|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
*+*+*ก้าวแรกที่ลอนดอน*+*+*
เราขึ้นเครื่องตอนกลางคืน เครื่องออกวันที่30กรกฎาตอนตีหนึ่ง ตอนนั่งรถมาเนี่ย ความเศร้ามันบังเกิดมาตลอดทางเลยอ่ะ มันเริ่มไม่อยากห่างจากพ่อแม่อีกแล้ววว พอมาถึงสุวรรณภูมิก็check in กระเป๋าเรา33.2กิโลก็ผ่านมาได้นะ แล้วก็ไปกินข้าว แต่ขอบอกว่าใครที่จะมากินที่สนามบิน อย่าเลย เพราะมันแพงเว่อร์ พอถึงเวลาห้าทุ่มกว่าเราก็ร่ำลาพ่อแม่และญาติสนิทที่มาส่ง มันเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ร้องไห้ออกมาอีกแล้วววว เฮ้อออ นี่เราจะต้องห่างกะครอบครัวไปอย่างน้อยก็ปีนึงเลย( ถ้าเราไม่หนีกลับมาเยี่ยมซะก่อน อิอิ ) เราก็พยายามปลอบใจตัวเองว่ากลับมาเยี่ยมได้ เพราะตั๋วเครื่องบินที่อังกฤษถูกมาก พอผ่านpassport controlแล้วก็ชอปของที่เพื่อนฝาก แล้วก็เดินไปที่gateตรวจกระเป๋าcarry onอีกที แล้วก็นั่งรอหน้าgateระหว่างรอก็โทรหาแม่ จนเค้าเรียกขึ้นเครื่อง
ถึงแม้จะเป็นการบินไทย แต่...คนต่างชาติเยอะมากๆๆๆ คนนั่งข้างๆเราเป็นสามีภรรยามีอายุหน่อยเป็นคนอังกฤษ แต่เค้านิสัยดีมากๆอ่ะ เค้าช่วยเราทุกอย่างเลย ทั้งสั่งอาหาร เค้ายังเอาเชือกที่ใส่หูฟังเค้ามาให้เราผูกกระเป๋า เพราะกลัวของหล่น เรานี่แบบ ถ้ามีคนแบบนี่ในอังกฤษเยอะ เราคงสบายใจมากๆอ่ะ อิอิ
นั่งเครื่องมาเรื่อยๆพร้อมอาหารสองมื้อ มาถึงลอนดอนก่อน7โมงนิดหน่อย ลงเครื่องปุ๊บ ก็เดินตามป้ายArrival เดินตามมาเรื่อยๆ ไม่หลงแน่ๆ คอนเฟิร์ม อิอิ แล้วก็จะเข้ามาในhallที่แยกคนUK Europe USAกับ All others เราก็เข้าไปที่All others ต่อแถวไปเรื่อยๆ ตรงนี่สำคัญ ขอมาร์กดอกจัน78ดอกว่า ไปต่อแถวที่เจ้าหน้าที่ตรวจpassportเป็นผู้ชายนะคะ เพราะเราเนี่ยโดนตรวจเสมหะ พอถึงเวลาเค้าตรวจเอกสาร เราได้ผู้ชายตรวจ ก็ยื่นpassport visa letter แล้วก็ผลIOMพร้อมผลที่ตรวจเสมหะ เราผ่านมาอย่างง่ายดาย เค้าถามแค่ว่า มาทีนี่ครั้งแรกใช่มั้ย เรียนอะไร นานแค่ไหน แค่นั้นเอง แต่เราแอบเห็นคนไทยอีกคนผู้หญิงตรวจ คนนี้ก็คงโดนตรวจเสมหะ เพราะแอบเห็นใบx-ray เจ้าหน้าที่ผู้หญิงตรวจนานมากๆๆๆๆๆๆ มากจริงๆ แล้วคนนั้นยังไม่ผ่านด้วย โดนเค้าให้ไปตรวจปอดใหม่ ดังนั้นใครที่จะไปแนะนำว่าให้เจ้าหน้าที่ผู้ชายตรวจเป็นดีที่ซู้ด
หลังจากผ่านด่านตรวจpassportแล้วออกมาเป็นทางตันให้เลี้ยวขวา ทีนี้ตามสัญลักษณ์รูปกระเป๋าเดินทางเฉียงๆไปนะ มันคือสัญลักษณ์Baggage reclaim คือไปเอากระเป๋าเดินทางอ่ะแหละ ลงบันไดเลื่อนลงมา เดินไปดูตรงบอร์ดไฟฟ้า มันอันเล็กๆหน่อย จะมีบอกว่าflightไหนไปที่สายพานไหน เสร็จก็เดินไปรอกระเป๋า แล้วก็เดินลากออก ทางที่ออกสังเกต Nothing to declareเดินออกมาทางนั้นไปเรื่อยๆ Exitไป พยายามทำเนียนๆ ใครที่พกไรที่เค้าห้ามเอาเข้า อย่าวิ่ง อย่าเดินเร็ว อย่ามองหน้าเจ้าหน้าที่เป็นดีที่สุด อิอิ เค้าจะได้ไม่มาขอตรวจ เสร็จก็ออกมา จะคนรอเต็มไปหมด นัดแนะกับคนที่มารับให้ดีๆนะคะ เพราะคนรอเยอะเหมือนกัน
นี่เป็นขั้นตอนทั้งหมดนะจ๊ะ ไม่รู้ว่าอธิบายเข้าใจป่าว แต่ก็พยายามให้ละเอียดที่สุด บังเอิญครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราขึ้นเครื่องบินคนเดียวเลยเกิดอาการกลัวๆ เราเลยมาเขียนไว้ เผื่อให้ที่กลัวๆเหมือนเราจะได้ทราบรายละเอียดก่อน จะได้ไม่กังวลค่ะ
Create Date : 04 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 6 สิงหาคม 2552 4:57:13 น. |
|
9 comments
|
Counter : 595 Pageviews. |
|
|
|
โดย: oRanGIsM วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:3:48:50 น. |
|
|
|
โดย: somphoenix วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:5:05:04 น. |
|
|
|
โดย: rose IP: 117.121.218.98, 117.121.208.2 วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:10:25:26 น. |
|
|
|
โดย: หนูเมเปิล วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:19:49:48 น. |
|
|
|
โดย: tanya tanya วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:19:14:14 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
London United Kingdom
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
There is a world where hope And dreams can last for all time I wonder this place to go You know it When your heart will find
***ขอความกรุณาอย่าโฆษณาในบล็อกนี้นะคะ***
|
|
|
|
|
|
|