Great Ocean Road
ความจริงประเทศออสเตรเลียเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม เพียงแต่แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเหล่านั้นอยู่กระจัดกระจายกันไปตามเมืองเล็กๆ ทำให้การท่องเที่ยวต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรการเงินมากหน่อย ทัวร์ออสเตรเลียส่วนใหญ่จึงมักตะลอนไปเที่ยวเฉพาะเมืองใหญ่ๆเท่านั้น ครั้งนี้จะขอเขียนเล่าเรื่องการเดินทางในออสเตรเลียเพื่อชมมหัศจรรย์ความงามที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติแห่งหนึ่ง นั่นก็คือเส้นทาง Great Ocean Road

Great Ocean Road อยู่ในรัฐ Victoria เป็นถนนยาว 243 กิโลเมตรลัดเลาะไปตามชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรเลีย เริ่มต้นที่เมือง Torquay สิ้นสุดที่เมือง Warrnambool แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะเริ่มต้นการเดินทางจากเมืองเมลเบิร์น (Melbourne) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด


วามสวยงามของ Great Ocean Road นอกจากทัศนียภาพถนนเลาะเลียบชายฝั่งแล้ว ก็คงเป็นความตระการตาของแท่งหินขนาดใหญ่รูปทรงประหลาดตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ฝั่งซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเส้นทางสายนี้ รูปทรงของแท่งหินเหล่านี้เกิดจากการกัดกร่อนของกระแสลมและกระแสน้ำตามธรรมชาติ

การเดินทางที่เหมาะที่สุดสำหรับเส้นทาง Great Ocean Road ก็คือเช่ารถขับไปเอง เพราะสามารถจอดแวะชมวิวถ่ายรูปที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากขับรถเองก็ขอแนะนำให้ซื้อ land tour เหมือนผม ทัวร์ Great Ocean Road จะเริ่มต้นจากเมืองเมลเบิร์น รวมทั้งทริปกินเวลาสิบกว่าชั่วโมงขึ้นไป

เมื่อขึ้นรถทัวร์แล้วแนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายของรถ เพราะจะสามารถชมวิวทะเลผ่านหน้าต่างได้โดยตรง แต่ถ้าเผลอนั่งฝั่งขวาก็จะต้องส่องวิวผ่านหัวคนแทน (ดังเช่นรูป)


โปรแกรมทัวร์จะแวะจอดที่หาด Bells Beach เป็นจุดแรก หาดนี้มีชื่อเสียงเรื่องการเล่นเสิร์ฟ


ระหว่างรถแล่นเลาะเลี้ยวตามเส้นทาง จะสามารถชื่นชมภาพวิวทะเลได้ตลอดเวลา


ใกล้ๆเที่ยงก็จะแวะอีกจุดที่ Cape Patton Lookout ให้ถ่ายรูป จากนั้นก็แวะทานอาหารเที่ยงที่ Apollo Bay


ไฮไลท์ของทัวร์อยู่หลังอาหารกลางวัน เริ่มจากหิน 12 นักบุญ (The Twelve Apostles) ซึ่งเป็นดงแท่งหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านในทะเลไม่ไกลจากชายฝั่ง


จริงๆแล้วแต่เดิมมีแท่งหินจำนวน 9 แท่งเรียกว่าหินนักบุญ (The Apostles) แต่คนนิยมเรียกให้เก๋ไก๋ว่าหินสิบสองนักบุญ (หมายถึงสาวกทั้งสิบสองของพระเยซู) แต่ปัจจุบันนับยังไงก็ไม่ถึงเก้า เพราะแท่งหินแท่งหนึ่งได้พังลงไปในปี 2005

ที่จุดชมวิวจะเห็นกองแท่งหินแยกเป็นสองฝั่ง ฝั่งขวามีอยู่ 5-6 แท่ง ฝั่งซ้ายมีอยู่ 2 แท่ง


ที่นี่ลมแรงมากจริงๆ จนน่าจะเรียกว่าพายุมากกว่า คิดเล่นๆว่าถ้าผมกระโดดลอยขึ้นไปในอากาศ เชื่อว่าลมน่าจะพัดมวลกายน้ำหนักร้อยกว่าโลนี้ให้ปลิวได้เลย

รถแล่นต่อจากหิน 12 นักบุญ มาที่ Loch Ard Gorge ชื่อ Loch Ard มาจากชื่อเรือสำเภาอังกฤษที่เคยมาจมแถวนี้ ลักษณะหินเหมือนหน้าผาสองฝั่งบีบเป็นช่องแคบ


ที่ Loch Ard Gorge นี้มีหินที่เรียกว่า Island Archway ที่เป็นแท่งหินรูปร่างคล้ายประตูโค้ง


ผมไปที่ Great Ocean Road ตอนต้นปี 2009 พอกลางปีหิน Island Archway ช่วงตรงกลางพังลง จนปัจจุบันกลายเป็นแท่งหินสองก้อนไม่เชื่อมต่อกัน หินสองก้อนนี้ถูกเรียกชื่อใหม่ว่า Tom กับ Eva ซึ่งเป็นชื่อของผู้โดยสารเรือ Loch Ard ที่รอดชีวิตเพียงสองคน


สิ้นสุดเส้นทาง Great Ocean Road ที่หิน London Arch ที่อยู่ไม่ไกลจาก Loch Ard Gorge


แต่เดิมเรียกว่า London Bridge เนื่องจากเป็นหินที่ยื่นต่อจากฝั่งมองแล้วรูปร่างคล้ายสะพานลอนดอน จนเมื่อปี 1990 หินช่วงเชื่อมต่อกับฝั่งพังลง ส่วนที่เหลือมีรูปร่างเป็นประตูโค้งลอยโดดๆกลางทะเล จึงเปลี่ยนมาเรียกว่า London Arch แทน


จะเห็นได้ว่ามหัศจรรย์ของเส้นทาง Great Ocean Road เกิดจากการสร้างสรรโดยธรรมชาติ ในขณะเดียวกันก็กำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลาเพราะธรรมชาติเช่นเดียวกัน

เว็บไซด์ข้อมูลการท่องเที่ยวเส้นทาง Great Ocean Road




Create Date : 03 พฤษภาคม 2556
Last Update : 3 พฤษภาคม 2556 14:51:20 น.
Counter : 2266 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 714858
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
3 พฤษภาคม 2556