|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สลายอัตตาแบบพุทธทาส
คำว่า อัตตา มิใช่คำไทยแท้ แต่เป็นภาษาบาลีที่คนไทยคุ้นหู คุ้นตา และคุ้นปากกันเป็นอย่างดี ใครที่คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ ตัวเองเป็นหนึ่งในตองอูหรือคิดว่าตูเป็นมืออาชีพ ชอบทำอะไรแบบวันแมนโชว์ ฟังใครไม่เป็น คิดว่าตัวเองถูกอยู่คนเดียว เราเรียกคนประเภทนี้ว่า คนมีอัตตา ถ้าจะให้ทันสมัยหน่อยก็เรียกว่าคนมีอีโก้ (EGO) สูง
อัตตา อีโก้ อหังการ ที่นำมาใช้ในภาษาไทยมีความแตกต่างกันเฉพาะตัวอักษร หากความหมายเหมือนกันคือ คนผู้คิดว่าตนเองคือศูนย์กลางของโลก ศูนย์กลางของความเก่ง ศูนย์กลางความเลิศเลอเพอร์เฟ็คท์ หรือเลิศสะแมนแตนไปเสียทุกเรื่อง คนที่มีอัตตา อีโก้ อหังการมาก ก็ทุกข์มาก มีน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่มีเลยก็ไม่ทุกข์ ทั้ง ๆ ที่อัตตาเป็นรากฐานแห่งความทุกข์ทั้งปวง คนเราก็หาได้พยายามลดละอัตตากันไม่ ตรงกันข้าม กลับแสดงออกซึ่งอัตตาของตนอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ศิลปินแสดงอัตตาของตนผ่านผลงาน ลายเซ็น คำพูด หรือท่วงท่าลีลาที่แสดงออกต่อสาธารณะ
นักการเมืองแสดงอัตตาของตนด้วยการมีรถนำขบวนหลายคันหรือการมีบ้านโต ๆ มีบริวารมากๆ
พระเกจิอาจารย์บางรูปแสดงอัตตาด้วยการไปไหนช้ากว่าเวลานัดหมายเพื่อให้คนอื่นรอนาน ๆ จะได้เห็นว่าตนเป็นคนสำคัญ
ซูเปอร์สตาร์บางคนแสดงอัตตาผ่านท่วงท่าลีลาการแสดงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ จนไม่สนใจวัฒนธรรมคนดู ดังเช่นไมเคิล แจ็คสัน กับท่วงท่ามหัศจรรย์ของเขา ที่ใครเห็นก็ต้องเบือนหน้าหนี แต่เขากลับชอบ สะใจ และมั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้น
น่าสังเกตว่าคนที่มีอัตตาสูง และพยายามแสดงอัตตาของตนล้วนเป็นคนเก่ง แต่ยิ่งเก่ง บางทียิ่งทุกข์ เข้าทำนองเก่งมากก็ทุกข์มาก เพราะอัตตาที่เขาหรือเธอแสดงออกมาไปกดข่มอัตตาของคนอื่นเข้านั่นเอง
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ไม่มีใครอยากเห็นตนเป็นคนต่ำต้อย ทุกคนอยากได้รับการยอมรับกันทั้งนั้น พอมีคนเก่งเกินหน้าเหินอัตตาของตน ก็เลยถูกหมั่นไส้ชิงชังเป็นธรรมดา
ทางโลกเห็นว่าการมีอัตตาเป็นของดี เพราะมันบอกอยู่ในทีว่าเขาเป็นคนสำคัญ แต่ทางธรรมท่านสอนให้ปล่อยละวางอัตตา เพราะอัตตาคือที่มาของความทุกข์พื้นฐานทั้งหมดในชีวิตมนุษย์
ท่านพุทธทาสภิกขุสอนเรื่องอัตตา (ตัวกู-ของกู) และการละอัตตาโดดเด่นที่สุดในประเทศไทย จนลือกันว่าวิธีการสลายอัตตาของท่านนั้นชะงัดนัก ชะงัดอย่างไร ลองอ่านจากตัวอย่างดังต่อไปนี้
เศรษฐีนีคนหนึ่ง เคยบริจาคเงินร่วมทำบุญกับท่านพุทธทาส หลังจากห่างหายไปนานหลายปี หล่อนพร้อมคณะจึงมีเวลาแวะเวียนไปนมัสการท่าน ท่านพุทธทาสนั่งต้อนรับอยู่ที่ม้ายาวบริเวณหน้ากุฏิ หล่อนเชื่อมั่นว่า ท่านเจ้าสำนักแห่งสวนโมกข์คงจะจำตนได้เป็นอย่างดี เพราะเคยเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของสวนโมกข์มาก่อนแล้วหลายต่อหลายครั้ง มาคราวนี้ หล่อนแอบหวังอยู่ในใจลึก ๆ ว่าจะต้องหาทางแสดง ความสำคัญ ของตน (อัตตา) ให้เป็นที่ปรากฏต่อหน้าธารกำนัลเสียหน่อย หลังจากกราบแล้วจึงนมัสการถามท่านพุทะทาสที่นั่งสงบอยู่ตรงหน้าว่า หลวงพ่อจำดิฉันได้มั้ยเจ้าคะ ท่านพุทธทาสยิ้มก่อนตอบเรียบ ๆ ตามสไตล์ของท่านว่า
จำไม่ได้หรอกโยม
โดย ว.วชิรเมธี (คัดมาฝาก จาก หนังสือธรรมะติดปีก พิมพ์ครั้งที่ ๗ / เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๗ โดย สำนักพิมพ์อมรินทร์ หน้า ๔๑-๔๓)
Create Date : 26 มกราคม 2551 |
Last Update : 26 มกราคม 2551 10:18:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 947 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|