The death of Frodo the duck.

ยังจำเรื่องของเป็ดของเรากันได้มั้ย

เราเคยมีเป็ด 2 ตัวที่ได้มาจากเพื่อนของสามี

ตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ จนมันตัวโตทั้งคู่

มันมีความต่าง แต่มันก็เป็นเพื่อนกัน

คนที่เคยอ่านคงสงสัยว่า อยู่ดีๆ ทำไมเราหยุดเขียนเรื่องพวกนี้

มันมีเหตุน่ะสิ

เรื่องนี้หนักอึ้งอยู่ในใจเรามาเป็นปีๆ

หลายปี ไม่เคยลืม











เราเลี้ยงพวกมันอยู่ปีกว่า ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาครบรอบ

เคยกังวลว่า หน้าหนาวมันจะอยู่ยังไง

แต่มันก็อยู่มาได้ อยู่ในโรงนา คนละกรงกับไก่



พาออกมาเดินเล่นบนหิมะก็เคย

พามันไปอาบน้ำในอ่างอาบน้ำในบ้านก็เคย

เพราะสงสารที่มันต้องอยู่แต่ในกรง



วันหนึ่งตอนหน้าหนาว ปล่อยมันออกมาเดินเล่น

เจ้าแซม ออกบินหายไป ปล่อยเจ้าโฟรโด เดินวนไปวนมาอยุ่ตัวเดียว

เรากับสามี ออกเดินตามหามัน

อยากรู้ว่ามันไปไหน กลัวมันจะหนีไปไม่กลับมา


เดินไปเจอมันเล่นน้ำอยู่ตรงธารน้ำไหล ไม่ไกลจากบ้าน

โธ่เอ๊ย มันคงคิดถึงน้ำ มันอยากอาบน้ำนั่นเอง

ยืนดูมันอยู่ซักพัก สามีเราบอกว่า ปล่อยมันเล่นไปเถอะ

เดี๋ยวค่อยมาพามันกลับบ้าน




2-3 ชั่วโมงต่อมา เรากำลังจะไปต้อนเจ้าแซมกลับบ้าน

แต่เจอมันยืนรออยู่หน้ากรงแล้ว

มันกลับมาเอง มันไม่ยอมทิ้งเพื่อนมัน




หนาวนั้นก็ผ่านมาด้วยดี

พอหน้าร้อนมาถึง พวกมันก็ออกมาอยู่นอกโรงนา

มีสระว่ายน้ำเล็กๆไว้ให้มันเล่นน้ำกัน เราเปลี่ยนน้ำทุกอาทิตย์

ช่วงนี้เราได้งานทำที่ร้านไทย

ทำงานแค่สัปดาห์ละ 3 วันตอนเย็น

เราก็ยังมีเวลาเล่นกับมันทุกวัน

เราไปไหนมันก็เดินตาม เราเข้าบ้านมันก็มายืนรอหน้าประตู

ใครมาเห็นก็ขำกันว่า เรามีเพื่อนเป็นเป็ด



วันหนึ่งตอนหน้าร้อนนี่แหละ

เราตื่นมาให้อาหารไก่

ปล่อยเป็ดออกจากกรง ให้มันเดินเล่นในบริเวณบ้าน

แล้วเราก็ไปทำงาน

กลับจากงานมาจะต้อนเป็ดเข้ากรง

(เป็ดต้องเข้ากรงทุกคืน ไม่งั้นโดนหมาป่ากินแน่)

