บินเดี่ยวไปต่างประเทศครั้งแรกห่างอกพ่อแม่ด้วยความดี๊ด๊า (ยังไม่เจอดี) วันที่บินไปถึงสต๊าฟประจำในแคมป์ชื่อ Peggy ก็ขับรถของแคมป์มารับพร้อมรอยยิ้มและคำทักทายที่อบอุ่นต่อกะเหรี่ยงเข้าเมืองคนหนึ่งที่ภาษาปะกิดยังไม่ดี ฟังอะไรก็ไม่ค่อยทันยิ้มสู้อย่างเดียว นี่ขออวดรูปเพ็กกี้หน่อย อิอิ นางฟ้าของแคมป์ ใครมีปัญหาอะไร เพ็กกี้จัดการได้หมด
พอถึงแคมป์ประมาณ 2 ทุ่ม ขะน้อย(ฉัน) ขอบอกว่ามันยังสว่างโร่อยู่เลยค่ะเพราะหน้าร้อนจะมืดช้า ประมาณ 3 ทุ่มครึ่งกันเลยทีเดียว ที่นอนหรอคะ? คือเตียง2 ชั้น (Bunk Bed) เรียงกันยาวเต็มห้อง มีล๊อคเกอร์ข้างห้องน้ำรวม ซึ่งมีแต่ผ้าม่านกั้นไม่มีประตู แยกเคบินชายหญิง มีชื่อแต่ละเคบินเก๋เชียว เช่น Bee Hive Panthers lair Eagles nest
เราก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะคิดว่ามาเอาประสบการณ์ครั้งนี้ต้องเจออะไรที่ไม่เคยเจอเหมือนที่บ้านเราอยู่แล้ว หลังจากนั้น Peggyก็เอาผ้าปู ผ้าห่ม เครื่องนอน มาให้ 1 ชุด พร้อมปล่อยให้พักผ่อน เราเลยหาเตียงสิง ทั้งนี้มี Counselor จากประเทศอื่นๆมาถึงและจับจองเตียงบ้างแล้ว (ซึ่งต่อไปนี้จะผันตัวเองและคนอื่นเป็นสต๊าฟของแคมป์แล้วนะคะ ไม่ใช่อะไร จะได้เรียกง่ายๆ อิอิ) ก็เลยแนะนำตัวพอเป็นพิธี และขอตัวไปอาบน้ำแล้วแกล้งตายบนที่นอน
บรรยาการรอบๆ แคมป์เป็นภูเขาอย่างที่เกริ่นในตอนแรก ช่วงเดือนมิถุนายน อากาศตอนเช้าดีมากจะเย็นๆเล็กน้อย การเห็นกระต่ายตัวเล็กๆ กระโดดไปมาหาหญ้าอ่อนกินข้างๆเคบินเป็นเรื่องปกติ ซึ่งน่ารักมากกกก ถึงเค้าจะเห็นคนบ่อยแต่ถ้าไปใกล้มากก็กระโดดหนี ไม่ยอมให้จับเหมือนกัน เราเคยถ่ายรูปไว้แต่หาไม่เจอค่ะ
สต๊าฟจากหลายๆประเทศไปถึงก่อนแคมป์เปิดประมาณ4-5 วัน ส่วนมากเป็นวัยรุ่น วัยเรียนทั้งหมด มีเด็กมหาวิทยาลัยอเมริกันบ้าง ต่างพากันมาหาประสบการณ์ชีวิตเรียนรู้การทำงานเป็นทีม และปรับตัวเข้ากับผู้อื่นที่มาจากต่างวัฒนธรรม พอรู้จักหน้าตากันบ้างแล้วก็มีการแบ่งกลุ่มประจำเคบินและมีการแต่งตั้งหัวหน้า พร้อมร่วมทำกิจกรรมต่างๆเตรียมความพร้อมในการรับมือกับแคมเปอร์(ผู้เข้าค่าย) ก็มีการทำความรู้จักและพักผ่อนตามเรื่องตามราว พอสองวันก่อนแคมป์เปิด ก็มีพยาบาลมีแนะนำว่าต้องปฏิบัติกับแคมเปอร์อย่างไรบ้าง
