Suomenlinna เฮลซิงกิวันเดียว เที่ยวไหนดี ( ตอน 2)











เล่าต่อจากโพสที่แล้วนะคะ 

อีกสถานที่ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อแวะเฮลซิงกิคือ Suomenlinna 

 Suomenlinna ได้ขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1991 ค่ะ

สำหรับคนที่ตั้งใจมาเที่ยว น่าจะเหมาะกว่านะคะ ถ้ามาแบบรีบๆ ไม่แนะนำค่ะ เพราะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3- 4 ชั่วโมงถึงจะเดินทั่วค่ะ 








Suomenlinna ตั้งอยู่บนเกาะ กลางทะเลบอลดิก จึงไปได้ทางเรือเท่านั้น ไปขึ้นเรือที่ท่าเรือใกล้ๆ Kauppa tori ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที มีเรือออกทั้งวันค่ะ 

ตรวจสอบ เวลา การเดินทางได้ที่นี่ https://frantic.s3.amazonaws.com










ค่าโดยสาร จะเป็นตั๋วโดยสารที่รวมอยู่ในระบบ ขนส่งมวลชนสาธารณะ ของเฮลซิงกิค่ะ (คือตั๋วเดียว ใช้โดยสารได้ทั้ง เรือ รถเมล์ แทรมป์ และรถไฟใต้ดิน ) ตรวจสอบราคาค่าโดยสารได้ที่นี่ค่ะ https://www.hsl.fi

มีตั๋วรายเที่ยว และแบบระบุเวลาใช้งาน ถ้าไปแค่ Suomenlinna เลือกตั๋วแบบระบุเวลาก็ได้ค่ะมีแบบ 5e ใช้งานได้ถึง 12 ชั่วโมง 





Suomenlinna (ซัวเม็นลินนะ) ก่อสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1748 (โดยกษัตริย์ Fredrik ที่ 1 แห่งสวีเดน) ในยุคที่ฟินแลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของสวีเดน โดยตั้งชื่อเป็นภาษาสวีเดนว่า Sveaborg 

ต่อมาภายหลัง เมื่อฟินแลนด์ ได้ประกาศเอกราช จึงมีการเปลื่ยนมาใช้ชื่อเป็นภาษาฟินนิชคือ Suomenlinna นั่นเองค่ะ 




ป้อมปราการแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันศัตรูสงครามทางเรือ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญ ในสมัยที่ สวีเดน สู้รบกับรัสเซีย 

ต่อมาในปี ค.ศ. 1808 ซัวเม็นลินนะ ได้ตกเป็นของรัสเซีย (มีการสู้รบในระยะสั้น ซึ่งสวีเดนพ่ายแพ้แก่รัสเซีย ) จากนั้นในปีถัดมา ฟินแลนด์ก็ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย 

ปี 1917 ฟินแลนด์ได้ประกาศเอกราช เป็นอิสระจากการปกครองของรัสเซีย ซัวเมนลินนา จึงเป็นของฟินแลนด์ อย่างสมบูรณ์ 

ต่อมาในเดือน พ.ค. ปี 1918  ได้มีการเปลื่ยนชื่อจาก Sveaborg มาเป็นชื่อภาษาฟินนิชว่า Suomenlinna แปลว่า ป้อมปราการของฟินแลนด์ (หากแปลผิดขออภัยด้วยนะคะ อิอิ) 








ภายหลังจากที่ฟินแลนด์ประกาศเอกราชจากรัสเซีย ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น มีการจับนักโทษสงครามหลายพันคน มาขังไว้ที่นี่ ซัวเม็นลินนะ จึงกลายเป็นคุก ที่ไว้คุมขังนักโทษสงครามในขณะนั้น 









ตรงจุดนี้มีชื่อว่า Kuninkaanportin laituri (ท่าเรือของพระมหากษัตริย์) เป็นท่าเทียบเรือของกษัตริย์สวีเดน ในสมัยนั้นค่ะ ทุกครั้งที่เสด็จมาที่ Suomenlinna ก็จะนำเรือมาจอดตรงนี้ค่ะ จึงเป็นที่มาของชื่อนี้นั่นเอง 







ภาพนี้ยืมมาจาก  wikipedia ค่ะ ( ตอนถ่ายเอง คนเยอะมาก เลยไม่ได้ภาพดั่งใจเลย แฮะๆ)




ภายในจะมี พิพิธภัณฑ์ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ



ตอนแรกคิดว่าที่นี่เป็นแค่สถานที่ ท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่จริงๆ บนเกาะ มีบ้านคนด้วยค่ะ มีบ้านให้เช่าด้วย มีคนอาศัยอยู่ประมาณ 800 คนนิดๆ ส่วนใหญ่จะเป็น จนท พนักงานที่ทำงานที่นั่นค่ะ ไว้เดี๋ยวจะหาข้อมูลเพิ่มเติม ว่าถ้าเราจะไปเที่ยวแบบไปค้างสักคืน นี่ราคาอะไรยังไง (เดี๋ยวมาอัพเดทนะคะ ) 







มองจากมุมนี้ จะเห็นเรือที่กำลังจะไป ทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนียด้วยล่ะ สวยเนอะ มองดีๆ เห็นคนนอนอาบแดดด้วย อิอิ



 Suomenlinna สามารถเดินทางไปได้ตลอดทั้งปีค่ะ แต่ละช่วงเวลา จะมีความสวยงาม ที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล แต่ช่วงที่น่าไปสุด น่าจะเป็นช่วงหน้าร้อนค่ะ ถ้าเป็นฤดูหนาว ก็คงสวยอีกแบบเนอะ ว่าแล้วก็อยากไปอีกจังเลย 



















 

Create Date : 17 กันยายน 2561
0 comments
Last Update : 31 ธันวาคม 2561 15:58:07 น.
Counter : 2314 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Pikku Mul
Location :
Finland Finland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




เจ้าของบล็อกมาใช้ชีวิตอยู่ที่ฟินแลนด์ เรื่องราวในบล็อกนี้ จึงเขียนเกี่ยวกับประเทศฟินแลนด์เป็นส่วนใหญ่ค่ะ

บอกเล่าวิถีชีวิต (ไทย-ฟินน์) ในฟินแลนด์
รูปถ่ายต่างๆ ตามประสาคนบ้าถ่ายรูป 😄😄
ประสบการณ์ในต่างแดน (ถ้ามี😬)

ฟินแลนด์ เป็นประเทศที่มี วัฒนธรรม ภาษา และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่หลายอย่าง เรื่องราว ที่เขียนในบล็อกนี้ เป็นเพียงมุมเล็กๆ มุมหนึ่ง จากคนไทย ที่มาใช้ชีวิตอยู่ฟินแลนด์ค่ะ

ภาพถ่ายทั้งหมด แม้จะไม่ได้สวยงามตามท้องเรื่อง..

บทความที่เขียน แม้จะไม่มีสาระอันใดก็ตาม..แต่ก็ขอสงวนสิทธิ์ไว้นะคะ ก่อนจะก็อปข้อความใดใด บอกกล่าวกันก่อนเนอะ เพื่อความสบายใจค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

Pikku มุล...คร้าาา




New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2561
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
17 กันยายน 2561
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Pikku Mul's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.