Buddhist Monk Riding Horse and Wat Rong Khun on the 2nd Day
เช้าวันที่ 31 ธ.ค. พวกเราต้องตื่นแต่เช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันกับตาอ้วน เมื่อคืนเข้านอนโดยไม่ได้ล้างหน้า อาบน้ำ เช้าวันนี้จึงต้องรีบตื่นก่อนไก่ขัน เพื่อมาชำระล้างร่างกาย โดยเฉพาะต้องสระผม ตาอ้วนขอร้องแกมบังคับให้ฉันโทรไปที่ฟร้อนท์ขอไดรย์เป่าผม โรงแรมแบบนี้คงจะมีให้หรอก และก็เป็นไปตามที่คาด
ขอโทษค่ะ ทางโรงแรมเราไม่มีไดรย์ค่ะ เสียงอึกอัก ๆ ของพนักงานโรงแรมตอบกลับมา
แต่กระนั้นตาอ้วนก็ไม่ยอมแพ้ จะให้ฉันโทรไปอีกรอบ เผื่อพนักงานคนอื่นรับ โอ๊ย....ยังไงมันก็ไม่มีหรอก ฉันไม่ยอมโทร บอกตาอ้วนว่าหากอยากโทรก็โทรเอง ตาอ้วนหน้าง้ำเป็นtood สิ่งที่พี่แกยอมไม่ได้ที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องผมบนหัวเนี่ยแหล่ะ กลัวจะไม่หล่อ กลัวถ้าหัวชื้นจะเป็นหวัด กลัวผมจะไม่ได้ทรง กลัว ฯลฯ ฯลฯ
เช้านี้เราจะไม่อยู่รอทานอาหารเช้าของโรงแรม เพราะคนขับรถนัดเราว่าจะมารับก่อน 6 โมง เพราะหากไปสายกว่านี้จะพลาดโอกาสได้ดูของดี รถแล่นออกจากโรงแรม คนขับซิ่งเพราะเจนถนนหนทาง ยิ่งออกจากตัวเมืองถนนยิ่งขรุขระเป็นดินลูกรัง ขับยากขึ้นเป็นทวีคูณ เฮียบรรยายว่าหากมาหน้าฝน รถขึ้นไม่ได้ เพราะถนนเสีย บางจุดน้ำท่วมลึก อยู่ในรถมองดูชนบทสองข้างทาง นึกในใจว่ามันไม่มีอะไรเลยแบบนี้ ถ้าต้องมาอยู่จะอยู่ได้ไหม กำลังเคลิ้ม ๆ อยู่กับห้วงคำนึงความคิดของตัวเอง รถก็มาถึงจุดหมายปลายทาง วันนี้สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง อ.แม่จันคึกคักกว่าทุกวัน เนื่องจากผู้มีจิตศรัทธาหลั่งไหลกันมาตักบาตร รถตู้แบบที่คุณแด๊ดเช่าจอดเรียงรายอยู่รอบ ๆ หลายคัน กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เมื่อวานฉันพบที่พระธาตุดอยตุงโดยบังเอิญ ยังตามกันมาตักบาตรวันนี้อีก นึกในใจ โลกกลมจริงหนอ
ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แม่ถามอาเฮียคนขับรถว่าจะซื้อของแห้งไปตักบาตรจากที่ไหนดี อาเฮียบอกว่าไม่ต้องหาซื้อเลย บริเวณนั้นมีขายหมดทุกอย่าง เตรียมเงินไปก็พอ
ยิ่งเดินเข้าไปในเขตถ้ำป่าอาชาทองก็ยิ่งพิศวงกับจำนวนผู้คน โต๊ะแคร่ไม้ถูกนำมาตั้งเรียงกันยาวสุดลูกหูลูกตา นักท่องเที่ยวและชาวบ้านแถวนั้นได้มาจับจอง วางปัจจัยทำบุญก่อนหน้าพวกเราหลายกลุ่มอยู่ เรามาทีหลังจึงได้แต่ขอแทรกที่ให้ได้ทำบุญบ้าง ทุกคนเต็มใจแบ่งปันพื้นที่ให้เรา
รอ ร้อ รอ....รอแล้วรอเล่า แม่คุยกับคนที่ยืนที่โต๊ะข้าง ๆ อย่างออกรสชาติเมามัน ฉันยืนอยู่กับแม่ ส่วนคุณแด๊ด น้องชาย ตาอ้วนไปหาซื้ออาหารถ่วงกระเพาะให้หนัก ในมือถือถ้วยโฟม แก้วกระดาษพะรุงกะรังกลับมาให้แม่กับฉัน เป็นข้าวต้มเครื่องบ้าง โอวันตินร้อนบ้าง....
