เส้นทางการแอดมิชชั่น2(เฟรชชี่ปี1เด็กมหาลัย)


การเข้ารั้วมหาวิทยาลัยครั้งแรกมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นห่างอกแม่ไกลบ้านกลายเป็นเด็กหอมันเป็นแบบนี้นี่เอง วันแรกที่ขนของพ่อ แม่ มาส่งและดูพ่อแม่กลับขึ้นรถ มันเป็นอะไรที่รู้สึกเหมือนเด็กน้อยโดนทิ้ง รู้สึกโหวงเหวงในท้องไส้ยังไงชอบกล
      แต่ก็มีรูมเมทครับ เป็นเพื่อนสาขาเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน ประมาณนั้น มันเป็นคที่นิสัยใช้ได้เลยทีเดียวแต่ปากไม่ค่อยดีนิดหน่อย แซวผู้หญิงทีประมาณว่า "สวย สวยลากไส้เลยยยยย" หรือไม่ก็ ไเธอหน้าตาเหมือนคนที่ลงหนังสือพิมพ์เลย เคยอ่านป่ะคอลัมน์มาลัยไทรัฐ แม่หม้ายลูกสี่ ป่ะ" ประมาณนั้น
      ได้รู้จักเพื่อนใหม่หลายชีวิต คนที่มาไกลจากต่างจังหวัด คนที่นามสกุลเหมือนยาย คนที่หน้าตา สำเนียงการพูดแตกต่างไปจากเรา เพื่อนในแก๊งค์วันแรกที่เข้ามา มีอุดมการณ์เดียวกัน เฮฮาด้วยกันมีประมาณ 10 ชีวิต ประมาณนั้น (คอยดูจำนวนที่เหลือตอนจบ) 
      การเรียนไม่เคยเจอห้องเรียนที่สโลบประมาณว่าใหญ่โต ผู้สอนไปกระจุกตัวเป็นตรงกลางในหลุมอะไรสักอย่างขนาดนั่งหน้ายังซูมหน้าไม่ค่อยจะชัด ดูจออย่างเดียวและก็เป็นสัจธรรมของชีวิต เมื่อมีคนเรียน ย่อมมีคนคุย ฟังไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว อาศัยจดเอาบ้าง กรณีเป็นภาษาประกิดก็ต้องนั่งแปลเอาบ้างนี่แหละวิชาเรียนรวม พอวิชาไหนเริ่มฟังไม่รู้เรื่องเริ่มเอาหนังสือการ์ตูนมาอ่านให้รู้ไปเลยว่า ไม่แคร์ ฮ่าๆๆๆๆๆ จนเริ่มสำเหนียกตัวเองก็เมื่อ คะแนนสอบกลางภาคออก
      วิชาที่ยากสำหรับผม คือ แคลคูลัส กลัวมาก หวาดมาก เพราะตอนม.ปลายดูง่ายนและชิวที่สุดในสามโลก เจออาจารย์ที่สอนเร็ว ไปเร็ว พูดไม่ค่อยเข้าใจ ยิ่งทำให้งงเป็นไก่ตาแตก โทรกลับบ้านไป ร้องไห้ กับแม่ "ผมขอดรอปน่ะแม่ เรียนไม่รู้เรื่องเลย เอฟชัวร์"แต่แม่ไม่ให้ดรอปด้วยเหตุผลที่ว่้าแม่เรียนมาไม่เคยดรอป และคิดว่าไม่น่าจะยากเกินนไป(มันเกี่ยวไรกันเนี่ย) และแล้วความเครียดก็ผ่านมันไปได้เกรดก็รอดมาแบบเรียกว่าใช้ได้ เพราะหลายคนร่วงไปเป็นแถวโปร(ลิโอ)รับประทาน
      นอกจากนี้กิจกกรมการเรียนก็มีกิจกรรมเข้าเชียร์ ที่แลดูโหดที่ทำให้คณะที่ผมเรียนติดชาร์ตต้นๆรองมาจากแม่โจ้ มีวาร์ก รุนแรง ออกเรี่ยวแรง อย่างกะเรียน นศท. ซึ่งหลายคนท้อ ถอย หวาดกลัว แต่ผมเฉยๆน่ะ(หรือผมบ้าไม่รู้ตัวกันแน่) แตาพอจบกิจกรรมนี้มา มันรู้สึกว่าเหมือนเข้ามาเป็นคนของคณะแบบเต็มตัว และก็มีรับน้องสาขา เปิดสายรหัส มีพี่ ลุง ยาย รหัสเป็นแถว ช่วงนี้กินหนมฟรี มีพาไปเลี้ยงบ้างพอหอมปากหอมคอ
