เอาเป็นว่าหลังจากสลบเหมือดจากทริป Tuscany One day trip ไปเมื่อวาน 

วันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้าตรู๊วววว เพราะมีแพลนจะไป CinQue Terre

Cinque Terre อ่านว่า ซินเกว เทเร คนอิตาเลี่ยนว่างั้น แปลว่า 5 Lands หรือ 5 Villages

ซึ่งได้แก่ Riomaggiore, Manarola, Corniglia, Vernazza , Monterosso



เป็นเมืองริมชายทะเล 5 หมู่บ้านที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม และมีประวัติศาตร์
และยังเป็น ส่วนนึงของวิวและสถานที่ในการ์ตูน LUCA ของ Pixar ด้วย


ซึ่งงงงง ทริปนี้เกิดจากการเห็นภาพสวยๆในอินเตอร์เนทนี่แหละแม่
เลยเป็นจุดหมายหลักของการมาอิตาลีครั้งนี้ของตัวเองเลย
ไปจ้า ไปดูกัน 


การเดินทางคร่าวๆ

นั่งรถไฟจากสถานี Frorence Centrale  ไป La Spazia แล้วต่ออีกสาย
ซึ่งเป็นรถไฟที่เดินทางไปมาระหว่าง La Spazia และอีก 5 หมู่บ้านเท่านั้น


Trick ของชะนี 
1. ไม่จองตั๋วก่อนเด็ดขาด ไปจองตอนที่เราพร้อมเดินทางจริงๆ
2. ถ่ายเที่ยวรถไฟไว้ให้ กันพลาด ไว้คอยเตินสติตอนต่อรถ
3. ดูตารางเวลารถไว้ล่วงหน้า ลงสถานีแล้วดูไว้เลย เพราะรถไฟตรงเวลามาก
4. รถไฟมีหลายแบบ ราคาต่างกัน บางทีห่างกัน 2-3 นาที แต่ราคาต่างกันมาก ดูดีๆ







สิ่งที่อยากเจอคือภาพนี้ เครดิตภาพจาก Lonely planet 






แผนที่ Cinque Terre



เดี๋ยวชะนีผู้ขี้เกียจค้นคว้าแต่ด้นสดไม่แพ้ใครพาไป 55555




。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。





การเริ่มต้นทริป และการได้เจอ Vivien Westwood (Italian version)


ชะนีแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ค่ะ เพราะต้องเช็คเอาท์เลย
ฝากกระเป๋าไว้แล้วค่อยไปเที่ยว เพราะเย็นนี้ต้องกลับเข้าไป Bologna (โบโลญญ่า)
ที่พักอยู่ไม่ไกลสถานนีรถไฟ เดินไม่ถึง 10 นาที











การจองตั๋วทำได้ 2 ทางคือ

1. จองที่เคาท์เตอร์ (ซึ่งเปิด 7.00am) หรือ
2. กดซื้อที่ตู้ แต่ต้องระวังเลือกบริษัทรถไฟให้ถูก
แล้วก็ต้องไปขึ้นให้ถูกบอสัดด้วย
Trenitalia หรือ  Italo


ชะนีวุ่นวายจนนาทีสุดท้ายกว่าจะกดจองตั๋ว เพราะกลัวพลาด ระวังมาก








รู้สึกโชคดีที่ตัวเองถ่ายรูปตอนซื้อตั๋วไว้ เพราะต้องต่อรถ และเวลาในการต่อรถสำคัญมาก เพราะรถไฟเค้าเป๊ะมากตรงเวลา และต้องใช้เช็ค Platform ด้วย








การไป Cinque Terre จาก Florence เราต้องไปลงเปลี่ยนสถานีที่ La Spazia ก่อน 
แล้วค่อยต่ออีกสาย ซึ่งเป็นสายที่วิ่งไปทั้ง 5 สถานีของ Cinque Terre 
ซึ่งจากแผนที่ทำให้ชะนีตัดสินใจว่าจะไปลงที่สถานีสุดท้ายก่อน
ดังนั้นเราเลือกปลายทางคือ Monterosso al Mare