พระมาแล้ว
เมื่อสิ้นเสียงโทรโข่งของกลุ่มอาสาสมัครจัดระเบียบพื้นที่ พุทธศาสนิกชนทุกคนดูจะตื่นเต้น กระปรี้กระเปร่า บรรยากาศคึกคัก ต่างพากันชะแง้แลดูหวังจะได้เห็นเสี้ยวจีวรผ้าเหลืองส้มของพระครูบาเหนือชัย เจ้าอาวาสสำนัก พวกตากล้องจำเป็นก็พากันเตรียมปรับเลนส์ให้ได้โฟกัสหวังจะถ่ายรูปชอตเด็ด ๆ
~~~~เงียบ..........................ฉี่~~~~~~~~~
10 นาทีผ่านไป ครึ่งชั่วโมงผ่านไป...หนึ่งชั่วโมงผ่านไป คนรอตักบาตรเริ่มขยับเท้าเพื่อให้เลือดเดินได้สะดวก แต่ขบวนของพระและเณรยังไม่มีทีท่าว่าจะมาถึงจุดที่พวกเรายืนเลย เสียงโทรโข่งดังขึ้นเป็นระยะ ๆ
อย่าตัดหน้าแซงคิวนะครับ อย่าตบตูดม้านะครับ เดี๋ยวม้าตื่น อย่าแย่งกันครับ ต่างคนก็ต่างพยายามจะเข้าถึงตัวพระครูบาเหนือชัย ไม่เพียงแต่ตักบาตรถวายของแห้งเท่านั้น ใครมีของดีต่างงัดออกมาให้พระครูปลุกเสกกันสด ๆ บนหลังม้า ที่เห็นจะฮิตที่สุด คือ กระเป๋าสตางค์ พระครูรับกระเป๋ามาแล้วก็ยกขึ้นจรดหน้าผาก ทำปากขะมุบขะมิบท่องมนต์ แล้วก็ยื่นกระเป๋าสตางค์คืนให้แก่เจ้าของ คุณหญิงคุณนายที่รอไม่ไหว ต่อคิวห่างไกลขบวนม้า ก็ให้ลูกให้หลานหอบหิ้วเครื่องปัจจัยไทยทานไปตัดหน้าคนอื่น ยื่นส่งให้พระครูกันกลางถนนลูกรัง มิแคร์ต่อสายตาของชาวบ้านที่ยืนทำตาปริบ ๆ (กรูมารอเป็นชั่วโมง ๆ แล้วนะโว้ย)
สรุปทีมของฉันไม่มีได้ตักบาตรกับพระครูเลย เลือกหาเณรที่ป๊อบปูล่าร์น้อยกว่าพระครู แล้วตักบาตรกับเณรน้อยแทน ไม่เป็นไร ถือว่าทำบุญแล้วก็แล้วกัน คงไม่ได้บุญมากน้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่หรอก
ของที่คนนำมาตักบาตรกันวันนี้เยอะมากมายจริง ๆ อาสาสมัครบอกว่าพระครูมักจะนำของพวกนี้ไปแจกตามโรงเรียนที่อยู่ในเขตทุรกันดารเสมอ มีเจ้าหน้าที่นำรถปิ๊กอัพมาขนไปบ่อย ๆ