พบว่า แซมหายไป เหลือเจ้าโฟรโดเดินอยู่ตัวเดียว

หลังๆมานี้ แซมหนีไปเล่นน้ำในลำธารอยู่บ่อยๆ

แต่มันกลับมาทุกครั้ง

ครั้งนี้ มันไม่กลับมา

มันหายไป


รออยู่หลายวัน มันก็ไม่มา

มันคงจะทนความเรียกร้องตามธรรมชาติไม่ได้

มันเป็นเป็ดป่า มันต้องอยู่กับพวกพ้องที่บินได้เหมือนกัน

เราไม่โกรธมันนะ

แต่เจ้าโฟรโดสิ มันจะเข้าใจหรือเปล่า










โฟรโด อยู่ตัวเดียว มันติดเรามากขึ้นกว่าเดิม ตามเราไปทุกที่

จะมาคอยวนเวียนอยู่หน้าบ้าน ถ้าเราไม่ออกมา

แต่ดูๆแล้ว มันไม่ได้เศร้าซึม หรือหงอยเหงา มันเดินจิกนู่นนี่ของมันไป



แต่ใจเราเริ่มกังวล ว่า

มันจะอยู่อย่างนี้ไปนานแค่ไหน บ้านเราไม่มีรั้ว

หน้าร้อนมันมืดช้า เราจับมันเข้ากรงดึกก็ได้ ยังไม่มืดนัก

แล้วถ้าหน้าหนาวล่ะ จะเอามันเข้ากรงแต่วัน ก็สงสารมันนะ


และที่สำคัญ ถัดจากบ้านเราไปประมาณ 50 เมตร มีบ้านหลังนึง เลี้ยงหมา

บ้านนี้ปล่อยหมาออกมาเดิน โดยไม่มีเจ้าของ

มันออกมาเดินเล่น กลับบ้านเอง

แต่นานครั้ง เขาถึงจะปล่อยมันออกมา

มันเคยมารื้อขยะบ้านเราหนนึง

ครั้งนั้น มันผ่านหน้าบ้าน ไม่เคยวิ่งเข้ามาในเขตบ้าน

แต่อย่างที่บอก บ้านเราไม่มีรั้ว

ใครจะไปบอกหมาว่า อย่าเข้ามา มันฟังที่ไหนล่ะ




และแล้ว วันที่เราจะต้องฝันร้ายไปตลอดชืวิตก็มาถึง

วันที่เราต้องร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึง

วันนั้น เป็นวันเกิดพี่ที่ทำงาน เราไม่ต้องไปทำงาน

แต่เราจะทำเค้กวันเกิดไปให้พี่เขา และไปร่วมงานวันเกิด

เราทำเคกเสร็จแล้ว เตรียมคัวจะไปงาน

เรามองออกไปทางหน้าต่าง เห็นเจ้าหมาตัวนั้น เดินผ่านหน้าบ้านไป

นึกดีใจว่า ดีที่มันไม่เข้ามา ไม่งั้น มันเห็นเป็ด มันจะต้องไปกัดแน่ๆ


แล้วเราก็ลืมเรื่องหมาไปสนิท

เราคิดว่าเราจะกลับมาไม่เกินสามทุ่ม

ซึ่งมันจะยังไม่มืด เราค่อยเอาโฟรโดเข้ากรงก็ได้


แต่ผิดคาด เราอยู่ที่งานจนเกือบห้าทุ่ม

สามีเราเลี้ยวรถเข้าบ้าน ปกติ โฟรโดจะต้องวิ่งมาหา

แต่วันนี้ เงีบย ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีเงาเจ้าเป็ด

