|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
อีกหนึ่งตัวอย่างพระเมตตาของในหลวงของเรา
ในหลวงทรงพระเมตตา ด.ช.เมืองพิจิตร (ภาพ - ข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ พฤศจิกายน 2550)
เด็กเมืองพิจิตรถวายฎีกาขอพึ่งพระบารมี ให้ทรงช่วยเหลือครอบครัวที่มีความเป็นอยู่สุดแร้นแค้น พร้อมมีพระราชกระแสรับสั่งผ่านผู้ว่าฯ เร่งช่วยเหลือทันที เผยต้องรับจ้างแบกข้าวสาร เฝ้าเล้าเป็ด หาเงินจุนเจือครอบครัว ระบุอยากเรียนหนังสือ ด้านเด็กน้อยหลั่งน้ำตาร่ำไห้หลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทยไปทั่วหล้า วันนี้น้ำพระราชหฤทัยของพระองค์ทรงแผ่ไพศาลไปถึงเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งใน จ.พิจิตร หลังจากเด็กชายยื่นถวายฎีกาขอพึ่งพระบารมี เพื่อขอให้พ่อหลวงของแผ่นดินพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์แก่ครอบครัวที่มีความเป็นอยู่แร้นแค้นอย่างมาก
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 พฤศจิกายน นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย นางปิยะธิดา เรืองจันทร์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพิจิตร เดินทางไปที่บ้านไม่มีเลขที่ บ้านไผ่สีรุณ หมู่ 5 ต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร เพื่อไปตรวจดูสภาพความเป็นอยู่ และเตรียมให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวของ ด.ช.ชาตรี นัดดา หรือน้องบุตร อายุ 12 ปี หลังจากเด็กชายเขียนจดหมายยื่นถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ครอบครัวมีความเป็นอยู่เดือดร้อนอย่างมาก
หนังสือที่ ด.ช.ชาตรี ยื่นถวายฎีกามีความว่า
เขียนที่โรงเรียนบึงสีไฟ หมู่ 4 ต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2550 เรื่อง ขอพระราชทานความเมตตา "กราบแทบเท้าพระพ่อหลวงของแผ่นดิน กระผม ด.ช.ชาตรี นัดดา อาศัยอยู่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 5 ต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร ขณะนี้เรียนอยู่ชั้น ป.4 โรงเรียนบึงสีไฟ หมู่ 4 ต.ท่าหลวง กระผมมีพี่น้อง 3 คน พี่สาวเรียนอยู่ชั้น ป.6 น้องชายคนเล็กเรียนอยู่ชั้น ป.3 ครอบครัวของกระผมมีความเป็นอยู่ที่ยากจนมาก ประกอบกับคุณแม่สติไม่สมประกอบ คุณพ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไป
ทั้งนี้ วันใดโรงเรียนหยุด กระผมจะไปรับจ้างชาวบ้านเฝ้าเล้าเป็ดได้คืนละ 40 บาท ถ้าวันใดเขาไม่จ้าง กระผมก็จะไปรับจ้างแบกข้าวเปลือกขึ้นรถที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ได้ค่าแรงงาน 50 บาท เพื่อนำไปจุนเจือครอบครัว ถ้าวันใดไม่มีคนจ้างไปทำงาน เวลากลางคืนก็จะออกไปจับกบ จับเขียดและงู มาเป็นอาหาร บางวันที่ไม่สามารถหาอาหารได้ก็จะไปขออาหารจากหลวงพ่อบุญเลิศ วัดบึงสีไฟ เพื่อนำไปให้พ่อแม่และพี่น้องรับประทาน กระผมทำอย่างนี้ทุกวัน ครอบครัวกระผมยากจนมาก หมดที่พึ่ง
กระผมขอพึ่งบารมีพระพ่อหลวงของแผ่นดิน เป็นที่พึ่งสุดท้ายของชีวิต และครอบครัว ทางด้านการศึกษาและที่อยู่อาศัย กระผมและน้องๆ อยากเรียนสูงๆ เมื่อจบแล้วก็จะได้มีงานทำเลี้ยงดูทดแทนพระคุณพ่อพระคุณแม่ ตั้งแต่ผมเกิดมาเห็นพ่อแม่สุดแสนลำบาก กระผมจะขอพึ่งอาศัยพระพ่อหลวงของแผ่นดินเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรตลอดชีวิตของกระผม กราบเท้าพระพ่อหลวงของแผ่นดิน
