Bloggang.com : สมาชิกหมายเลข 714858 - Tennis Australian Open: ศึกดวลแร็กเก็ตแดนจิงโจ้

Tennis Australian Open: ศึกดวลแร็กเก็ตแดนจิงโจ้

เมื่อกลางปี 2013 ผมเขียนเรื่องเทนนิส French Open ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่รายการแกรนด์สแลมของโลก ครั้งนี้ผมจะเขียนถึงประสบการณ์กับรายการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมอีกหนึ่งรายการที่ทำการแข่งขันในเดือนมกราคม นั่นคือเทนนิสAustralian Open

Australian Open จัดแข่งขันที่เมืองเมลเบิร์น (Melbourne) ประเทศออสเตรเลีย เริ่มต้นช่วงกลางเดือนมกราคมของทุกปี ซึ่งเป็นฤดูร้อนของที่นั่น (เนื่องจากออสเตรเลียอยู่ซีกขั้วโลกใต้ ฤดูกาลจะตรงข้ามกับประเทศในซีกขั้วโลกเหนือ)

สนามแข่งขัน

การแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมของออสเตรเลียนี้จัดที่สปอร์ตคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ชื่อว่า Melbourne Park

ในการแข่งขัน Australian Open จะใช้สเตเดี้ยมขนาดใหญ่สองสนามใน Melbourne Park เป็นคอร์ทโชว์ ได้แก่ Rod Laver Arena และ Hisense Arena ส่วนที่เหลือจะเป็น ground courts (ประมาณ 20 กว่าคอร์ท)

ตอนปี 2009 ที่ผมไปดูมีคอร์ทโชว์สามคอร์ท อีกสเตเดี้ยมหนึ่งชื่อ Margaret Court Arena แต่ปัจจุบันถูกปรับไปเป็นground court แล้ว

คอร์ทโชว์คือสนามที่กำหนดหมายเลขที่นั่งผู้ชมไว้ตายตัว ผู้ชมต้องนั่งตามที่ระบุไว้ในตั๋ว ส่วน ground courts ไม่มีที่นั่งตายตัวอยากนั่งตรงไหนก็ได้ถ้าว่าง

นักเทนนิสมือวางอันดับต้นๆและนักเทนนิสเจ้าภาพมักถูกจัดให้แข่งที่คอร์ทโชว์ ส่วนมือวางรองๆไปจะไปแข่งตาม ground courts

พื้นผิวสนามของคอร์ทเทนนิสเป็นแบบฮาร์ดคอร์ท (Hard Court) ซึ่งต่างจาก clay court ของ French Open และ grass court ของ Wimbledon

การเดินทางไปสนามแข่งขัน

จากบริเวณ Flinders Street นั่งรถรางหมายเลข 70 ประมาณ 5-10 นาที

การซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขัน

รายการ Australian Open เปิดขายตั๋วผ่าน agency ซึ่งปี 2014 เป็นเจ้าที่ชื่อว่า Ticketek.com
//premier.ticketek.com.au/

ตั๋วเข้าชมการแข่งขันแบ่งเป็นสามแบบ

ตั๋วเข้าชมคอร์ทโชว์ Rod Laver Arena รวม ground courts (ไม่สามารถเข้าชม Hisense Arena ได้)
ตั๋วเข้าชมคอร์ทโชว์ Hisense Arena รวม ground courts (ไม่สามารถเข้าชม Rod Laver Arena ได้)
ตั๋วเข้าชม ground courts เพียงอย่างเดียว (เรียกว่า Ground Pass)

คอร์ทโชว์จะแบ่งการแข่งขันเป็นสองรอบคือรอบกลางวัน (เริ่มประมาณ 11 โมงเช้า) และรอบค่ำ (เริ่มประมาณ 7 โมงเย็น) ตั๋วเข้าชมแต่ละรอบขายแยกกัน

ส่วน ground courts จะเริ่มแข่งขันตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วแต่ว่าจะแข่งเสร็จเมื่อไหร่

การแข่งขันในปี 2009

ผมไปดูการแข่งขันในวันที่ 23 มกราคม ซึ่งเป็นการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยวในรอบสาม ผมมีตั๋วรอบกลางวันที่สนาม Hisense Arena และรอบค่ำที่ Rod Laver Arena