อีกทั้งมันก็มืดมากเสียด้วย


รู้ทันทีว่ามันผิดปกติ ฉับพลันก็นึกถึงหมาตัวนั้น

ในใจเรารู้ทันทีว่า อะไรได้เกิดขึ้นแล้ว

สามีเราเดินตามหามันในความมืด ร้องเรียกมัน

แต่เรารู้ว่า จะไม่มีวันได้ยินเสียงมันร้องตอบ

พอสายตาปรับเข้ากับความมืด

เรามองเห็นสีขาวๆรางๆอยู่กลางสนามหญ้า

ที่สามีเรากำลังเดินตรงไป

มันนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว

ขาเราแข็ง ไม่สามารถเดินตามไป ได้แต่จ้องดู

ไม่มีสัญญาณใดๆบอกถึงความมีชีวิต

มันตายเสียแล้ว



สามีเราหิ้วมันห้อยร่องแร่ง ยกให้เราดู

ถึงตอนนี้ เราหันหลังกลับทันที เดินเข้าบ้าน

แช่งชักหักกระดูกไอ้หมาตัวนั้น

และเสียใจ เสียใจที่มันต้องมาตายแบบนี้

ตายอย่างน่าเวทนาและโดดเดี่ยว

ส่วนลึกๆในใจ พยายามบอกตัวเองว่า

โล่งอกไปที ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว

ไม่ต้องคอยห่วงมันอีกแล้ว

หมดเวรหมดกรรมกันไปซะที



พยายามคิดแบบนั้น

แต่จริงๆแล้ว มันไม่ใช่

เรารู้อยู่ตลอดเวลาว่า เป็นเพราะเรา

เพราะเราไม่เอามันเข้ากรง

เพราะเรารู้ว่าหมาตัวนั้น เดินอยู่แถวบ้าน

เรายังชะล่าใจออกไปข้างนอก

สามีบอกเราอีกว่า หัวมันขาดออกจากตัว

เหมือนถูกหมากัด ยิ่งตอกย้ำให้เราสำนึกว่า

เป็นเพราะเรา เพราะเรา เพราะเราคนเดียว


เราเก็บเรื่องนี้ไว้ ไม่เคยบอกใคร

มันจึงหนักอึ้งอยู่ คิดถึงทีไร ร้องไห้ทุกที

สองปีกว่าแล้ว เราไม่เคยลืมได้

คงต้องบอกเล่าออกมาซะที

เขียนออกมาเพื่อให้มันได้ระบาย

ไม่ได้หวังให้ใครมาบอกว่า เราไม่ผิด ไม่ต้องเสียใจ

เรารู้เต็มอก โฟรโด ตายเพราะเรา



ทุกวันนี้ ยังมีเพื่อนๆสามี คอยถามอยู่เรื่อยว่า อยากเลี้ยงอีกมั้ย จะหามาให้

บางคนก็บอกว่า มีห่านหลงมา ช่วยเอาไปเลี้ยงหน่อยได้มั้ย


แต่เราตัดใจ ไม่เอาอะไรมาเลี้ยงอีกแล้ว ไม่อยากทำบาปอีกต่อไป

ไม่อยากผูกพันตัวเองกับอะไรอีกแล้ว

ไม่อยากต้องทุกข์ใจเวลามันตาย

เวลาก็รักษาใจเราไม่ได้ เพราะเราทำมันตายเอง


ปัจจุบันนี้ เรามีแมวตัวนึง ไก่ 5 ตัว

สงสัยมั้ยว่า เราซื้อไก่มาเลี้ยงทุกปี ทำไมมีแค่5ตัว

ควรจะมี 20 ตัวเข้าไปแล้ว

แรคคูนกัดตายค่ะ

วันที่จับแรคคูนได้ มันมองหน้าเราแบบ

จะเอาไงล่ะเจ๊ จับได้แล้วนี่

เราปล่อยมันไป แล้วก็จับได้อีก

มันกลายเป็นวงจรอุบาทว์ไปแล้ว

จนเราคิดว่า ทำไมมันต้องมาเกิดกับเราวะ

ไก่รุ่นนี้ตายหมดเมื่อไหร่ จะไม่เลี้ยงอีกแล้ว


ยังมีอีกเรื่องนึง

เมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมา ซื้อต้นบลุเบอรี่มาปลูก














พอออกลูก นกก็มากิน

เลยเอาตาข่ายมาคลุม

คิดไว้ล่วงหน้าแล้ว ต้องเจอนกมาติดตาข่าย

แต่ไม่ใช่ กลายเป็นตัวชิพมั้งค์













เข้ามากินบลุเบอรี่ แล้วติดตาข่าย ออกไม่ได้ ยิ่งดิ้น ยิ่งพันเนื้อตัว

สภาพที่เราไปเจอ นอนหายใจแผ่ว หน้าตาบวม

เพราะถูกรัดแน่น