ระหว่างที่เก้ๆกังๆอยู่หน้าทางเข้าไป Platform (ที่มัวสุดๆในรู้ 5555)
ก็มีผู้หญิงวัยกลางคน (เหมือนชั้น - -'') เดินมาถามว่าจะไปไหนเหรอ พอบอกไปนางก็ไม่แน่ใจ
บอกให้ลองดูตั๋วดีๆ แต่นางก็ยังถาม จนท แถวนั้นให้เราอย่างกระตือรือ

ใช่ค่ะ นางคือ วิเวียน เวสท์วูด ของชั้นเอง

ปรากฎว่ามันคือรถไฟเที่ยวเดียวกันกะ วิเวียน เวสท์วูดค่ะ 
พอนั่งใกล้กัน นางก็ย้ายมานั่งอีกที่ บอกว่าเวลาคุยกับใครแล้วต้องมองหน้า
แล้วเริ่มเล่าเรื่องชีวิตให้ฟัง ...... เชื่อเถอะ คำว่า Vivien Westwood ไม่เกินจริง
คนทั่วไปไม่เอาผ้าม่านที่เจาะตาไก่ (จากบ้านเพื่อน) มาทำผ้าพันคอหรอกมั้ง แต่นางมีน้ำใจ
เป็นคนไนซ์นะ มีเบอร์นางแล้ว ไม่ต้องห่วง ใครอยากมีเพื่อนอิตาเลียนแนวๆ ม่ะ 5555



ว่ากันต่อที่รถไฟ คือดีย์ ใหม่ สะอาดสะอ้าน นั่งสบาย 
มีห้องน้ำ มีที่ชาร์จแบต ใหม่กิ๊กมาก แต่ว่าไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกเที่ยวนะ แล้วแต่เที่ยว
และแน่นอน ราคาก็ด้วย แต่อันนี้ดูคุ้มเนอะ รถไฟดี ราคาไม่แพง











นั่งไปไม่นาน น่าจะราวๆครึ่ง ชม. ก็มาถึง La Spazia
ลงปุ๊บควรรีบเช็คตารางและแพลทฟอร์มเลย เพราะมีเวลาให้เปลี่ยนสายน้อยมาก ถึงแม้สถานี ไม่ได้ใหญ่ แต่คนเยอะ เพราะจุดมุ่งหมายของคนมาลงที่นี่คือ Cinque Terre ทั้งนั้น










แนะนำให้ดูจอตรงนี้ ถ้าไม่แน่ใจ ให้ดูที่กระดานที่แปะตารางรถไว้ แบบเป๊ะสุดๆ ดูอันนี้ไม่มีพลาด




นี่คือบอกเวลารถมาถึง บอกแพลทฟอร์มและบอกเวลารถออก ตรงตามนั้นเป๊ะๆ




รถไฟสภาพดีเหมือนกัน 
วิวข้างทางก็คือดี ยิ้มได้ แดดออกแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ใน Florence คือฝนปรอยๆ อึมครึม












ถึงแล้ว เราต้องนั่งไปอีกสาย ที่จะไปสุดสายที่ Monterosso Al Mare













จากสถานี้นี้ไปอีกไม่ถึง 10 นาทีก็จะถึงหมู่บ้านแรก แต่เราจะไม่ลง เราไปสุดซอยจ้ะ 








MONTEROSSO





Tips: มาเที่ยวที่นี่ เราสามารถซื้อตั๋วแบบ One Day pass ที่สามารถขึ้นลง สถานีทั้ง 5 นี้ในราคา 18.20 euro





ชีวิตจริงคือต้องซื้อตรงเคาท์เตอร์ที่สถานีตรงจุดที่ลงรถนั่นแหละ





แต่....ชะนี จนท หน้าตรีนมาก ชี้ให้ไปซื้อที่บูธฝั่งตรงข้าม เรียกว่าร้านขายของที่ระลึกละกัน 





