what a saturday
ตอนเช้า
วันนี้วันเสารไปซื้อผลไม้เข้าร้าน
(ที่เรียกได้ว่าลงแรงแต่ไม่ได้อะไร)
แต่วันนี้ พ่อขับรถ และเป็นวันที่สองที่พ่อจะตามไปด้วย
การมีพ่ออยู่ในกิจกรรม หรือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม
มักทำให้อะไรมันยาก และยุ่งขึ้นเสมอ ไม่มากก้อน้อย
ยังสงสัยอยู่ ว่าจะต้องไปด้วยทำไม ถ้าไม่ต้องเป็นคนขับรถ
...พูดง่ายๆ ไม่อยากไป
...แต่สุดท้ายต้องไปบอกทาง อยู่ดี
ไปถึง และซื้อของถูกๆไป สองสามอย่าง
เช่น แครอท มะนาว ขิง บีทรูท (เป็นต้น(แค่อย่างเดียวคือบีทรูท))
ขับรถต่อไปเล็กน้อย เพื่อซื้อแตงโม กำลังจะลงจากรถ
แม่ร้องอย่างตกใจ
ใช่ แม่บอกว่ากระเป๋าตังหาย
แม่ดูตกใจมาก มากขนาดที่ไม่เคยเห็นแม่ตกใจขนาดนั้นมาก่อน
แม่บอกว่า ในกระเป๋ามีเงินอยู่ เจ๊ดถึงแป็ดพัน
(๗ก้อควรใช้ไม้เลข๗ ๘ก้อควรใช้ไม้เลข๘ ฤป่าว)
...แล้วก้อใช่ พ่อเริ่มทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงอีกที
สุดท้ายก้อขับรถไปลองวนหาอยู่ดี
และก้อตามแบบฉบับนิยายทั่วไป มันหล่นอยู่ไม่ก้อมีแม่ค้าเก็บไว้ให้
...พอดีมันเป็นชีวิตจริง ไม่มีเรื่องพวกนั้นหรอก
ใช่ ไม่เจอ
เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ได้ยินเสียงแม่พูดกึ่งบ่นแบบนั้น
แล้วยังได้ยินเสียงที่เหมือน
มือกระทบเนื้อลอยแว่วมาอีกครั้งนึง
มันเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่เราไม่สามารถทำให้เงินจำนวนนั้น
เล็กน้อยจนแม่ไม่รู้สึกอะไรกับมันขนาดนี้
แต่ของยังคงต้องซื้อ และอะไรอะไรยังต้องเป็นต่อไป
แต่มันก้อได้พิสูจน์คำพูดที่ว่า
หลังพายุใหญ่ จะมีพายุที่ใหญ่กว่าตามมา
ได้อย่างดีทีเดียว
เราจึงไม่มีเวลามาฟูมฟายเสียใจมากนักหรอก
... ไม่งั้นก้อตายไปซะ
จากนั้นไปส่งของ แล้วกลับบ้าน
...แด่ครอบครัวที่โชคร้าย
ตอนบ่าย
อาจจะเพราะตื่นเช้านอนน้อย ทำให้ตอนบ่ายง่วงกว่าปกติ
และผลที่ตามมามันแน่
นอน
ตอนเย็น
อาจจะเพราะนอนไปตอนบ่าย ทำให้ตื่นมาอีกทีเย็นเลย
ตื่นมาเพราะรับโทรศัพท์ของแม่
หลังจากกลับไปนอนไม่หลับได้ซักพัก กลับนึกขึ้นมาได้ว่า
ก่อนตื่นเมื่อกี้ฝันถึงประตูห้องนอน
ถึงรูปลักษณภายนอกจะไม่เหมือนกัน แต่มันคือประตูห้องที่นอนอยู่
บางที สิ่งรบกวนที่จะทำให้เราตื่น เป็นตัวที่ทำให้เราฝันถึงเรื่องนั้น
และไม่ว่าเวลาฝันมันจะนานแค่ไหน มันไม่เกี่ยวกับเวลาจริงบนโลกเลย
เหมือนเวลาหลับไปแค่ 10-15 นาที แต่ฝันไปซัก หลายชั่วโมง (คุ้มจริงๆ)
เป็นเรื่องแปลก ที่ตอนที่นอนไม่ได้หลับแต่เหมือนจะฝัน มันมีความรู้สึกที่ต่างจากปกติ
นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแต่นอนไม่หลับ เราจะรู้สึกถึงร่ายกายตัวเองได้
แต่ครั้งนี้เหมือนอยู่ในลักษณะฝัน ไม่รู้สึกถึงร่ายกายภายนอก
หัวเหมือนล่องลอย รู้สึกคล้ายๆมีพลาสติกห่ออาหารมาห่อก้อนสมองอยู่
ความรู้สึกจากร่างกายถูกตัดออกไป
แบบนี้มันฝันชัดๆ
แต่กลับมีความคิดที่ควบคุมได้
มันจะคล้ายกับการเข้าฌาณ ในศาสนาพุทธฤป่าว
เมื่อลองคิดถึงความแตกต่างของเวลาความคิด กับเวลาที่ผ่านไปบนโลก
มันไม่เท่ากันเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาของความรู้สึก
พาลไปนึกถึงทฤษฏีของคนแก่คนนึงที่บอกทำนองว่า
ถ้าคนเราเคลื่อนที่เร็วขึ้น จะทำให้เวลาช้าลง
เหมือน ถ้าเรานั่งยานที่เร็วมากๆไปในอวกาศ
พอกลับมาโลก คนอื่นจะแก่หมด
ถ้าเป็นแบบนั้น เวลาคงเปรียบเหมือนมวลบางอย่าง
แต่อธิบายยากเหมือนกัน มันต่างจากน้ำหรืออากาศ
แต่ในเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น ทำให้เวลาลดลงได้
มันน่าจะคำนวนได้
แต่มันจะน่าคำนวนไปทำไม
ถ้าต้องใช้ความเร็วจำนวนมาก แล้วยืดเวลาได้น้อยนิด
แล้วเรายังคงอยู่ได้แต่บนโลก ที่ความเร็วรวมไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น
แต่ถ้ามีคนหาสูตรคำนวนเวลาออกมาได้ คงดีเนอะ
C = ความเร็วแสง
t = เวลา (เทียบเท่ากับเวลาบนพื้นโลก)
Ф = PHI(สัดส่วนธรรมชาติ) มีค่าเท่ากับ 1.618
ФC = t
...ทำนองนี้ไง
Create Date : 08 กันยายน 2551 |
|
0 comments |
Last Update : 8 กันยายน 2551 1:57:44 น. |
Counter : 515 Pageviews. |
|
|
|