เอากรรไกรไปตัดตาข่าย เอาตัวออกมา













ดิ้นไม่ไหวแล้ว

เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ ส่องไฟให้อุ่นๆ











ซักพักมันค่อยดีขึ้น ขยับตัวได้ เราก็ปล่อยมันไป

สองวันถัดมา จับได้อีกตัว เฮ้อ

คราวนี้เอาไปปล่อยที่อื่น

แล้วเอาตาข่ายออก ให้มันกินกันตามสบาย

ขี้เกียจมานั่งปล่อยชิพมั้งค์อีก


ยังไม่รู้จะมีเรื่องบ้าบออะไรอีก กับเจ้าพวกนี้

สงสัยทำกรรมกะพวกมันมาเยอะ ถึงต้องมาเจอแบบนี้

คงต้องแผ่เมตตากันไปเรื่อยๆละมัง



ขอไว้อาลัยและขออโหสิกรรมแก่ชีวิตที่ต้องมาจบลงในมือเรา

ขอจงพบแต่ความสุข สงบ ตลอดกาล











 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2553
3 comments
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 4:44:09 น.
Counter : 5771 Pageviews.

 

ความรู้สึกผิดเป็นอะไรที่เหมือนเป็นบาปติดตัว ทุกครั้งที่คิดขึ้นมา
สาวก็เคยทำบาปหนนึง ตอนหน้าร้อนเพือนของแฟนให้กระต่ายมาเลี้ยง มันตัวใหญ่มาก อ้วนๆ สีเทาๆหูยาวมากกก สาวเป็นคนมาได้ไม่ชอบเลี้ยงกระต่าย เพราะหน้าตามันดูเฉยๆ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก เหมือนแมว กับหมา ไมเคิลให้มันอยู่ในห้องเก็บรองเท้า แต่พอตอนกลางคืนมันเข้ามาห้องรับแขก กันสายเคเบิ้ลทีวี ขาดหมดเลย สายไฟมันกัดแค่พอถลอก ไม่ให้ขาด สาวนะโมโหมากเลย ไมเคิลเลยตัดสินใจเลี้ยงให้มันอยู่ในรั้วบ้าน ด้านสนามหน้าบ้าน เลี้ยงมาได้ประมาณเดือนกว่า มีวันนึง มันรอดรั้วหนีออกไปเล่น ข้างนอก บริเวณรอบๆบ้านนั่นแหละ เพราะมันคงเห็นกระต่ายป่า สองแม่ลูก วิ่งเล่นอยู่ข้างนอก ทีแรกตกใจมาก วิ่งไปจับกระต่าย ไล่จับกันสองคนแม่ลูก ดัสติน ก็ช่วยแม่อีกแรง กว่าจะจับได้เล่นเอาหอบเลยค่ะ พอวันหลังมันก็ออกไปอีก คิดในใจมันคงอยากมีเพือน แล้วมันตัวผู้ด้วย สามีบ่นว่า มันเป็นกระต่ายเลี้ยง เอาตัวรอดไม่เป็น ไม่เหมือนกระต่ายป่า แต่สาวเคยเห็นมันกำลังเล่นกับแม่กระต่ายเลยบอกไมเคิลว่าคงไม่เป็นไรหรอก มันไม่ได้ไปใหนไกล เลยปล่อยมันเล่น ข้างนอกแล้วเอาอาหารไปวางให้มัน อีกสองวันต่อมา เห็นมันนอนหงายท้องอยู่ข้างๆโรงเก็บของ ก็คิดว่าอากาศคงร้อน มันคงชอบนอนตากแดด ก็ไม่ได้คิดอะไร สองชั่วโมงผ่านไป บังเอิญออกไปเห็น มัน ยังนอนอยู่ที่เดิมแต่ดูหายใจแรง วิ่งออกไปดู ท่าทางเหมือนมันกำลังจะตาย หายใจหอบ พยายามมองหาแผล แต่ก็หาไม่เจอ รีบโทรหาไมเคิล ๆบอกให้เอาน้ำให้มันกิน เสร็จแล้วรีบอุ้มมันพากลับเข้าบ้าน แต่พอวางมันลงในบ้าน มันชักกระตุกสองที แล้วนิ่งไปเลย สุดท้าย กระต่ายก็ต้องมาตายเพราะสาว หากเชื่อแฟนตั้งแต่แรกเอามันกลับเข้าบ้าน แล้วซ่อมรั้วให้มัน หรือไม่ก็เอามันใส่กรง ก็คงไม่ตาย แบบนี้
ตอนนั้นนอนไม่หลับอยู่หลายวัน นึกถึงแต่ภาพที่มันชักกระตุกตายต่อหน้าต่อตา จนเดี๊ยวนี้แล้วก็ยังไม่รู้ว่ามันตายเพราะอะไรแผลก็ไม่มี