จากนั้นอาเฮียคนขับรถพาพวกเราไปหาข้าวเช้ากัน ขับรถผ่านไป คุณแด๊ดเห็นร้านที่ดูแล้วน่าจะใช้ได้ ก็ขอให้อาเฮียจอดรถแวะกินด้วยกัน เพราะอาเฮียก็ไม่เจนร้านอาหารบนถนนเส้นนี้เท่าไรนัก อาหารเช้าร้านนี้รสชาติใช้ได้ มีให้เลือกทั้งข้าวมันไก่ และข้าวขาหมู ฉันยังอิ่มตื้อ ๆ อยู่จึงสั่งแต่ข้าวมันไก่มาทาน น้องชายสั่งไข่พะโล้ 4 ใบแยกกับขาหมูต่างหาก ตาอ้วนไม่กินไข่ต้มอยู่แล้ว ฉันก็สละสิทธิ์คุณแด๊ดกับน้องชายจึงต้องแบ่งกันคนละฟองครึ่ง มันจุกอกกันแต่เช้าไปเลย 555 ส่วนตาอ้วนไม่ต้องพูดถึง กินแบบเบรคแตกล่อทั้งข้าวมันไก่ และข้าวขาหมูอย่างละจาน...
จากนั้นอาเฮียขับรถพาเราไปแม่สาย ปล่อยพวกเราทิ้งไว้แถวนั้น แล้วอาเฮียก็ไปหาที่จอดรถ คุยเม้าส์กับเพื่อนร่วมธุรกิจ ตอนแรกพวกเราปรึกษากันว่าจะข้ามไปพม่าดีหรือไม่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าพาสปอร์ตญี่ปุ่นของตาอ้วนจะมีปัญหาหรือเปล่า แล้วถึงจะข้ามไปก็คงดูอะไรไม่ได้มาก เพราะเวลาไม่มี แม่เลยบอกว่าไม่ต้องข้ามหรอก เดินดูแถว ๆ ตลาดดีกว่า
ตลาดแม่สาย(ฝั่งไทย)มีนักท่องเที่ยวเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างแน่นขนัด เผอิญช่วงนี้เป็นช่วงสิ้นปี ฉันไม่รู้ว่าหากเป็นวันธรรมดา คนจะมาเดินกันมากมายอย่างนี้หรือเปล่า แม่ซื้อกำไลหิน(สีเหมือนหยก)ไป 1 โหล หลงเชื่อคารมคำหวานของแม่ค้าที่ใส่หยกเขียวคล้ำไปทั้งตัว แม่ชอบซื้อเครื่องประดับแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะของจริงของปลอม ของแพงของถูก แม่บอกว่าเดี๋ยวนี้ผู้ร้ายเยอะ ไม่กล้าใส่ทอง ใส่แบบนี้แหล่ะดี ปลอดภัย แล้วจัดเป็นเซ็ต ๆ เข้ากับเสื้อผ้าง่ายด้วย
ฉันไม่ได้ซื้ออะไรเลย แค่ไปยืนเฝ้าตาอ้วนหน้าห้องน้ำสาธารณะถ่ายทุกข์ตอนเช้าก็หมดเวลาไปหลายสิบนาทีแล้ว จากนั้นแม่บอกให้เฮียพาพวกเราไป 3 เหลี่ยมทองคำ ฉันกับตาอ้วนหลับไปตลอดทาง ตื่นมาอีกทีเมื่อรถตู้จอดดับเครื่อง ตาหยีแสงแดดที่แผดจ้า งัวเงีย ๆ ก้าวลงมาจากรถ วันนี้อากาศร้อน ยังดีที่ได้ลมพัดเอาความเย็นจากแม่น้ำโขงมาซับเหงื่อออกบ้าง ร้อน ๆ แบบนี้จุดแรกที่ต้องแวะคือร้านกาแฟในเพิงไม้ปลูกติดริมแม่น้ำโขง สั่งกาแฟ และไอติมมากินดับร้อนกัน แม่บอกว่าอยากกินอะไรสั่งกันเลย แล้วแม่ก็ควักตังค์ส่งให้น้องคนขาย ระหว่างที่นั่งจิบไอติมละเลียดอยู่คุณแด๊ดกับแม่ก็คุยกับน้อง