     กิจ(เวร)กรรมที่ผมเกลียดที่สุด คือการขึ้นสแตนที่ต้องคอยมานั่งฟังรุ่นที่ ตุ๊ดๆ ว้าก โน่นนี่นั่น แม่คุณจะเต้นตีลังกาท้าลม ก็ต้องไปนั่งดูร้องเพลงให้พวกขึ้นเธอทั้งหลาย แถมพอทำงานไม่ได้ดั่งใจคุณเธอ เธอด่าด้วยว่า "พวกเมิงแค่นี้ก็ทำไม่ได้ เป็นHa' อะไรกัน ง่อยแดกกันหมด คนอย่างพวกเมิงอ่ะ "  อดทน อดทน คือสิ่งที่ผมท่องเอาไว้ในใจ เพราะเวลาตีสามแล้ว เวลาที่ควรจะพัก ที่ต้องตื่นมาตอนตี 5 เพื่อความฝันของพวกคุณเธอ จะอยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ " พวกเธอมีเรียกลงไปว้ากต่อ สารพัดจนเพื่อนก่อม๊อบทนไม่ได้ ผมเลยร่วมวงเป็นแกนนำเถียง "จะใช้ใครหัด ใช้คนอื่นด้วยวาจาดีๆบ้าง พี่ก็โตน่าจะคืดเป็นน่ะว่า คนเรามันก็มีจุดเหนื่อย" แล้วก็มีพี่ปีสี่วิ่งเข้ามาด่าขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางกลีบ ผมแค้นมากเพราะเป็นคำที่หยาบโลนสุดๆ ผมไม่ด่าสักคำ แต่ถอดรองเท้าเขี้ยงเป็นการโจมตี แทน พร้อมกับคำว่า "ไปตายซะอีผีกระเทยน้ำกร่อย"(โอ้วเลวมากตู ตอนนั้น กูทำไปได้ยังไง)
ช่วงนี้เป็นเหรัญญิกตามเก็บเงินเหนื่อยมาก ถึงกับต้องลาออก เพราะเพื่อนเริ่มเหม็นหน้า รุ่นพี่ไม่ชอบ เพราะไปตรวจสอบเงินละเอียดเกินไป เลยลาออกยกทีม เพราะรับไม่ได้ กับการโดนรุ่นพี่ ยอกเงินไปกับกิจกรรมที่คุณเธอ ไปแหกขา ตีลังกา ท้าลม

และปีหนึ่งเป็นเวลาที่ภาคภูมิใจกับการเป็นน้อง แต่งตัวเรียบร้อยใส่ไท้ อยากได้ชอป แบบรุ่นพี่ 
ชอบวิชาที่เป็นแลป เพราะได้ทดลองอะไรแปลกๆเห็นความตื่นตาน่าจดจำที่สมัยมัธยมไม่เคยเจอ ได้เริ่มเที่ยวกับเพื่อน ได้ไปกินหมูกระทะร่วมกัน ไปดูเพื่อนกินเหล้า เมา อ้วก สารพัด

ช่วงนี้รู้สึกว่าเรียนก็เหนื่อย ยังต้องมาสู้รบกับอะไรแปลกๆที่ไมา่เคยเจอะเจอซะด้วยสิ

ป.ล. มองหาเวลามาต่อเรื่องราวในปีสองให้ได้




Create Date : 06 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 7 เมษายน 2560 13:20:06 น.
Counter : 434 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

จอมโจรเม่นทะเล
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
2
3
4
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30