ซึ่งงงง...อิเจ้ ที่อยู่ในนั้นบอกว่าระบบมี ปห ขายไม่ได้ ให้กลับไปซื้อที่บูธเมื่อกี้  
ระบบจัดการแปลกๆอยู่ แลเหมือนเพื่อนบ้านไม่ถูกกัน
แต่มารยาท Service mind นี่ไม่แพ้กันเลยค่ะ เออออ





เก็บไว้ดีๆด้วย เพราะเราต้องใช้ขึ้นลงอีกหลายหมู่บ้าน


ไหน Monterosso นอกจากไวน์แล้วมีอะไรดีๆที่นี่บ้าง






อากาศดีแล้วตอนนี้ มีแดด แต่ไม่ได้ร้อนมาก อุณหภูมิ 15-17 องศา ขึ้นลงราวๆนี้ 




สดชื่นนนนนนนนนนนนนน












จริงมีทางเดินขึ้นไปบนเขา บนเนินโน่น แต่คือ ไม่มีเวลามาเทรคกิ้งมะ เอาแค่ว่าวันนี้ไปครบมั้ยก่อน














ของจริงคือน้ำสวย ฟ้าไส มากกกก





เลยขึ้นไปจากโบสถ์นี้มีที่พักอยู่พอสมควรเลย เงียบสงบดีเหมือนกัน เหมาะกะมาพักผ่อน








นาทีนี้คือหิวววววว 
แต่ร้านรวงยังไม่เปิด เพราะเท่าที่ถามร้านอาหารเปิดเที่ยงจ้าาาา มีแค่คาเฟ่ (ร้านกาแฟ) ที่เปิด







ณ จุดนี้คือชะนีต้องถอดเสื้อที่ใส่ข้างในอีก 1 ตัว ร้อนนนน


























จากตรงนี้เราเดินต่อไปยังชุมชนซึ่งอยู่ถัดออกไปราวๆไม่ถึงกิโลได้
จะเดินขึ้นเขาไปดูวิวจากมุมสูงก่อนก็ได้ หรือจะเดินลอดอุโมมงถ์มาก็ได้ ซึ่งงง ชะนีปีนสิ 







ขึ้นเขา ลงเขา ทดสอบเข่าและ NB 530 ไปนะ 5555


















ที่เราจะไปนี่น่าจะเรียกว่า Historic Center แหละ 













































































































ชั้น...หิวมาก  เดินมาครึ่งวันแล้ว วนหาร้านที่จะกินข้าวเที่ยงมาซักพัก
แต่คนเยอะมากกกก (แอบเจอคนไทยนั่งในร้านด้วย) จนเดินมาเจอร้านตรงกลางๆของที่นี่







มาถึงริมทะเลขนาดนี้ก็ควรกินอาหารทะเล (ไม่ใช่ไปไหนก็แวะกินอาหารไทย หรือ Mc Donald 555)
จริงๆอยากกินหลายอย่างแต่ไม่ไหว ....
เพราะที่ใหญ่เหรอ??หึ ! แพงนี่แหละ 5555
อาหารแพงกว่าใน Florence นิดหน่อย
จริงๆอาจจะไม่ได้ต่างรึเปล่าเพราะนี่อาหารทะเลแล้วก็อยู่ในจุดท่องเที่ยว 
ราคาอาหารร้านนี้ถูกสุดก็ 17 euro ส่วนร้านอื่นๆก็ถูกกว่านี้นิดหน่อย






ทีแรกอยากกิน Sqid ink pasta ....แต่ใส่เสื้อขาว ลาก่อย 
กินโปรตีนซักอย่างละกัน ...เลยได้เป็น แซลมอนย่าง กับ Cauliflower puree 
เมิงงงงงงง มันดีมากกก 




ชั้นมีแรงไปต่อแล้ว แต่เราต้องเดินกลับไปที่สถานีเดิมที่ลงรถ 
รอบนี้ชั้นไปทางอุโมงค์จ้ะ ไม่ปีนป่ายละ เป็นชะนีแต่ไม่ได้จำเป็นต้องปีนทุกรอบ 555





อากาซเริ่มร้อนขึ้น แดดแรงขึ้นด้วย







ไว้เจอกันใหม่ Monterosso .....ได้เวลาไปหมู่บ้านต่อไปแล้ว




。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。


MANAROLA







ที่นี่คึกคักแฮะ สีสันตึกรามบ้านช่องคือสด!!!