ลงชื่อ ด.ช.ชาตรี นัดดา (ด.ช.ชาตรี นัดดา) ผู้ร้องขอความเมตตา" -----------------------------------------------------------------------------
ภายหลังจาก ด.ช.ชาตรี ถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนักราชเลขาธิการได้ตอบหนังสือดังกล่าว พร้อมมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ที่ รล 0009.5/18916 สำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง กทม.10200 วันที่ 3 ตุลาคม 2550 เรื่อง ขอพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ระบุว่า เรียนผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร สิ่งที่ส่งมาด้วย สำเนาฎีกาของ ด.ช.ชาตรี นัดดา ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2550 ด้วย ด.ช.ชาตรี นัดดา ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ความว่า ด.ช.ชาตรี เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบึงสีไฟ อาศัยอยู่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 5 ต.ท่าหลวง กับบิดา ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไป มารดาสติไม่สมประกอบ และพี่สาวกับน้องชายซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนบึงสีไฟ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และปีที่ 3 ตามลำดับ ครอบครัวมีฐานะยากจน ได้รับความลำบากด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงขอพระราชทานทุนการศึกษา และที่อยู่อาศัย ความละเอียดตามสำเนาฎีกา ที่แนบมาพร้อมนี้
ทั้งนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากมีหนทางคลี่คคลายปัญหาหรือมีข้อคิดเห็นประการใด กรุณาแจ้งให้ทราบด้วยจะขอบพระคุณยิ่ง เพราะจะนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไป ขอแสดงความนับถือ นายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ เลขาธิการคณะองคมนตรี ปฏิบัติราชการแทนราชเลขาธิการ
-----------------------------------------------------------------------------
หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ไปตรวจสอบสภาพที่อยู่อาศัยของ ด.ช.ชาตรี พบว่า ครอบครัว ด.ช.ชาตรี ปลูกกระท่อมอยู่ริมถนนในหมู่บ้าน บ้านเป็นโครงสร้างไม้ไผ่แต่ฝาบ้าน ส่วนหลังคามุงด้วยกระเบื้องที่เก็บมาจากกองขยะ และมีรูโหว่จำนวนมาก ขณะที่พื้นบ้านเป็นไม้ไผ่สับ มีช่องโหว่จำนวนมาก สาเหตุเกิดจากเมื่อฤดูฝนที่ผ่านมามีอากาศหนาว ครอบครัวของ ด.ช.ชาตรี ไม่สามารถหาฟืนไปก่อไฟไล่ความหนาว จึงต้องนำพื้นบ้านมาก่อไฟ เพื่อป้องกันความหนาว
จากการตรวจสอบข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน พบเพียงเตาหุงข้าวที่ต้องใช้ฟืน และหม้อเพียง 1 ใบ และกระทะ 1 ใบ ไม่มีเครื่องปรุงจำพวกซอส หรือแม้แต่น้ำปลา มีเพียงเกลือป่นที่ใช้ในการประกอบอาหารเท่านั้น ส่วนที่นอนมีผ้านวมเก่า 2 ผืน และมุ้งเก่าๆ มีรอยขาดจำนวนมาก 1 หลัง พร้อมกับเสื้อผ้าที่เก็บมาจากกองขยะอีก 1 กองใหญ่ เท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่ากระท่อมทรุดโทรมเป็นอย่างมาก เสาบ้าน 2 เสา ล้มลงจนพื้นบ้านเอียงติดกับพื้นดิน เบื้องต้นนายปรีชาเร่งให้ความช่วยเหลือ โดยนำเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้ครอบครัวของ ด.ช.ชาตรี พร้อมให้องค์การบริหารส่วนตำบลท่าหลวงก่อสร้างบ้านตามโครงการบ้านเทิดไท้องค์ราชันในที่ดินขององค์การบริหารส่วนตำบล ที่หมู่ 5 ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณะติดหนองน้ำ และให้สภากาชาดให้ความช่วยเหลือในส่วนของการศึกษา
