดังมาจากโถงบันไดมาที่ประตูห้อง อารีตาใสขึ้นมาทันที หันไปมองที่ประตู ลูกสาวคนสวยของอารีกลับมาแล้ว

“แม่จ๋า!” น้องเอ๋วิ่งโผเข้ามากอดอารีจนแน่น อารีกอดตอบไป ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ลูกไม่ค่อยทำแบบนี้บ่อยนัก อารีกลัวเกินกว่าจะตั้งคำถาม ใจคิดถึงแต่ความเป็นไปได้ในทางที่ดีทั้งหมดที่มีอยู่
ลูกสาวซบหน้ากับอกแม่ เนื้อตัวสั่นน้อย ๆ จนรู้สึกได้ อารีไม่กล้าผละลูกออกไปปล่อยให้อากัปกิริยาการกอดนั้นทอดนานออกไป.. ไม่มีเสียงพูดจากปากลูก อารีกำลังรอให้ลูกเอ่ยปากก่อน แต่น้องเอ๋ยังกอดแม่แน่น จนอารีหมดความอดทน รวบรวมกำลังใจเอ่ยปากทักขึ้นมาก่อน

“ทำไมกลับดึกจัง.. หิวไหมลูก” ประโยคสั้น ๆ แต่อารีรู้สึกว่ามันยาวเสียจนหล่อนจำไม่ได้ว่าขึ้นต้นว่าอย่างไร อารีลูบไล้ผมยาวสลวยของลูกสาวช้า ๆ น้องเอ๋เริ่มคลายวงแขนออกจากตัวหล่อนแล้วแต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น

“แม่จ๋า..” เด็กสาวร้องเรียก เสียงทอดยาวก่อนหยุดวรรคนิดหนึ่ง..

“เอ๋กำลังจะมีลูก”
อารีเหมือนหัวใจหยุดเต้นลงไป แล้วร่างกายทุกส่วนก็ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น มีเพียงเบ้าตาทั้งสองที่ร้อนผ่าว หยดน้ำใส ๆ จากตาของอารีเอ่อล้นไหลเรื่อยแก้มลงมาใต้คาง แล้วหยดลงในชามบะหมี่สำเร็จรูปชามนั้น..

*bonny


Create Date : 02 กันยายน 2548
Last Update : 3 กันยายน 2548 8:09:46 น. 8 comments
Counter : 683 Pageviews.  

 
.
.
.
สงสัยต้องพึ่งโปรเจคทั่นวัฒนา แล้วหล่ะทั่น

***

เขียนได้เห็นภาพจริง ๆครับ
.
.
.


โดย: d4b IP: 203.151.140.122 วันที่: 2 กันยายน 2548 เวลา:9:56:42 น.  

 

สวัสดี ครับ
มาอ่าน ครับ....


โดย: ลำน้ำ C วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:0:59:46 น.  

 
สวัสดีคุณ d4b คุณลำน้ำ c
ขอบคุณที่สนใจนะครับ


โดย: *bonny วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:8:11:45 น.  

 
น่าสงสารอารี ที่ชีวิตตัวเองพลั้งผิดไปแล้ว อุตส่าห์เลี้ยงดู
ลูกเอ๋ด้วยความตั้งใจให้ลูกได้ดีมีการศึกษา แต่ชีวิตลูกเอ๋
กลับหันไปเหมือนแม่ เรื่องเศร้าที่สอนใจลูกผู้หญิงทั่วไป
ปรบมือและโหวตให้บอนนี่ครับ


โดย: ปชช (jvinai ) วันที่: 7 ธันวาคม 2548 เวลา:9:38:49 น.  

 
วุ๊ยมันจะท้องกันเร็วขนาดนั้น เด็กสมัยนี้

มีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาจริง เที่ยงๆ บ่ายๆ เอาเริ่มแล้ว เมื่อก่อนต้องรอคำๆ


โดย: irq5 IP: 202.91.23.1 วันที่: 15 ธันวาคม 2548 เวลา:17:10:02 น.  

 
ขอบคุณครับคุณirq5 และคุณjvinai ที่สละเวลามาอ่าน

น่าเสียดาย ที่เราตั้งกระทรวงวัฒนธรรม และ กระทรวงพัฒนาสังคมและมนุษย์ แต่ไม่เคยสัมผัสปัญหานี้แบบเข้าถึงได้เลย

เรื่องนี้ ผมแต่งเมื่อปี ๒๕๓๕ ผ่านมาแล้วสิบกว่าปี สภาพสังคมก็ยังเละเทะเหมือนเดิม อาจแย่กว่าที่ผมเคยจินตนาการไว้ด้วยซ้ำ


โดย: *bonny วันที่: 26 ธันวาคม 2548 เวลา:15:57:37 น.  

 
แต่งไว้แต่งแต่ปี สามห้า โอ้วตอนนั้นผมยังอยู่ ม. หกเลย ตอนนี้คุณ สตาร์บอนนี่ อายุเท่าไหร่ครับ


โดย: กด IP: 209.188.20.15 วันที่: 25 มกราคม 2549 เวลา:13:30:46 น.  

 


โดย: เงาไม้เหงาฯ วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:20:05:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

*bonny
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[Add *bonny's blog to your web]