ผู้คนอยู่อาศัยจริงจัง 





น้อนนนน Receptipn ที่นี่หน้าเรียบเฉยมาก






ผู้คนเป็นมิตร




ชั้นได้รับหัวใจมาจากบนโน้น 




ที่นี่มีหาดเล็กๆแบบนี้ น้ำใส แต่ทรายไม่ขาวนะ เป็นทรายดำๆ หินกรวดดำๆ












ผู้คนมานั่งอาบแดด ดื่มกาแฟ พูดคุยกัน ชิลมากกก
เดินอยู่ซักพักก็ได้เวลาโดดขึ้นรถรอบถัดไปที่จะไปหมู่บ้านที่ 3 แล้ว




。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。


VERNAZZA




















หมู่บ้านนี้ดูเป็นแนวทำประมงขึ้นมาอีกหน่อย












ที่นี่เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ คึกคักพอควร ไม่เหงา แต่ก็ชิลกับบรรยากาศได้ 












ก่อนไปรอรถเที่ยวต่อไป ชะนีถูกดึงดูดด้วยสิ่งนี้












ไหนๆมาละ ขอลองซะหน่อย เลือกเป็น คาลามารี แอนโชวี่ ราวๆนั้น ขนาดเล็ก
ละดูขนาดเล็กที่ว่า





อร่อย และอิ่มมากกกกกก ที่สำคัญมีเวลารอรถไม่นาน
ชะนีต้องสวบไปให้หมดในระยะเวลาไม่กี่นาที สู......



เอาจริงส่วนตัวชอบหมู่บ้านนี้นะ landscape โอเค มีของกินอุดมสมบูรณ์ด้วย



ป่ะค่ะ สถานีหน้ารออยู่



。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。


CORNIGLIA






สถานีนี้ต่างกับที่ผ่านมาคือ ละแวกใกล้เคียงไม่มีอะไรให้ดู
นอกจากวิวสวยๆของทะเล สวยจริง สวย สดชื่น กว่าทุกจุดเลย โดยส่วนตัว
กิจกรรมของที่นี่น่าจะเป็นการ Trecking ไปดูธรรมชาติใดใด สังเกตุได้จากภูมิประ(เทศ)
ซึ่งถ้าแบบนั้นจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำว่า 3 ชม.







ชะนีเดินไปสอดส่อง เจอคู้สามีภรรยาฝรั่งคู่นึงที่มาพร้อมไม้ค้ำยันสำหรับเทรค
ก็พูดคุยทักทาย แล้วถามแกว่าจะขึ้นไปบนเขานั่นมั้ย
แกบอกว่าก็อาจจะ แต่เมื่อวานเดินข้ามมาจาก Vernazza กันมารอบนึงแล้ว 
ใช้เวลา 3 ชม. .......เดี๋ยวววววว






ดังนั้นแล้ว ชะนีขอลาหมู่บ้านนี้ไปหลังจากซึมซับสิ่งที่อยู่รอบๆ และสูดอากาศเต็มปอด













โชคดีที่ไม่ต้องรอรถเที่ยวไปนาน โดดเลยแม่



。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。



MANAROLA









จากสถานี เราก็เดินตามทางเดิน ลอดอุโมงค์ไป แล้วจะมาเจอโลกใหม่









ขวาทะเล ซ้ายบ้านเรือน







เป็นชุมชนใหญ่เลยล่ะ และเด่นเรื่องของการทำประมง
ตามทางเดินจะมีการเล่าประวัติของที่นี่ และมีข้อมูลเรื่องสายพันธุ์ปลาเยอะมวากกก