เอามาเล่าให้พี่ตาอ่านเล่นๆค่ะ อย่างน้อยก็ยังมีอีกหลายๆคนที่ทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นด้วยอีกคนที่พี่ตาไม่เอาสัตว์อะไรมาเลี้ยงอีก ไม่ต้องมาผูกพันแล้วตายจากกัน แต่ตอนนี้ อีตาไมเคิลเอาหมามาเลี้ยงอีกแล้ววว เหมือนตอนกระต่ายเลยค่ะ เพื่อนให้มา เพราะหมาตัวนี้มันเป็นพันธ์ ล่าสัตว์มันไปกัดไก่ข้างบ้านตาย ถ้าไมเคิลไม่เอามาเลี้ยงเขาจะไว้ที่ animal control อะไรนี่แหละ และหากว่าไม่มีใครเอาไปเลี้ยงต่อ เขาก็จะฆ่าหมาตัวนั้นไปเลย พี่ตาคงพอรู้กฏหมาย การเลี้ยงสัตว์ของเมกา ไมเคิลสงสารตัดสินใจเอามันมาเลี้ยง แต่มันก็น่ารักดีแสนรู้มาก แต่ได้เป็นเวรเป็นกรรมกับสาวอีกแน่เลยหากสาวต้องกลับไทยเดือนกุมภาปีหน้า คงคิดถึงมันมากๆๆ

 

โดย: แม่บ้านครอว์ฟอร์ด 19 พฤศจิกายน 2553 2:01:29 น.  

 

แวะมาอ่านจร้าขออนุญาตฝากเว็บไว้ในอ้อมกอดน้อยๆด้วยนะครับ|เข้าชมเว็บ บิ๊กอายขอบคุณครับ

 

โดย: bigeye (tewtor ) 17 เมษายน 2554 8:26:05 น.  

 

เข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ

บ้านเราอยู่ในซอยเล็กๆ ที่มีรถวิ่งเข้า
วิ่งออกตลอดวัน เรามีแมวในบ้าน
ตั้งแต่เราจำความได้ ผ่านเรื่องราว
การรับแมวที่หลงเข้ามา ให้ข้าว
ให้น้ำ พาไปหมอ จนเกิดความรัก
ต่อด้วย รถที่วิ่งมาอย่างเร็วชนมันเข้า
อย่างจังจนจบชีวิตแมวเล็กๆของมัน

วนเวียนอยู่อย่างนี้นับครั้งไม่ถ้วน..


เราไม่สามารถขังพวกเค้าไว้ในกรงได้
คิดแล้วก็เจ็บใจ ถ้าขังไว้ซะ ก็จะไม่
ต้องเจ็บปวดที่มันจากไป

แต่การที่เราจะขังมันเอาไว้ในกรง
เล็กๆ ก็คงจะเป็นการทรมาณมัน
ยิ่งกว่าความตาย


เราได้แต่บอกตัวเองว่า นี่แหละ
คือวิถีของแมว หน้าที่ของเรา
มีแค่ให้ข้าวกับปลาทูอร่อยๆ
น้ำสะอาด ที่นอนนิ่มๆที่ปลอยภัย
พาไปหาหมอเวลาเจ็บป่วย และ
ให้ความรักอย่างเต็มที่

นอกเหนือจากนี้ เราได้แต่ยอมรับ
สิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

 

โดย: Monkey_Bone (monkey_bone ) 18 เมษายน 2555 14:06:51 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
6 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.