นายปรีชา กล่าวว่า วันนี้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะสามารถช่วยเหลือ ด.ช.ชาตรี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าครอบครัว ด.ช.ชาตรี มีความเดือดร้อน และอยู่ในฐานะที่ลำบากมาก ส่วนบิดามีอาชีพรับจ้างทั่วไป ขณะที่มารดามีร่างกายไม่สมบูรณ์ ทั้งคู่ทำงานได้เพียงหาเลี้ยงตัวเองไปวันๆ เท่านั้น ซึ่งการช่วยเหลือต้องดูที่เด็กเป็นหลัก
"ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ลูกๆ ทั้ง 3 คนเราต้องดูแลในทุกๆ ด้าน ทั้งเรื่องนอน อาหารการกิน และทุนการศึกษา ในส่วนของการศึกษาจังหวัดจะหาทุนให้เป็นกรณีพิเศษตลอดไป จนกว่าเด็กจะไม่อยากเรียน" นายปรีชา กล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวต่อว่า ส่วนการช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น ขณะนี้สภากาชาดนำเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าไปช่วยเหลือแล้ว สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะดูแลเรื่องต้นทุนทางสังคมเกี่ยวกับการดำรงชีพ นอกจากนี้ยังให้แรงงานจังหวัดช่วยหางานให้พ่อแม่ เช่นเดียวกับเรื่องที่อยู่อาศัยได้ให้โครงการบ้านเทิดไท้องค์ราชันสร้างบ้าน ขณะนี้ออกแบบบ้านเสร็จแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่า จังหวัดจะดูแลครอบครัวนี้เป็นอย่างดี เพราะดูจากหน่วยก้านของ ด.ช.ชาตรี น่าจะเป็นเยาวชนที่มีอนาคตยาวไกล
ด้าน นางลมัย สังคริทร์ อาจารย์ประจำชั้น โรงเรียนบึงสีไฟ กล่าวว่า ด.ช.ชาตรี เป็นเด็กที่มีความกตัญญู รักพ่อแม่ พี่สาว น้อง และรักเพื่อนมากกว่าตัวเอง ชีวิตความเป็นอยู่น่าสงสาร ตลอดเวลาสังเกตว่า ทุกวันเมื่อ ด.ช.ชาตรี ออกไปทำงานรับจ้างได้เงินมาก็จะไปซื้อขนมให้น้องชายคนเล็กกินก่อนทันที และเมื่อน้องกินอิ่ม หากขนมเหลือก็จะกินต่อจากน้อง ส่วนการเรียนอยู่ในระดับที่ใช้ได้ แต่ไม่ดี เนื่องจาก ด.ช.ชาตรี เป็นห่วงครอบครัว เวลาครูให้การบ้านก็จะบอกว่า ไม่มีเวลา เพราะต้องรีบไปทำงานรับจ้าง เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
ภายหลังได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการต่างๆ ด.ช.ชายชาตรี กล่าวสั้นๆ ว่า "ขอขอบพระคุณในหลวงที่ให้การช่วยเหลือครอบครัว" จากนั้นก็มีน้ำตาไหลออกมา และร้องไห้ตลอดเวลา
แม้จะท้อแท้ เบื่อหน่าย เพราะคิดว่าในชีวิตนี้ไม่เคยมีเรื่องดีๆอะไรเลย แต่อย่างน้อยคนไทยทุกคนก็โชคดีที่มีในหลวง
ขอจงทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
Create Date : 15 กันยายน 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 15 กันยายน 2551 10:28:53 น. |
Counter : 1061 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: หญิงอ้วน IP: 125.26.164.58 15 กันยายน 2551 11:06:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: Nissan_n 15 กันยายน 2551 11:09:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: ครูเอก 15 กันยายน 2551 11:36:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้องมล IP: 58.136.95.234 15 มีนาคม 2552 23:34:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ทำให้อดแค้นใจที่มีใครต่อใครมาจาบจ้วงในหลวงของเรา ทั้งๆที่พระองค์ทรงดีขนาดนี้