ถามว่าแถวนี้มีอะไรเที่ยวบ้าง น้องบอกว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็นั่งเรือหางยาวข้ามไปฝั่งลาว ไปซื้อของดิวตี้ฟรี คุณแด๊ดถามว่าของดิวตี้ฟรีที่ว่ามีอะไร น้องว่าส่วนใหญ่ที่เห็นคนซื้อมาเป็นเหล้า คุณแด๊ดกับแม่เลยไม่สนใจที่จะลงเรือ
แม่ชวนฉันไปเดินดูร้านค้าแถวนั้น แม่ซื้อเสื้อให้ตัวเอง 2 ตัว และซื้อเสื้อยืดปักแผนที่หยาบ ๆ ของสามเหลี่ยมทองคำให้ตาอ้วน 1 ตัว พร้อมกับฝากตัวสีแดงเลือดนกกลับไปให้พี่ชายตาอ้วนอีก 1 ตัว มิไยที่ฉันจะหน้าหงิกเป็นจวักบอกว่าไม่ต้องฝากพี่ชาย แต่แม่ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาของฉัน
เอ๊ะ..ก็แม่จะฝาก และนี่ก็เป็นเงินแม่
ตาอ้วนก็รีบยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณแม่เป็นการใหญ่ แม่คะยั้นคะยอให้ฉันซื้อเสื้อ และย่ามปักเลื่อมสีแดงแรงฤทธิ์ (ฉันรอไว้หน้าร้อนก่อนจะควักเอาย่ามออกมาถือ) แถมยังช่วยฉันต่อราคาอีกด้วย ไม่ไกลจากบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ มีจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมาซื้อผลไม้เมืองหนาว ที่นำเข้ามาจากจีน ส่วนใหญ่คือแอปเปิ้ล และสาลี่หอม น่าเสียดายวันนั้นสาสี่หอมไม่มี คุณแด๊ดเลยซื้อแอปเปิ้ลมา 2 ลัง ราคาถูกมาก เทียบกับที่ขายในกรุงเทพ ฯ คนละเรื่องเลย คุณแด๊ดกับแม่มักจะซื้อมาแจกเพื่อนบ้าน แต่แม่บอกว่าอย่าเอาไปเทียบกับแอปเปิ้ล หรือสาลี่น้ำของญี่ปุ่นเลย คนละชั้น จนแล้วจนรอดฉันก็ไม่ได้ลองชิมแอปเปิ้ลที่คุณแด๊ดแบกมาจากสามเหลี่ยมทองคำ
มื้อกลางวันคล้อยมาบ่าย ๆ เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อข้างทาง ร้านทึม ๆ มืด ๆ รสชาติใช้ได้ ฉันกินชามเดียว
ปิดท้ายทริปของวันนี้ที่วัดร่องขุ่น แม่อยากให้ฉันกับตาอ้วนได้เห็นมาก ลำพังแม่ คุณแด๊ดและน้องชายไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะเคยมาหลายทีแล้ว อย่างเคย คนยั้วเยี้ยเหมือนหนอน ขนาดน้องชายฉันเคยมาแล้ว ยังมึนไปเหมือนกัน มีเสียงประกาศออกลำโพงใหญ่...