ตรงนี้เรายังไม่ได้บอกว่าที่นี่เป็นแคมป์ Special Needs Camps คือแคมป์เด็กพิเศษ ซึ่งรับตั้งแต่งอายุประมาณ 6 ขวบ 60 ปีมีหมดทุกอาการ ออทอสติค ไฮเปอร์ ตาบอด หูหนวก ใบ้ อัมพาต ช่วยตัวเองไม่ได้ มีอาการทางจิต(ไม่รุนแรง)และนั่งรถเข็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก
อาทิตย์แรกมีคนลาออกกลับประเทศไปเยอะมากเพราะปรับตัวไม่ได้ งานหนักและต้องแอททีฟตลอดเวลา ตื่นเช้าหลับดึก เนื่องจากจุดประสงค์แคมป์คือให้ผู้เข้าร่วมได้รับความสนุกและสนับสนุนให้แคมเปอร์เข้าสังคมในช่วง1 อาทิตย์นอกเหนือจากที่บ้านหรือ Home ที่เค้าอยู่ประจำ เราได้อยู่ดูแลเคบินผู้ชาย มีสต๊าฟรวมหัวหน้าและเราทั้งหมด 5 คนต่อหนึ่งเคบิน แคมเปอร์ประมาณ 13-18 คน หากอาทิตย์ไหนมีที่ช่วยตัวเองไม่ได้แบบเป็นอัมพฤก อัมพาต หรือนั่งรถเข็นละก็ หนักเลยค่ะ นี่ไม่รวมป้อนข้าว ใส่เสื้อผ้าให้ ทาเครีมกันแดดให้ เปลี่ยนแพมเพิส พาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำให้ เข็นรถเข็นขึ้นเคบิน (ทางลาดเอียง T_T)
แคมเปอร์แต่ละคนจะมีโปรไฟล์ส่วนตัวคนละหลายหน้าบอกรายละเอียดว่าเค้าพิเศษตรงไหน วันนึงต้องรับยากี่รอบ แพ้ยาอะไร ทานอะไรได้หรือไม่ได้ ว่ายน้ำเป็นหรือไม่ เวลาลงว่ายน้ำพอเราดูประวัติเค้าก็จะรู้ว่าคนไหนต้องใส่เสื้อชูชีพบ้าง บางวันที่น้ำค่อนข้างเย็น สต๊าฟก็ทำใจลำบากจะลงน้ำเหมือนกัน T_T แต่มีเฮ ถ้าไม่มีแคมเปอร์คนไหนอยากว่ายน้ำเลยซักคน เราก็จะพากันไปทำกิจกรรมอื่น ฮาาา
เดินขึ้นไปบนเขาอีกหน่อยจะมีสระของแคมป์อยู่ ที่นี่เราจะพากันถีบเรือ ถ้าแคมเปอร์ถีบไหวคนเดียว สต๊าฟก็แอบนั่งอู้อยู่ข้างๆ 555 ทั้งนี้ทั้งนั้น เรือทุกลำที่ถีบออกไปจำเป็นต้องมีสต๊าฟประกบทุกลำ ไม่งั้นสต๊าฟจะงานเข้าถ้าเกิดอะไรขึ้น อาจจะโดนถีบได้เลยทีเดียว ^^' (รูปนี้ยื้มรูปเพื่อนมา หารูปตัวเองไม่เจอ หุหุ)
ร้องรำทำเพลงหลังทานอาหารเย็น ณ จุดนี้ สต๊าฟรั่วกว่าแคมเปอร์ได้อีก อิอิ
กิจกรรมมีหมุนเวียนทั้งวันเช่น ร้องเพลง งานฝีมือ ระบายสี ขี่ม้า ว่ายน้ำ รอบกองไฟ เรือถีบ กีฬาอื่นๆโดยสต๊าฟจะเป็นผู้ช่วยและดูแล เป็นอะไรที่เหนื่อยมากตอนเย็นทานข้าวเสร็จก็พาแคมเปอร์กลับมาเคบิน อาบน้ำ นอนคนที่อาบน้ำเองไม่ได้เราก็ต้องช่วย บางทีที่ใช้แขนไม่ได้เลย ต้องให้สต๊าฟชายช่วยเพราะผู้หญิง 2 คนอย่างเราและเยอรมันอีกนางคงไม่สะดวกใจล้วงปิกาจู้ผู้ชาย T_T