หมู่บ้านแยกเป็น 2 ฝั่ง ซ้ายขวา 



ด้านขวา (จากทางออกของสถานี)

















ปลาเยอะมากกกก ดู






เดินลัดเลาะมาด้านหน้าอ่าว ดูน่ากลัวหน่อย เพราะเป็นแนวหน้าผา
แต่ก็มีคนนั่งตกปลาชิลๆ





ด้านหน้ามีโขดหินขนาดใหญ่รายรอบ
มีทางเดินลัดเลาะไปยังด้านหน้า ซึ่งน้ำแรงมากกกก อห ซัดโคร๊มมมม












อากาศเย็น คลื่นซัดโครมครามมากกก















ได้เวลาไปดูอีกฝั่งละ 


















สีสัน บ้านเรือนสดจริงไรจริง ได้ความอิตาลีจริงๆ












ให้สาวอิตาเลียนถ่ายรูปให้ แต่คือ สกิลนาง = 0 
ชั้นท้อใจ รูปที่ชั้นถ่ายให้คนอื่น กับรูปคนอื่นถ่ายให้ แง๊งงงงงงงงงงงงง







ถ่ายไรสาวววว ??? - -''

แต่ก็ขอบคุณนางนะ จริงๆน้องน่ารัก เป็นมิตรมาก หน้าตาน่ารักด้วย


ไปค่ะ นททส (นักท่องเที่ยวสาว) ต้องทำเวลาละ เมิงต่อนยอนเกินไป
ตกรถทีต้องลุ้นรอบถัดๆไป เพื่อกะเวลากลับเข้า โบโลญญ่าให้ไม่ดึกมากด้วย



。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。


RIOMAGGIORE


หมู่บ้านแรกในแผนที่ แต่เป็นหมู่บ้านสุดท้ายของชะนีในวันนี้





อากาศตอนนี้ตอนบ่ายแก่แก๊ แสงก็จะประมาณนี้ แต่คือ ก็ยังมีเสน่ห์ของมัน
ผู้คนคับคั่ง ออกมาชมวิว คนท้องถิ่นยังเอาเรือออกหาปลาใดใดอยู่ รวมทั้งมีเรือคะยัคเรียงราย
















ละคือ เอ็งสองคนไปทำไรบนน๊านนนนน












ที่นี่คือวิวหลักที่เห็นเวลาโปรโมท
ได้มาครบตามเจตนารมณ์ละ ถ้ามาช่วงที่อากาศดีๆ ฟ้าใสๆ คงสวยมากๆ



ไว้จะมาเยี่ยมใหม่นะ วันนี้ชั้นต้องไปละเทอออ








ยังคงต้องลุ้นทุกจังหวะชีวิตจริงๆ
มาถึงสถานีจะซื้อตั๋วแล้วตู้มีปัญหากดไม่ได้ บูธปิด กว่าจะหาอีกตู้เจอ
มีคนถาม เทอจะไปรอบกี่โมง ? ชะนี ：ตอนนี้เลย !!!

ตอนนี้จริงๆนะ เพราะตอนที่กดตั๋วนั่นก็คือ 17.25 pm. ซึ่งคือเวลารถถึงสถานีแล้ว

เดชะบุญที่ออกตั๋วแล้วคว้าวิ่งขึ้นรถทัน ร้องเฮียยยยยหนักมากก



สุดท้ายก็รอดชีวิตกลับมาถึง Florence แล้วกระหืดกระบอบไปเอากระเป๋า
แล้วนั่งรถไฟกลับเข้า Bologna แบบหวุดหวิดสุดชี


วันนี้เหนื่อยมาก แต่ก็คุ้มมาก
ยินดีกับประสบการณ์ใหม่ การลุยยุโรปครั้งแรกด้วยตัวคนเดียวก็สนุกมาก



ไว้ไปใหม่เนอะ