อย่าหยุดถ่ายรูปนะครับ เดินตามแถวไปเลยนะครับ อย่าหยุดครับ
งานนี้วัดใจชัตเตอร์ของตากล้อง ใครจะรัวนิ้วได้ถี่กว่ากัน ตาอ้วนส่งเสียงซี๊ดซ้าดกับความอลังการของวัด และความเป็นอัจฉริยะของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ บ่อปูนที่มีมือคนยื่นขึ้นมา ดูแล้วเขย่าอารมณ์พิลึก มีป้ายปักเสียบเขียนตัวหนังสือตัวใหญ่เท่าหม้อแกงว่าอย่าโยนเหรียญลงมาในบ่อ แต่ฉันเห็นมีคนใส่เงินลงไปในบาตรปูน ก็ไม่รู้ว่าผิดกฏกติกาหรือเปล่า
ภายในอุโบสถมีป้ายติดบอกว่าไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ฉันเห็นแหม่มวัยรุ่นคนหนึ่งมากับเพื่อน ท่าจะอ่านป้ายไม่ออก เพราะไม่เพียงแต่เธอจะยืนถ่ายรูปอย่างเย้ยฟ้าท้าดินเท่านั้น ยังใช้แฟลชอีกด้วย เห็นแล้วคันปากเสียจริง ๆ ยังไม่ทันที่จะได้ไปสะกิดบอกแหม่มคนนั้น พี่ไทยข้าง ๆ ก็ถ่ายเหมือนยัยแหม่มเปี๊ยบ โอ้ว...ยัยแหม่มคงจะเลียนแบบเจ้าบ้าน เข้าทำนองเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม เข้าเมืองตาเขก็ต้องเหล่ตาตาม...แล้วกรูจะไปเตือนใครได้ เสียงลำโพงดังแว่วเข้ามากระทบโสต บอกหนทางไปห้องน้ำ มีปราสาทเงิน ปราสาททองอะไรทำนองนี้...ฟังดูแล้วอลังการเหนือจริง มีห้องแสดงผลงานภาพวาดของอาจารย์เฉลิมชัย ฉัน ตาอ้วน และน้องชายเดินเข้าไปดูด้วย จริง ๆ รูปวาดราคาไม่แพงอย่างที่คิด หากฉันมีบ้านสวย ๆ มีพื้นที่มาก ๆ ก็อยากจะอุดหนุนผลงานของอาจารย์เหมือนกัน แต่ตอนนี้ฝากไว้ที่วัดก่อน เพราะขืนซื้อมาติดบ้านตอนนี้ บ้านฉันอาจจะดูวังเวงชวนสยิวใจ เพราะผลงานของอาจารย์ส่วนใหญ่จะมาแนวพระพุทธศาสนา สวรรค์ นรก...
ฉันไม่ได้ซื้อของที่ระลึกอะไรเลย เพราะจู่ ๆ ก็จำได้ว่าตั้งแต่ปีที่แล้ว แม่เคยซื้อเสื้อยืดพิมพ์ผลงานของอาจารย์ให้ฉันตัวหนึ่ง ให้ตาอ้วนตัวหนึ่ง ทุกวันนี้ฉันยังใส่ไม่ค่อยคุ้มเลย ยิ่งตาอ้วนไม่ต้องพูดถึง..เพราะตั้งแต่ได้มาไม่เคยใส่เลย คุณแด๊ดกับแม่นั่งรอพวกเรานานแล้ว ท่านบอกตั้งแต่แรกว่าจะพาฉันกับตาอ้วนมาดู ส่วนท่านขอนั่งดื่มกาแฟเย็นรออยู่ตรงเก้าอี้ไม้นี่แหล่ะ ฉันจึงชวนตาอ้วนกับน้องชายกลับ เกรงใจคุณแด๊ดกับแม่
ก่อนกลับตาอ้วนก็ฝากลายมือเซ็นลงในสมุดเยี่ยมด้วย...
atarashii jidai ni utsukushii ji-in wo arigatou gozaimasu
*หากจะฝากข้อความ เชิญที่ guest book นะคะ*
mahalo
Create Date : 10 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 10 มิถุนายน 2550 14:10:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1497 Pageviews. |
|
|