อันนี้จำไม่ได้ว่าวันอะไร รู้แต่สต๊าฟต้องโดนแคมเปอร์เอาคืนกันทุกคน
อันนี้วันฮาโลวีน เราไม่ใช่มัมมี่นะ เราเป็นผีทิชชู่ 555
มาเต้นมาการิต้ากันจ้าาาา
พี่แม็กซ์ ขวัญใจของทั้งแคมป์ เชื่องและน่ารักมั่กๆ เราแอบมาเล่นด้วย ปัอนหญ้า และขี่เป็นประจำ
วันไหนฝนตกอากาศไม่ดี ขี่พี่แม็กซ์ไม่ได้ ก็พาแคมเปอร์มาแปรงขนพี่แม็กซ์แก้ขัด
บางอาทิตย์ก็มีปีนผาจำลอง หนุกกันได้ทั่วถึงทั้งสต๊าฟทั้งแคมเปอร์
จีบน้องมิก้า ลูกของพยาบาลในแคมป์...เอิ่ม ไม่เด็กไปชิมิ๊ >,<
โหด มันส์ ฮามากในแต่ละวัน อย่างที่บอกว่าอาทิตย์แรกมีสต๊าปเซย์บายกลับบ้านเยอะมากแต่เราจะให้เสียศักดิ์และกิตติศัพท์ความถึกของหญิงไทยเสียมิได้ อยู่ต่อจนจบโครงการ และพอตอนกลับนี่สิคนละเรื่อง ไม่อยากจากกันเลย ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่ต้นเหมือนพี่น้องกันไปแล้ว วันหยุดก็เข้าเมืองไปเที่ยว ดื่ม ช็อป ฮากัน
เพื่อนร่วมอุดมการณ์เคบินเก๊า (Panther's Lair) ยาน่าสาวห้าวเยอรมัน และอัลวินหนุ่มขี้เฟลิทเคบินข้างๆจากยูกานดา
และที่ประทับใจ คือตอนที่เราอยู่ในแคมป์เป็นวันเกิดเราพอดี เพื่อนๆสต๊าฟก็มีจัดเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เราด้วย น้ำตาไหลกันเลยทีเดียว พร้อมเค้กที่เขียนว่า สุขวันต์วันเกิดเป็นภาษาไทย ประทับใจมากกก ไม่รู้ไปให้ร้านไหนเค้าทำให้ เห็นว่านั่งรถไปสั่งกันในเมืองเลยทีเดียว >,<
ที่นี่มีครัวใหญ่ติดกับโรงอาหาร ซึ่งสาวยูเครนทั้งสองเป็นแม่ครัว เราก็มีไปแลกเปลี่ยนเมนูไทยบ้างคือ ต้มมาม่ารสต้มยำกุ้ง รสนี้เป็นที่โปรดปรานของสต๊าฟที่สุดในบรรดารสอื่นๆ กินไปน้ำมูก น้ำตาย้อยไป ฮามาก
เค้กเรียกน้ำตา :D
ประสบการณ์นี้มันขัดเกลาให้เราปรับตัวมีความรับผิดชอบ และได้มิตรภาพดีๆจากเพื่อนหลายประเทศ ทุกวันนี้ผ่านมา 6 ปีแล้วยังติดต่อหากันอยู่ผ่านเฟสบุ๊คและอีเมล์
เราแนะนำโครงการดีๆอย่างนี้ ที่อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่า Work and Travel แต่ประสบการณ์ที่ได้รับก็คุ้มค่ามาก มาแล้วจะทำให้คุณโตขึ้น เป็นผู้หญ่ขึ้น และมีความรับผิดชอบมากขึ้น ภาษาดีขึ้น พูดไปก็คิดถึงสต๊าฟและแคมเปอร์ทุกคนถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปอีกเพราะมันเป็นประสบการณ์ชีวิต 3 เดือน ที่คุ้มค่ามากจริงๆ