ที่ Hisense Arena รอบกลางวันมีการแข่งขันสามคู่ คู่แรกเป็นชายเดี่ยวระหว่าง Juan Martin del Potro (อาร์เจนติน่า-มือวางอันดับ 8) กับ Gilles Müller (ลักเซมเบิร์ก) ซึ่งมือวางอันดับแปดก็ชนะไปตามฟอร์ม 3-1 เซ็ต ผมไม่ได้ดูคู่นี้เพราะใช้เวลาเดินโต๋เต๋สำรวจสนาม

คู่ที่สองเป็นหญิงเดี่ยวระหว่าง Alizé Cornet (ฝรั่งเศส-มือวางอันดับ 15, ชุดขาวกระโปรงแดง) กับ Daniela Hantuchová (สโลวาเกีย-มือวางอันดับ 19, ชุดสีฟ้า)

ถึงแม้ผมจะแอบเอาใจช่วยน้อง Hantu สาวสวยหุ่นนางแบบ แต่เธอก็ต้านไม่อยู่พ่ายไป 1-2 เซ็ต

คู่ที่สามเป็นชายเดี่ยวระหว่าง Andy Roddick (สหรัฐอเมริกา-มือวางอันดับ 7, ชุดขาวแขนดำ) กับ Fabrice Santoro(ฝรั่งเศส-ชุดขาวล้วน) ซึ่งทัวร์นาเม้นท์นี้เป็นรายการสุดท้ายของ Santoro ก่อนจะแขวนแร็กเก็ต แต่ Roddick ก็จัดไม่เลี้ยงชนะไป 3-0 เซ็ต ปิดฉากอำลาชีวิตนักเทนนิสของ Santoro

ตอนปี 2009 มีนักเทนนิสหญิงของเจ้าภาพที่ไม่ใช่มือวางแต่ฟอร์มดีทะลุเข้ารอบสามมา ทำให้เจ้าภาพจัดให้เธอแข่งที่สนามRod Laver Arena ในช่วงค่ำเป็นคู่แรก ก็เลยระเห็จน้อง Ana Ivanovic ซึ่งเป็นมือวางอันดับสูงกว่าไปแข่งที่ Hisense Arena แทน

คราว French Open ผมพลาดดูน้อง Ana เพราะมัวแต่ออกไปกินข้าว มาคราวนี้จึงไม่อยากพลาดซ้ำอีก ก็เลยยอมควักเงินซื้อตั๋ว Hisense Arena รอบค่ำเพิ่ม

ซึ่งน้อง Ana Ivanovic (เซอร์เบีย-มือวางอันดับ 5, ชุดสีม่วง) พบกับ Alisa Kleybanova (รัสเซีย-มือวางอันดับ 29, ชุดเหลืองกระโปรงม่วง) แข่งเป็นคู่แรกรอบค่ำของสนาม

ตามอันดับโลกน้อง Ana เหนือกว่าหลายขุม แต่คงเป็นเพราะมีตัวซวยอย่างผมเชียร์เธออยู่ เลยพลิกล็อกแพ้ไป 1-2 เซ็ต (เชียร์ใครชีวิตเค้าอับเฉาทันที)

พอจบคู่น้อง Ana ผมก็รีบจ้ำกลับไปที่ Rod Laver Arena เนื่องจากคู่แรกที่ Hisense Arena แข่งกันนานมาก พอกลับมาที่Rod Laver Arena คู่แรกที่นักเทนนิสเจ้าถิ่นแข่งก็จบไปแล้ว แถมคู่ที่สองที่เป็นคู่เอกก็แข่งไปครึ่งทางแล้ว

คู่เอกที่สนาม Rod Laver Arena เป็นการแข่งขันชายเดี่ยวระหว่าง Roger Federer (สวิส-มือวางอันดับ 2, เสื้อน้ำเงิน) กับMarat Safin (รัสเซีย-มือวางอันดับ 26, เสื้อเหลือง)

ตอนนั้น Federer ยังฟอร์มฮ็อทอยู่จึงชนะไปอย่างไม่ยากเย็น 3-0 เซ็ต

หลังจบเกมมาให้สัมภาษณ์กับ Jim Courier อดีตนักเทนนิสระดับตำนาน

จบคู่ Federer ผมก็วิ่งรอกกลับไปที่ Hisense Arena อีกครั้งไปดูคู่ที่สอง ระหว่าง Marcos Baghdatis (ไซปรัส, เสื้อเขียว) กับ Mardy Fish (สหรัฐอเมริกา-มือวางอันดับ 23, เสื้อน้ำเงิน) ซึ่งแข่งไประยะหนึ่งแล้ว แต่อยู่ดูไม่จบก็กลับก่อนเนื่องจากล่วงเลยเวลาดึกมากแล้ว